INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

นัยสำคัญของ “พระดำรัส-ลายพระหัตถ์”

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

นัยสำคัญของ “พระดำรัส-ลายพระหัตถ์”

วันนี้(๒๗สค.) ผมยังไม่เห็นสื่อไหน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ หรือสื่ออื่นใด สามารถทำความเข้าใจกับผู้อ่าน ผู้ฟังหรือผู้ชม ได้ชัดๆ เลยว่า “พระดำรัส-ลายพระหัตถ์”คืออะไร หมายความว่าอย่างไร

ผมจึงขออนุญาต ออกมาช่วยตีความ ให้ชัดเจนขึ้น ตามหน้าที่ซึ่งพึงปฏิบัติ ตามความเข้าใจของผมเองเพื่อความเข้าใจอันดี ว่าอะไรและทำไมกรณีนี้จึงเกิดขึ้น เพื่ออะไร

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การถวายสัตย์ปฏิญานตนเข้ารับตำแหน่งของคณะรัฐมนตรีที่กล่าวนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๑ โดยขาดหายไป งดเว้นไม่กล่าวในประโยคสุดท้ายที่ว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แต่กล่าวจบตรงแค่เพียง ”จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพือประโยชน์ของประเทศและประชาชนตลอดไป”

ทำให้เกิดคำถามว่า การถวายสัตย์ฯสมบูรณ์หรือไม่ หากเข้าบริหารประเทศ กิจการต่างๆ การงานที่ทำจะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่

ซึ่งที่สุดคำถามนี้ ก็ลามไปถึงที่ข้อวิจารณ์ที่ว่า นายกรัฐมนตรีเมื่อกระทำผิดพลาดแล้ว ก็สมควรจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่

ประเด็นนี้ สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากนักวิชาการและนักประชาธิปไตยที่เคร่งครัดหลักการ ซึ่งสร้างความความอึดอัดใจกับพล.อ.ประยุทธ์ ว่าสมควรจะทำอย่างไรดี ในขณะที่บ้านเมืองก็ต้องบริหารเพื่อความก้าวหน้า อย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งในที่สุด ก็พล.อ.ประยุทธ์ก็ลั่นวาจาออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ ว่า”จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ตามแบบฉบับของทหาร

แต่ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมาได้มีผู้(นายภานุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง)ยื่นคำร้อง

ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาว่าสมควรจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพและเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับ หากการถวายสัตย์เป็นโมฆะ

นอกจากนั้น นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและนายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพุทธศาสนาและสันติภาพ ก็ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ในประเด็นเดียวกันว่า หากการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน มีปัญหาความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ก็ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัย

สภาพการณ์ที่รุมเร้าเช่นนี้ ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีหาทางออก(ซึ่งเปิดเผยหลังเข้ารับพระดำรัสและลายพระหัตถ์) ได้ทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตไป อันนำมาซึ่งพิธีรับ”พระดำรัส-ลายพระหัตถ์” ซึ่งตีความได้ว่า”เป็นการรับรอง”ว่าการถวายสัตย์เป็นของจริงตามที่นายกฯได้ยืนยัน ว่าไม่ใช่ของปลอม แต่ก็มีนัยแฝงอันสำคัญและลึกซึ้งในพิธีนี้ ในแง่ราชประเพณีอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการปกครองประเทศ ซึ่งผม(ผู้เขียน)มิบังอาจพรรณาได้

อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยว่า “พระดำรัส-ลายพระหัตถ์”มีสาระรายละเอียดอย่างไร นายกรัฐมนตรีเพียงเปิดเผยว่า “เป็นสิ่งที่คณะรัฐมนตรีแลรัฐมนตรี นำไปสู่การปฏิบัติ” ซึ่งสื่อก็ไม่ควรจะไปรุกเร้าอยากรู้ อยากเห็น เพราะจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ในกรณีที่แหล่งข่าวขอสงวนไว้ แม้จะไม่ปฏิเสธตรงๆ ก็ตามที

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ มีความยินดี ต่อพระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด ตามรายงานข่าวที่ว่ามีอารมณ์ดีมาก พร้อมกับบอกว่า ”พวกเราคือคณะรัฐมนตรีทุกคน ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อในที่สุด ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในแง่กฎหมาย ตามคำร้องของนักศึกษารามคำแหง กล่าวคือไม่ได้ส่งไป ตามคำร้องของนายศรีสุวรรณและนายอัยย์ (ด้วยเหตุผลที่ว่าการถวายสัตย์เป็นพฤติกรรมเป็นการกระทำ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย) ก็จะต้องรอดูกันต่อไป ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดอย่างไร ว่าการถวายสัตย์เป็นโมฆะหรือไม่ ตามที่นักศึกษารามฯ(ในฐานะประชาชนซึ่งจะได้รับผล) ตั้งข้อสังเกต

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ จะต้องมีนำเรื่องนี้ไป เปิดอภิปรายในสภาและป่านนี้คงเตรียมการกันแล้ว

ส่วนที่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า การถวายสัตย์เป็นโมฆะหรือไม่นั้น ผมผู้เขียนมองในแง่ดีว่า ไม่มีศาลไหน ที่จะชี้ขาดข้อกฎหมาย ที่จะนำพาความเสียหาย มาสู่ชาติบ้านเมืองอย่างแน่นอน

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *