ซี เค พราฮาลาด : ระดับล่างของพีระมิด

ซี เค พราฮาลาด : ระดับล่างของพีระมิด
นวัตกรรมทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่กำลังปรากฏขึ้นวันนี้ได้เผชิญกับทั้งความสนใจและความสงสัย “ระดับล่างของพีระมิด” ของ ซี เค พราฮาลาด และ “ธุรกิจเพื่อสังคม ” ของมูฮัมหมัด ยูนุส จะเป็นหัวข้อของการอภิปรายอย่างร้อนแรงมาก
ความสนใจภายในรากฐานหรือระดับล่างของพีระมิดได้ถูกกระตุ้นจากเอกสารที่เขียนโดยนักวิชาการมหาวิทยาลัยมิชิแกนสองคนเมื่อ ค.ศ 2002 ภายใน The Fortune at the Bottom of the Pyramid ซี เค พราฮาลาด และสจ็วต ฮาร์ท พวกเขาได้แสดงศักยภาพของตลาดที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของบุคคลสี่ล้านคน ณ รากฐานของพีระมิดเศรษฐกิจ ภายในบทความนี้ประชากรโลกจะถูกแบ่งเป็นสามกลุมบนพื้นฐานของการเทียบเคียงอำนาจซื้อ ลูกค้า
ของระดับล่างพีระมิด – บีโอพี ได้ถูกระบุด้วยการเทียบเคียงอำนาจซื้อต่ำกว่า 1,500 เหรียญต่อปี
ภายหลายปีที่ผ่านมา จำนวนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทข้ามชาติได้รับรู้โอกาสนี้ และได้สร้างความผูกพันที่จะเปิดธุรกิจภายในตลาดบีโอพี ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงจะมีทั้ง โคคา โคลา ดาว เคมีคอล ดูปองท์ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด อินเทล จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และยูนิลิเวอร์
เกืยบสองในสามของมนุษย์โลกมีรายได้ไม่ถึง 2,000 เหรียญต่อปี แต่แสดงมากกว่า 5 ล้านล้านเหรียญของอำนาจซี้อ กลุ่มลูกค้าที่เจริญเติบโตนี้ได้นำเสนอโอกาสที่ยิ่งใหญ่ต่อบริษัทที่จะแสวงหาโชคลาภของพวกเขา และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่คนยากจนที่น่าสงสาร คนยากจนสี่ล้านคนได้สร้างโอกาสทางตลาดที่แก่วงไปมา แต่ไม่มีอำนาจซี้อ – รายได้ – และความสามารถทางธุรกรรม – โครงสร้างพื้นฐานสินเชื่อ ระบบการกระจาย และกรอบข่ายของสถาบันอื่น –
คนยากจนได้ถูกคุมขังภายในความยากจน วิถีทางของบีโอพี ยืนยันว่าบริษัทข้ามชาติจะมีสิ่งจูงใจ – โอกาสการเจริญเติบโต ทรัพยากรการเงิน และความสามารถ – การผลิตจำนวนมากต้นทุนต่ำ ความเชี่ยวชาญทางการตลาด และประสบการณ์ระหว่างประเทศ – ที่จะผลิตและขายผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพง ณ ปริมาณที่สูงและกำไรที่น้อย
ซื เค พราฮาลาด ได้เสนอแนะว่าคนยากจนสี่ล้านคนสามารถเป็นเครื่องยนต์ของรอบต่อไปของการค้าโลกและความเจริญรุ่งเรือง และสามารถเป็นแหล่งที่มาของนวัตกรรม การตอบสนองระดับล่างของพีระมิดกำหนดว่าบริษัทใหญ่จะต้องทำงานร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลท้องถิ่น ยิ่งกว่านั้นการพัฒนาตลาด ณ ระดับล่างของพีระมิดจะสร้างผู้ประกอบการจำนวนมาก ณ ระดับรากหญ้าด้วย
ซี เค พราฮาลาด ได้นำเสนอมุมมองใหม่ของเขาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของความยากจนเป็นข้อแก้ปัญหาที่สร้างร่วมกันไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและการปฏิรูปสังคม ด้วยการเกี่ยวพันของหลายฝ่ายคือ ธุรกิจเอกชน ลูกค้าระดับล่างของพีระมิด หน่วยงานพัฒนาและช่วยเหลือ ผู้ประกอบการระดับล่างของพีระมิด และองค์กรประชาสังคม สิ่งที่สำคัญคือคนยากจนตัวพวกเขาเองจะต้องเต็มใจที่จะทดลอง เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เราได้มุ่งที่บทบาทของภาคเอกชน ความสำคัญของความร่วมมือร่วมใจทั่วทั้งทุกฝ่ายจะกลายเป็นชัดเจน
การเชื่อมโยงระหว่างกันของวิถีทางต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการปฏิรูปสังคมที่มองเห็นจากรูปจะกลายเป็นชัดเจน ความร่วมมือร่วมใจระหว่างคนยากจน องค์การประชาสังคม รัฐบาล และบริษัทใหญ่สารมารถสร้างตลาดใหญ่ที่สุดและเจริญเติบโตรวดเร็วที่สุดภายในโลก การเป็นผู้ประกอบการที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางจะเป็นหัวใจของข้อแก้ปัญหาความยากจน
บริษัททั่วโลกกำลังเรียนรู้ว่าการขายแก่คนยากจนสามารถเป็นประโยชน์ทั้งสังคมและบรรทัดสุดท้าย เมื่อ ค.ศ 2004 ซี เค พราฮาลาด นักวิชาการบริหารที่มีอิทธิพล ได้พิมพ์ The Fortune at the Botton of Pyramid หนังสือที่กระตุ้นบริษัทให้ใช้เลนซ์ใหม่ที่จะมองคนจน ซี เค พราฮาลาด ได้สนับสนุนต่อการมองบุคคล ณ ระดับล่างของพีระมิดทางเศรษฐกิจเป็นผู้ผลิตและลูกค้าของผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้รับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่านั้น แนวคิดนี้ได้ถูกสนับสนุนจากบริษัทภายในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ผลิตภัณฑ์ครัวเรือน และพลังงาน การทำใหความยากจนของโลกลดลงได้ถูกระบุเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดของเป้าหมายการพัฒนาของสหประชาชาติ ไม่เหมือนกับโมเดลบนพื้นฐานความช่วยเหลือสมัยเดิมของการพัฒนาเศรษฐกิจ
วิถีทางของบีโอพีได้สร้างขึ้นใหม่ของความยากจนเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจแก่บริษัทข้ามชาติ – เอ็มเอ็นซี ข้อยืนยันพื้นฐานจะมีสมมุติฐานสามข้อ
ข้อแรก ความยากจนของโลกจะสร้างศักยภาพการเจริญเติบโตอย่างมาก
และโอกาสทำกำไรแก่เอ็มเอ็นซี ข้อสองเอ็มเอ็นซีควรจะแสดงบทบาทการนำภายในการปลดปล่อยศักยภาพของตลาดที่เข้าสู่ได้ยากนี้ และข้อสามการนำคนยากจนเข้าสู่เศรษฐกิจโลกจะสร้างโชคลาภแก่เอ็มเอ็นซีในขณะที่
แก้ปัญหาความยากจนของโลกพร้อมกัน
แนวคิดระดับล่างของพีระมิดได้ปรากฏเริ่มแรกเป็นบทความโดย ซี เค พราฮาลาดและสจ็วต ฮาร์ท ภายในวารสารธุรกิจ Strategy + Business บทความได้ตามมาด้วยหนังสือชื่อเดียวกัน หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงโมเดลธุรกิจใหม่มุ่งที่การจัดหาผลิตภัณฑ์แก่คนยากจนที่สุดภายในโลก มันได้สร้างกรณีตัวอย่างเพื่อตลาดใหม่ที่เจริญเติบโตรวดเร็วที่สุด และโอกาสของการเป็น
ผู้ประกอบการที่ถูกค้นพบท่ามกลางบุคคลยากจนหลายล้านคน ณ ระดับล่าง
ืของพีระมิด ตามที่บิลล์ เกตส์ ได้กล่าวว่า มันได้นำเสนอพิมพ์เขียวน่าสนใจที่จะต่อสู้ความยากจนด้วยการทำกำไรอย่างไร
เกือบยี่สิบปีที่แล้วภายในบทความของ Strategy + Business บิดาของฉัน
ซี เค พราฮาลาด และเพื่อนร่วมงาน สจ็วต ฮาร์ท ได้แสดงความคิดที่เรียบง่ายแต่น่าสนใจ พวกเขาได้ยืนยันว่าเราจะมีบุคคลยากจน 4 ล้านคนทั่วโลกแสดงตลาดลูกค้าที่น่าตื่นเต้น ตลาดนี้สามารถถูกเคาะด้วยโมเดลเพื่อกำไร และคนยากจนตัวพวกเขาเองจะต้องเป็นหุ้นส่วนภายในกระบวนการ
แนวคิดระดับล่างของพีระมิด ได้ถูกใช้ครั้งแรกโดยประธานาธิบดีอเมริกัน
แฟรงคลิน ดี โรสเวลท์ เมื่อ ค.ศ 1932 เกี่ยวกับบุคคลยากจนที่มักจะถูกลืม
เพราะว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ ณ ระดับล่างของพีระมิดเศรษฐกิจ ระดับล่างของพีระมิดมักจะถูกเรียกว่าฐานของพีระมิดด้วย จะเป็นถ้อยคำภายในเศรษฐศาสตร์ที่อ้างถึงคนยากจนที่สุดสองในสามของพีระมิดมนุษย์เศรษฐกิจ
กลุ่มของบุคคลมากกว่าสี่ล้านคนดำรงชีวิตอยู่ภายในความยากจนอย่างน่าสงสาร ด้วยคำอธิบายที่กว้างขึ้น บีโอพีจะอ้างถึงโมเดลบนพื้นฐานตลาดของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สัญญาที่จะบรรเทาความยากจนที่แพร่หลาย
ในขณะที่สร้างการเจริญเติบโตและกำไรต่อบริษัทข้ามชาติ
ซี เค พราฮาลาด ได้ทำให้ความคิดของส่วนของประชากรนี้เป็นรากฐานลูกค้าที่ทำกำไรกลายเป็นที่นิยมแพร่หลายภายในหนังสือของเขา
The Fortune at the Bottom of Pyramid ซี เค พราฮาลาด ได้มีความเข้าใจที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าภายในสังคมยากจน และโอกาสแก่ภาคเอกชนที่จะตอบสนองความมุงหมายทางสารธารณะที่สำคัญในขณะที่ทำให้บรรทัดสุดท้ายของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น
ซี เค พราฮาลาด ได้กล่าวว่าตลาดรายได้ต่ำจะแสดงโอกาสที่ใหญ่โตแก่บริษัทมั่งคั่งของโลก – ที่จะแสวงหาโชคลาคของพวกเขาและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่คนยากจน เขาได้เสนอแนะว่าธุรกิจ รัฐบาล และมูลนิธิ
เลิกการคิดว่าคนยากจนเป็นเหยื่อ และเริ่มต้นมองพวกเขาเป็นผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้และสร้างสรรค์ และลูกค้าที่ต้องการคุณค่า ซี เค พราฮาลาดยืนยันว่าเราจะมีประโยชน์ต์ต่อบริษัทข้ามชาติเลือกที่จะตอบสนองตลาดเหล่านี้ภายในวิถีทางที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขา หลังจากนั้นคนยากจน
วันนี้จะเป็นคนชั้นกลางของวันพรุ่งนี้ได้ เราจะมีประโยชน์ของการลดความจน ถ้าเอ็มเอ็นซีทำงานกับรัฐบาลท้องถิ่นที่จะสร้างโมเดลธุรกิจใหม่
แนวคิดรากฐาน – ระดับล่าง – ของพีระมิด ไดัถูกทำให้นิยมแพร่หลายโดยซี เค พราฮาลาด และนักเขียนคนอื่น บีโอพี ได้สร้างกรอบใหม่ของการดำรงชีวิตของคนยากจนไม่ถึง 1.25 เหรียญต่อวันของโลกเป็นผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้และสร้างสรรค์ พวกเขาร่วมกับบริษัทข้ามชาติสามารถร่วมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ แนวคิดนี้เชื่อว่าธุรกิจโลกด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางกลยุทธ์กับบุคคล ณ รากฐานของพีระมิดของโลกสามารถ บรรลุผลลัพธ์ชนะ ชนะ ที่ยั่งยืนได้ การทำกำไรและการช่วยแก้ปัญหาทางสังคมภายในประเทศรายได้ต่ำ อำนาจซื้อร่วมกันของบุคคลมากกว่าสามพันล้านคนมีชีวิตอยู่ภายในความยากจนทั่วโลกจะเป็นสิ่งจูงใจทางธุรกิจต่อบริษัทมุ่งตลาดที่กว้างใหญ่นี้ด้วยผลิตภัณฑ์บริโภคต้นทุนต่ำและสร้างสรรค์
พีระมิดเศรษฐกิจของโลกได้ถูกแสดงภายในรูป ณ ระดับสูงสุดของพีระมิดเศรษฐกิจจะเป็นลูกค้าชั้น 1 ร่ำรวย 75 ถึง 100 ล้านคนจากทั่วโลก นี่จะเป็น
กลุ่มทั่วโลกประกอบด้วยบุคคลรายได้ปานกลางระดับสูงแลบุคคลร่ำรวยจำนวนน้อยจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ภายในตรงกลางของพีระมิด ชั้น 2 และ 3 จะเป็นลูกค้ายากจนภายในประเทศที่กำลังพัฒนาและคนชั้นกลางที่เพิ่มสูงขึ้นภายในประเทศที่พัฒนาแล้ว เป้าหมายของกลยุทธ์ตลาดที่เปรากฏขึ้นในอดีตของเอ็มเอ็นซี เราจะพิจารณาบุคคล 4 พันล้านคนภายในชั้นที่ 4 ณ ระดับล่างของพีระมิด รายได้ที่ต่่อปีของพวกเขา – บนพื้นฐานอำนาจซื้อเทียบเคียงเงินดอลลาร์อเมริกัน – ต่ำกว่า 1,500 เหรียญ
ด้วยสิ่งตีพิมพ์ของ ซี เค พราฮาลาด The Fortune at the Bottom of the Pyramid 2005 คนยากจนได้ถูกมองเป็นตลาดที่มีศักยภาพทันทีภายในสายตาของบริษัทข้ามชาติ แม้ว่าจะยากจน บีโอพี จะเป็นตลาดที่กว้างใหญ่และเจริญเติบโต การพัฒนาชุมชนมักจะมุ่งที่การตอบสนองความต้องการคนยากจนที่สุด – บุคคลหนึ่งพันล้านคนที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยไม่ถึงหนึ่งเหรียญต่อวัน
แต่เราจะมีส่วนที่กว้างขึ้นของประชาชนรายได้ต่ำประกอบด้วยบุคคล 3.8 ล้านคนที่มีรายได้ระหว่าง 2 และ 5 เหรียญต่อวัน
สิบปีต่อมาบริษัทใหญ่หลายบริษัทได้รับเอาความคิดของซี เค พราฮาลาด และได้แสดงว่าการตอบสนองลูกค้ารากฐานของพีระมิดสามารถสร้างความคิดทางธุรกิจที่ดี โนวาร์ตีสได้ดำเนินการสร้างโมเดลตลาดด้วยการริเริ่มอโรคยา พาลีวาร์ ความพยายามเพื่อกำไรที่จะปรับปรุงสุขถาพภายในชนบทยากจนของอินเดียที่ไม่สามารถเข้าหาการดูแลสุขภาพที่ราคาแพงได้



