กอดฟาเธอร์ : ความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอด

กอดฟาเธอร์ : ความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอด
แอนดรูว์ โกรฟ อดีตซีอีโอก่อนหน้านี้ของอินเทลได้สร้างถ้อยคำ “ความหวาดระเเวงเท่านี้นที่อยู่รอด”ภายในหนังสังสือของเขาชื่อเดียวกัน “Only the Paranoid Survive” ความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอดจะเป็นบทเรียนคลาสสิคภายในความเป็นผู้นำ ผู้บริหารทุกคนภายในทุกอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์ ชื่อของหนังสือสะท้อนความเขื่อของเขาว่าภายในโลกของธุรกิจที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา – มันจะเป็นความตระหนักที่สูงของการคุกคามและความท้าทายที่จะเป็นไปได้ – สำคัญต่อความอยู่รอดและความสำเร็จความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอด เป็นหนังสือที่ได้สำรวจแนวคิดของจุดพลิกผันทางกลยุทธ์ ช่วงเวลาเมื่อธุรกิจหรืออุตสาหกรรมได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มันจะเป็นช่วงเวลาเมื่อพื้นฐานของธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลง เรามีช่วงเวลา ที่วิกฤติระหว่างชีวิตของบริษัทใดก็ตาม เมื่อบริษัทต้องประเมินใหม่กลยุทธ์ของพวกเขากลยุทธ์ต้องถูกนำมาสู่คำถามความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอดเป็นปรัชญาอย่างหนึ่งที่กระตุ้นบุคคลระมัดระวังต่อการคุกคามและโอกาสที่เป็นไปได้ภายในสภาพแวดล้อมการแข่งขันและมันได้เสนอแนะว่าความพึงพอใจเป็นอันตรายและบุคคลควรจะท้าทายฐานะเดิมอย่างสม่ำเสมอ และได้คาดคะเนการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพเเวดล้อมเช่นนี้ ความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอดทำให้บริษัทจะต้องตระเตรียมและเฝ้ามองอันตรายจากทุกมุมแอนดรูว์ โกรฟ ได้เตือนเราว่าความสำเร็จของธุรกิจบรรจุเมล็ดพันธุ์ของการทำลายตัวมันเอง ธุรกิจของคุณยิ่งทำกำไรมากขึ้นเท่าไรคุณสามารถคาดหวังการเเข่งขันยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นความรับผิดชอบสำคัญที่สุดของผู้บริหารคือ ป้องกันต่อสู้การโจมตี และปลูกฝังทัศนคติการคุ้มครองต่อความเชื่อของบริษัทแต่กระนั้นการคาดคะเนการคุกคามเหล่านี้พูดง่ายกว่าทำ โชคดีต่อเรา แอนดี โกรฟ ได้ร่วมความคิดบางอย่างบนเรื่องนี้
เราทุกคนต้องเปิดเผยตัวเราเองต่อสายลมของการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจทุกอย่างดำเนินงานโดยกฏที่ไม่ได้พูดถึงและกฏเหล่านี้เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งภายในวิถีทางที่สำคัญมากถ้าการเเข่งขันไล่ตามคุณ – และมันเป็นอยู่เสมอ – นี่คือทำไมความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอด คุณจะต้องออกจากหุบเขาแห่งความตายเท่านั้นโดยการวิ่งให้เร็วกว่าบุคคลที่ไล่ตามหลังคุณ แอนดรูว์ โกรฟ ยืนยันว่าปริมาณที่มีสุขภาพของความหวาดระเเวงสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อันตรายยิ่งใหญ่ที่สุดคือการยืนนิ่งนี่คือทำไมคุณต้องการผู้นำที่เข้มแข็งกำหนดทิศทาง มันยากมากที่จะนำองค์การออกจากหุบเขาแห่งความตายโดยไม่มีทิศทางเชิงกลยุทธ์ชัดเจนและเรียบง่าย หุบเขาแห่งความตายเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของจุดพลิกผันทางกลยุทธ์ทุกอย่าง ดังนั้นเพื่อการข้ามผ่านหุบเขาแหงความตายได้สำเร็จ งานอย่างเเรกของคุณคือการสร้างภาพทางความคิดของบริษัทควรจะดูเหมือนอะไรเมื่อคุณไปสู่อีกด้านหนึ่ง
ดอน คอร์ลีโอเน ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความสำคัญของความหวาดระเเวงเท่านั้นที่อยู่รอดแก่ลูกชายของเขา ไมเคิล การระบุผู้ทรยศอย่างไร เขาได้เตือนไมเคิลว่า บราซินีได้พยายยามลอบสังหารเขาโดยใช้การติดต่อบุคคลที่ไม่ซี่อสัตย์ภายในครอบครัวคอร์ลีโอเน ดอน คอร์ลีโอเนได้บอกไมเคิลว่าใครก็ตามเข้าหาเขาเกี่ยวกับการประชุมของบราซืนีเป็นผู้ทรยศ การประชุมใดก็ตามระหว่างไมเคิล และบราซินีเป็นกับดัก
ดังนั้นเมื่อซาล เทสซิโอ ณ งานศพของวีโต คอร์ลีโอเนได้เข้าหาไมเคิล เขาได้กล่าวว่าเขาจะมีการประชุมสันติภาพภายในพื้นที่ของเขา บรุคลินและจะให้ความปลอดภัย ไมเคิล ได้คาดคะเนแผนผ่านการเตือนของพ่อของเขาว่าผู้ทรยศของครอบครัวเป็นบุคคลที่เข้าหาเขาเกี่ยวกับประชุมการทรยศของเทสซิโอประหลาดใจแก่ทอม เฮแกน เขาคิดว่าเป็นปีเตอร์ เคลเมนซา น่าจะทรยศไมเคิลในที่สุดภายหลังพิธีการรับศีลของกอดฟาเธอร์ เทสซิโอได้ถูกนำตัวไป
สังหาร แต่ก่อนเขาไป เขาได้บอกทอมให้บอกไมเคิลว่า เขาทรยศไม่ใช่ส่วนบุคคล แต่เป็นเพียงแค่ธุรกิจ เขาได้ขอความช่วยเหลือจากทอมเพื่อวันเก่าแก่ที่เราเคยทำงานด้วยกัน ทอมได้ตอบเขาอย่างดี มันไม่สามารถทำได้ เทสซิโอได้กระทำอย่างคิดไม่ถึง โดยการทรยศครอบครัวคอร์ลีโอเน เขาเป็นสมาชิกที่เคารพอย่างดีภายในครอบครัว แต่เขาได้ละโมภ
อยากจะมีอำนาจมากขึ้นงานศพของดอน คอร์ลีโอเนเป็นสภาพแสดล้อมที่ยิ่งใหญ่ต่อการทรยศของซาล เทสซิโอ เพราะว่าความทรงจำของดอน คอร์ลีโอเนยังคงค้างอยู่ภายในฉากตอนนี้ เทสซิโอ เข้าหาไมเคิล คอร์ลีโอเน กล่าวถึงการประชุมความสงบ ไมเคิลรู้ได้ทันทีว่าเทสซิโอเป็นผู้ทรยศของครอบครัว เพราะว่า
พอของเขาได้หวาดระเเวง ด้วยการเตือนเขาว่าใครก็ตาม เข้าหาเขาเกี่ยวกับการประขุมความสงบเป็นผู้ทรยศบุคคลทุกคนภายในครอบครัวกำลังคิดเกี่ยวกับเขา และมรดกของเขาร่างกายของเขาอยู่ภายในโลงศพบนสุสาน การปรากฏชีวิตอยู่ของดอน คอร์ลีโอเนยังคงรู้สึก เมื่อเทสซิโอ ได้เปิดเผยการทรยศของเขา เทสซิโอ เพียงแค่สามารถรอเวลาที่ดีกว่า เขาไม่ฉลาดเท่าที่เขาควรจะเป็น มันเป็นอะไรที่ไมเคิลกล่าวแก่ทอมนั่งอยู่ข้างเขาภายในงานศพของวีโต คอร์ลีโอเน เรามองเห็นบราซินีและเทสซิโอมีการพูดคุยกันค่อนข้างสั้นและได้จับมือกันเป็นนัยข้อตกลงที่ชัดเจนที่จะทรยศ ไมเคิล อยู่ที่นั่น ณ เวลานั้น แม้ว่าพวกเขาไม่ได้กล่าวมันด้วยคำพูด แต่มันเป็นนัยเเก่บราซินีว่าการประชุมจัดขึ้นภายในพื้นที่ของเทสซิโอและบราซินีได่เข้าใจทันทีว่ามันเป็นข้อตกลงทำขึ้นที่จะฆ่าไมเคิลดอน คอร์ลีโอเน ได้สอนไมเคิลการระบุผู้ทรยศอด้วยการสังเกตุใบหน้าและความรู้สึกชีพจรของพวกเขาอย่างไร เขามีความรู้สึกที่เข้มแข็งของ
คุณลักษณะ และได้ใช้การสังเกตุระบุผู้ทรยศ เขาได้ขอให้ดอน บราซืนีจัดการประชุมหัวหน้าของห้าครอบครัวมาเฟีย ดังนั้นเขาสามารถสังเกตุใบหน้าของบุคคลทุกคนภายในการประชุมได้ดอน คอร์ลีโอเน กำลังแสดงบทเป็นมาเคียเวลลี นิโคโล มาเคียเวลลี่เป็นนักรัฐศาสตร์ชาวอิตาลี ผู้เขียนหนังสือ “The Prince” ได้ศึกษาประวัติรัฐอิตาลีอย่างเพียงพอที่จะระบุแบบแผนและส่งต่อมันดังนั้นดอน คอร์ลีโอเน ได้เข้าใจประวัศาสตร์มาเฟียอย่างเพียงพอที่จะรู้ว่า วิธีการของการกำจัดครอบครัวที่น่ากลัวแทรกซึมและยึดครอง มันจะต้องค้นหาบุคคลบางคนภายในองค์กร โดยเฉพาะบุคคลบางคนที่สูงขึ้น และกลับกลายพวกเขาดอน คอร์ลีโอเน คล้ายคลึงกับโมเดลเจ้าภายในผลงานของมาเคียเวลลี่
บางทีผู้เขียนของกอดฟาเธอร์อาจจะมีมาเคียเวลลีภายในใจซาล เทสซิโอ ไม่เคยเชื่อว่าไมเคิลจะมีพลังเพียงพอที่จะรักษาครอบครัวของเขาเดินต่อไป ภายหลังที่เขา ถูกเสนอชื่อเป็นทายาทของพ่อของเขา
ภายหลังที่ดอน บราซินีได้เริ่มต้นบั่นทอนพื้นที่ของพวกเขา เทสซิโอ และเคลเมนซา ได้ขอเพื่อการแก้เเค้น แต่ไมเคิลได้สั่งให้พวกเขาควรจะรอไปก่อน ในที่สุดเทสซิโอได้เริ่มต้นวางแผนลอบสังหารไมเคิล คอร์ลีโอเน ณ งานศพของดอน คอร์ลีโอเน เทสซิโอ ได้เข้าไมเคิล ขอให้เข้าร่วมการประชุสันติภาพกำหนดโดยอีมิลิโอ บราซินี ที่กลายเป็นดอนเข้มแข็งที่สุดภายในนิวยอร์ค การประชุมจะถูกจัดขึ้นบนพื้นที่ของเทสซิโอภายในบรุคลิน ตรงที่ไมเคิลเชื่อว่าจะปลอดภัย ภายในการตอบแทน เทสซิโอจะได้สืบทอดครอบครัวคอร์ลีโอเน แต่กระนั้นไมเคิลได้คาดเดาแผนโดยจากการเตือนของพ่อของเขา

ดอน คอร์ลีโอเน หวาดระเเวงและกลัวการสูญเสียการควบคุม ไม่ว่าทางความรู้สึกหรือทางร่างกาย เขาวางตำแหน่งของเขาบนอำนาจและความเคารพ เพื่อการทำสิ่งนั้น เขาต้องสามารถควบคุมไปไกลเท่าที่เป็นไปได้เหตุการณ์ บุคคล และอารมณ์ และส่วนใหญ่ของเวลาเขาได้บรรลุความสำเร็จระหว่างการประชุมกับซอลลอซโซ เขาได้เสนอแนะว่าเขา กลัวอะไรจะเกิดขึ้นถ้าธุรกิจของเขาได้กลายเป็นยาเสพติด เขาเรียกว่าอันตรายเล็กน้อยเขากล่าวว่้าการผูกติดกับผู้พิพากษาและนักการเมืองของเขาจะแห้งผาก ถ้าพวกเขาได้เรียนรู้ว่าธุรกิจของเขาเป็นยาเสพติดแม้ว่าดอน คอร์ลีโอ ได้ความจงรักภักดีอย่างมากจากปีเตอร์ เคลเมนซา และซาล เทสซิโอ เพื่อนใกล้ชิดที่สุดของเขา เขารู้ว่าหัวหน้ามาเฟียทุกคนมีข้อจำกัดด้วยและความจงรักภักดีจะไม่เคยย้ายอย่างอัตโนมัติจากพ่อไปลูก ทั้งเทสซิโอและเคลเมนซาได้ถูกให้สัญญาโอกาสเริ่มต้นครอบครัวของพวกเขาเองภายในเวลาที่เหมาะสม ในที่สุด เทสซิโอ ได้มองว่าเขาอายุมากขึ้น และเขาไม่สามารถรับภาระที่จะรอเวลาที่ไมเคิลขอจากเขาได้ดอน คอร์ลีโอเน เข้าใจว่าคำสัญญาเก่าของเขาถึงกำหนดแล้ว และไมเคิลไม่เคยผูกพันกับอะไรที่ดอน คอร์ลีโอเน ได้เจรจาต่อรอง และเขาได้รับรู้ว่ามันน่าจะเป็นที่หัวหน้ามาเฟียคนหนึ่งคิดถึงสิ่งเหล่านี้ โดยบราซินีจะก้าวต่อไปต่อสู้คุณก่อน เขาจะจัดการประชุมด้วยบุคคลบางคนที่คุณไว้วางใจ รับประกันความปลอดภัยของคุณ และการประชุมนั้นคุณจะถูกลอบสังหารสังหาร…..มันเป็นนิสัยเก่า ผมใช้ชีวิตของผมพยายามไม่ประมา ผู้หญิงและเด็กสามารถประมาทได้ แต่ไม่ใช่ผู้ชาย….. มันสามารถเป็นใครก็ตาม…. ตอนนี้ฟัง ใครก็ตามมาหาคุณด้วยการประชุมของบราซินีนี้ เขาจะเป็นผู้ทรยศ อย่าลืมสิ่งนี้ ดอน คอร์ลีโอเนกล่าวแก่ไมเคิลไม่นานก่อนการเสียชีวิตของเขา ข้อเท็จจริง ดอน คอร์ลีโอเน ไม่รู้อย่างแน่นอนว่าใคร…..จะเป็นผู้ทรยศ อะไรที่เขารู้คือใครก็ตามมาหาไมเคิลนำเสนอการประชุมบนพื้นที่ของพวกเขา ภายใต้การเเสร้งของการทำให้ไมเคิลปลอดภัยจะเป็นผู้ทรยศ ดอน คอร์ลีโอเนรู้สิ่งเหล่านี้เพราะว่าเขาเคยใช้กลยุทธ์อย่างเดียวกันด้วยตัวเขาเองหลายปีมาเเลัว เมื่อได้ขึ้นไปสูงกลายเป็นหัวหน้ามาเฟียที่มีพลังมากทีสุดภายในอาชญากรรมของนิวยอร์ค มันเป็นกลยุทธ์เก่าแก่ดอน คอร์ลีโอเน ได้เตือนไมเคิลให้มีช่างโทรศัพท์ ตรวจสอบโทรศัพท์ทั้งหมดที่เข้ามาและออกไปจากครอบครัว เพราะว่ามันสามารถเป็นใครก็ตาม ไมเคิล บอกว่าเขาทำมันอยู่เเล้ว เขาจะดูแลมัน มันมีเรื่องอะไร มันเป็นอะไรที่รบกวนคุณ ผมบอกคุณได้ว่า ผมรับมือกับมันได้ ดอน คอร์ลีโอเน ได้กล่าวแก่ไมเคิลว่า ผมรู้ว่าซานติโน และเฟรโด กำลังไปตามทางเหล่านี้ แต่ผมไม่ต้องการสิ่งนี้แก่คุณ ผมทำงานทั้งชีวิตของผมผมไม่ขอโทษ ดูเเลครอบครัวของผม และผมจะไม่ยอมเป็นคนโง่ถูกชักใยโดยผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ทุกคน ผมไม่ขอโทษ นั่นคือชีวิตของผม แต่ผมคิดว่านั้นเมื่อมันเป็นเวลาของคุณ วุฒิสมาชิกคอร์ลีโอเน ผู้ว่าการรัฐคอร์ลีโอเนไมเคิล มันเป็นเวลาไม่เพียงพอ ไมเคิล มันเป็นเวลาไม่เพียงพอ เราจะไปที่นั่น พ่อ เราจะไปที่นั่น ภายหลังที่ไมเคิลกลายเป็นหัวหน้าของครอบครัวคอร์ลีโอเนไม่นาน พ่อของเขาได้ให้คำแนะนำนี้แก่เขา ผู้หญิงและเด็กสามารถประมาทได้ไม่ใช่ผู้ชาย ภายในโลกของมาเฟีย เขาได้บอกลูกชายของเขาผู้ชายและผู้หญิงมีชีวิตอย่ภายในดินแดนที่แตกต่างกันมาก ผู้ชายควรจะไม่เคยได้อภิปรายธุรกิจกับผู้หญิง และผู้หญิงควรจะไม่เคยสงสัยดุลยพินิจของผู้ชาย ผู้หญิงสามารถไมเพียงแต่ประมาทเท่านั้นแต่ไร้ความกังวลด้วย พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างผ่อนคลายที่ผู้ชายต้องระวังหลังของพวกเธอเมื่อเขาได้ถูกแนะนำครั้งแรกต่อผู้ชม ดอน คอร์ลีโอเน ดูเหมือนจะไม่เคยสามารถทำให้แพ้ได้ เขาสิงอำนาจอยู่ภายในกายด้วยความมั่งคั่งกำลังคน และอำนาจอย่างไร้จำกัดของเขา เขาจะใจเย็นและคุมสติได้ และเขารู้อยู่เสมอจะทำอะไร ทำไมผู้ชายต่างชื่นชมดอน คอร์ลีโอเน มันจะเป็นเพราะว่าภาพยนตร์ได้แสดงโลกที่ผ่านไปเเล้ว ตรงที่ผู้ชายจะตัดสินใจที่สำคัญทุกอย่าง แยกผู้หญิงออกไปจากความรู้ของธุรกิจของพวกเขา ภายในโลกของดอน คอร์ลีโอเน ชายที่แท้จริงไม่ร้องให้และครวญคราง นั้นเป็นประเภทของชายเท่านั้นที่เขาเรียกว่า “ฮอลลีวูด ฟินอคชิโอ”ร้องให้เหมือนผู้หญิงถ้อยคำฟินอคคิโอ เป็นภาษาอิตาลีหมายถึงผักชีล้อม แต่เป็นคำเเสลงทางลบต่อโฮโมเซกชวล ด้วย “มันเป็นนิสัยเก่า ผมได้ใช้ชีวิตของผมพยายามไม่ประมาท ผู้หญิงและเด็ก สามารถประมาทได้ แต่ไม่ใช่ผู้ชาย” ถ้อยคำของวีโต แสดงภาระของความรับผิดชอบที่ผู้ชายมักจะแบกอยู่มันได้เสนอเเนะว่าผู้ชายได้ถูกคาดหวังใช้ความระมัดระวังและคุ้มครองบุคคลที่อ่อนแอ การมุ่งเน้นการเสียสละ และการเลือกที่พวกเขาต้องทำ เพื่อบุคคลที่รักของพวกเขา คำพูดอ้างอิงนี้ได้สะท้อนความเชื่อที่ติดตัวมาอย่างลึกซึ้งภายในบทบาทเพศสมัยเดิม และความคาดหวังทางสังคมเขาเสนอแนะว่าผู้ชายควรจะมีภาระที่ยิ่งใหญ่ของความรับผิดชอบ และควรจะระวังอยู่เสมอหลีกเลี่ยงผลตามมาที่อันตราย

“ชายที่ไม่ใช้เวลากับครอบครัวของเขาไม่เคยสามารถเป็นชายที่แท้จริง”ระหว่างงานแต่งงานของคอนนี่ วืโตไดเพบกับลูกทูนหัวและนักร้องที่มีชื่อเสียงของเขา จอห์นนี ฟอนเทน เขา ต้องการความช่วยเหลือของกอดฟาเธอร์ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่สามารถนำเขา กลับไปสู่จุดสูงสุด ภายหลังการรับฟังปัญหาของฟอนเทนแล้ว วีโต คอร์ลีโอเนได้ร้องตะโกนแก่เขาต่อน้ำตาที่ไหลออกมา ลูกชายคนโตสุดของเขา ซอนนี เข้ามาภายในห้อง เเละดูประหนึ่งได้ถามฟอนเทน ถ้าไม่ใช้เวลากับครอบครัวแวบเเรกที่เห็นซอนนี ไม่เป็นบุคคลครอบครัวที่ซื่อสัตย์ถ้อยคำนี้ได้พูดถึงความสาคัญของพันธะทางครอบครัว และบทบาทที่มันแสดงภายในการระบุความเป็นชายของบุคคล มันได้แสดงความคิดว่าชายที่แท้จริง ไม่ควรจะถูกวัดโดยความเข้มแข็งทางร่างกาย หรือความสำเร็จภายในภายในโลกภายนอกเท่านั้น เเต่โดยความผูกพันและการเชื่อมโยงต่อบุคคลที่รักของเขาด้วย คำพูดอ้างอิงนี้ได้มุ่งเน้นว่าผู้ชายสามารถจะถูกพิจารณาอย่างแท้จริงและสมบูรณ์ เมื่อพวกเขาให้ความสำคัญ และลงทุนเวลาต่อการสนับสนุน และการเลี้ยงดูความสัมพันธ์กับครอบครัวของเขา ด้วยการทำสิ่งเหล่านี้ เขาได้แสดงคุณลักษณะของความรัก ความจงรักภักดี และความรับผิดชอบที่แสดงมันหมายถึงเป็นชายแท้จริงดอน คอร์ลีโอเนรู้คุณค่าของความเป็นครอบครัว และความสำคัญของมันต่อบุคคลโดยรวม”คุณสามารถทำตัวเป็นผู้ชาย” เมื่อนักร้อง จอห์นนี ฟอนเทนได้ร้องทุกข้อย่างร้องให้ต่อ ดอน คอร์ลีโอเน เกี่ยวกับเขาได้ถูกขัดขวางจากสัญญาภาพยนตร์ ดอน เสียอารมณ์ของเขาและตบหน้าฟอนเทน ตะโกนใส่เขาว่า คุณสามารถทำตัวให้เป็นผู้ชาย คุณเป็นอะไรไปเเล้ว คุณกลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ฮอลลีวูด ฟีนอคคิโอ ร้องให้เหมือนผู้หญิง ผมสามารถทำอย่างไร ผมสามารถทำอย่างไรเมื่อดอน คอร์ลีโอเน บอกจอห์นนี ฟอนเทนให้ทำตัวเป็ยผู้ชาย เขาได้มุ่งเน้นความสำคัญของความเข้มแข็ง ความยึดหยุ่น และความเคารพตัวเองช่วงเวลานี้สะท้อนค่านิยมที่กว้างของดอนที่คำนึงถึงความเป็นชายและเกียรติยศภายในสภาพแวดล้อมของโลกของพวกเขา ฟินอคคิโอ เป็นถ้อยคำอิตาลีหมายถึงโฮโมเซกชวล ดอน คอร์ลีโอเนได้ใช้ถ้อยคำที่จะเยาะเย้ยการร้องให้ของจอห์นนี ฟอนเทน

แอนดรูว์ โกรฟ กล่าวว่่า ถ้าเราจะขัามผ่านหุบเหวแห่งความตาย ได้สำเร็จ เราต้องสร้างภาพความคิดของบริษัทควรจะดูคล้ายกับอะไรเมื่อเราได้ข้ามไปด้านหนึ่ง ภายใต้จุดพลิกผันทางกลยุทธ เมื่อค.ศ 1985 ญี่ปุ่นได้เข้ามาภายในธุรกิจชิัปหน่วยความจำเหมือนกับรถบดถนนกระแทกอินเทลและบริษัทอเมริกันอื่นเราต้องออกไปจากธุรกิจชิ้ปหน่วยความจำ วิสัยทัศน์ภายในใจของแอนดรูว์ โกรฟคือ อินเทลจะกลายเป็นบริษัทไมโครโพรเซสเชอร์เมื่อ ค.ศ 1990 แอนดรูว์ โกรฟ ซีอีโอของอินเทลได้สร้างถ้อยคำ จุดหักเหทางกลยุทธ์ขึ้นมาภายในหนังสือชื่อว่า “Only the Paranoid Survive ” ความสำเร็จทำให้เกิดความพอใจ ความพอใจทำให้เกิดความล้มเหลว และ ความหวาดระแวงเท่านั้นทำให้อยู่รอด” ผมจะเชื่อมั่นต่อคุณค่าของความหวาดระแวง แอนดรูว์ โกรฟ เชื่อมั่นต่อระดับของความกลัวที่ไม่มากจะดีต่อสุขภาพทางธุรกิจ Only the Paranoid Survive เป็นหนังสือที่ได้กล่าวถึงวิกฤติภายในธุรกิจ และการจัดการกับวิกฤติ แอนดรูว์ โกรฟ ได้อธิบายปรัชญาของหนังสือเล่มนี้ว่า เราจะหาประโยชน์จากจุดวิกฤติที่ท้าทายบริษัทได้อย่างไร และธุรกิจทุกอย่างต้องเผชิญกับวิกฤติ ณ เวลาหนึ่ง ที่ได้คุกคามการอยู่ต่อเนื่องของธุรกิจ ถ้อยคำที่แอนดรูว์ โกรฟ ได้ใช้อธิบายวิกฤติทางธุรกิจนี้คือจุดพลิกผันทางกลยุทธ์จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ ได้ถูกทำให้นิยมแพร่หลาย ด้วยการแสดงมันเป็นถ้อยคำทางธุรกิจ โดยทางคณิตศาสตร์ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์อธิบายจุดที่เส้นโค้งโค้งงอ – ขึ้นข้างบน – และโค้งเว้า – ลงข้างล่าง- เพื่อที่จะขีดเส้นใต้ความสำคัญของจุดนี้ต่อผู้นำธุรกิจ ณ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ การเปลี่ยนแปลงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าดีหรือไม่ดีตามมุมมองของ แอนดี้โกรฟ ถ้าธุรกิจของเราไม่มีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพตอบสนองต่อจุดพลิกผันทางกลยุทธ์แล้วสามารถนำไปความล้มเหลวได้ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์คือ ช่วงเวลาที่องค์การจะต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยุ่งเหยิงภายในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แอนดรูว์โกรฟ ได้อธิบายจุดพลิกผันทางธุรกิจว่าช่วงเวลาภายในชีวิตของธุรกิจเมื่อรากฐานทางธุรกิจได้เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถหมายถึงโอกาสที่จะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดใหม่แนวคิดของจุดพลิกผันทางกลยุทธ์ได้กลายเป็นพจนานุกรมของทั้งทางวิชาการและการปฏิบัติ แอนดรูว์ โกรฟ นำทางด้วยจุดพลิกผันทางกลยุทธ์หลายครั้ง เช่น การเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจชิปหน่วยความจำไปเป็นธุรกิจไมโครโพรเซสเซอร์ เมื่ออินเทล ได้ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถตามทันการแข่งขันจากญี่ปุ่นได้ การสัมผัสของความหวาดระแวง ความสงสัยว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงที่ได้กระทบต่อเรา แอนดรูว์ โกรฟ ได้แนะนำวารสารอีโคโนมิคส์ อธิบายการประยุกต์ใช้ของอะไรที่บุคคลอาจจะเรียกว่า หลักการของความหวาดระแวง
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