ด้วยอิทธิพลและแรงบันดาลใจากผลงานของซี เค พราฮาลาด ผู้บริหารระดับสูง ณ โนวาร์ตีส ได้ตัดสินใจว่ามันเป็นเวลาที่จะต้องพิจารณาอย่างจริงจังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจทามกลางคนยากจนของโลก พวกเขาได้สำรวจวิถีทางที่จะสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืนแก่บีโอพีภายในอินเดีย การปรับปรุงการเข้าสู่การดูแลสุขภาพแก่คนยากจนในขณะที่ทำกำไรทางการเงินอยู่ ไม่เหมือนกับวิถีทางการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัทสมัยเดิม
เพื่อการบรรลุความสำเร็จ โนวาร์ตีสจะต้องตอบลำดับของคำถามเชิงกลยุทธ์ : ผู้ป่วยบีโอพีส่วนไหนที่ควรจะเป็นเป้าหมาย เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายทางสังคมและการเงินของโครงการดีที่สุด โรคอะไรที่ควรจะครอบคลุม และด้วยประเภทของยาอะไร – ยาที่มีสิทธิบัตร หรือยาสามัญ
นานกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซี เค พาฮาราด นักคิดทางการบริหาร ได้ท้าทาย
โนวาร์ตีส เข้าไปสู่บุคคลจำนวนมากดำรงชีวิตอยู่ ณ ฐานของพีระมิดภายในประเทศที่กำลังพัฒนา – บุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 เหรียญต่อวัน สิ่งนี้ได้นำไปสู่ธุรกิจเพื่อสังคมครั้งแรกของโนวาร์ตีส อโรคยา พาลีวาร์ โครงการนี้ได้แสดงความเป็นไปได้อย่างรวดเร็วของวิถีทางของเราโดยคุ้มทุน 30 เดีอนภายหลังจากการเปิดตัวและเพิ่มยอดขายเกือบ 300 เท่าภายใน 10 ปี
ด้วยการสร้างบนความสำเร็จนี้ โนวาร์ตึส ได้เปิดโครงการสุขภาพครอบครัว
ภายในเวียตนามเมื่อ ค.ศ 2012 และเคนยา ค.ศ 2013 คุณลักษณะที่สำคัญของโครงการเหล่านี้จะเป็นการอยู่ร่วมกันของแขนที่แยกจากกันแต่เสริมแรง
ร่วมกันสองแขน กิจกรรมทางสังคม ทั้งการศึกษาการดูแลสุขภาพและค่ายสุขภาพ จะเป็นอิสระจากการดำเนินธุรกิจ แต่ยังคงได้เงินทุนจากการขายผลิตภัณฑ์
โนวาร์ตีส บริษัทยาข้ามชาติ ได้เปิดตัวการริเริ่มที่มุ่งการเข้าถึงบุคคลภายในอินเดียชนบท เพื่อความต้องการดูแลสุขภาพ โครงการได้นำเสนอยาที่แก้ปัญหาทางสุขภาพของภูมิภาค ขายยาภายในชุดที่เล็กลงที่จะเพิ่มความสามารถซื้อได้ ว่าจ้างพนักงานขายท้องถิ่นภายในระบบการจัดจำหน่าย ให้การศึกษาทางสุขภาพ การริเริ่มได้เพิ่มร้อยละของบุคคลเป็นสามเท่าที่ไปพบหมอภายในพื้นที่ที่พวกเขาดำเนินงานอยู่ และกลายเป็นทำกำไรภายหลัง 31 เดือนของการดำเนินงาน
ณ โนวาร์ตีส เราต้องการจะขยายเข้าไปสู่การดูแลสุขภาพ และไปถึงผู้ป่วยมากขึ้น ความต้องการสุขภาพและความท้าทายจะแตกต่างกันอย่างมากจากท้องที่หนึ่งไปท้องที่หนึ่ง นั่นคือทำไมโนวาร์ตีสได้ใช้การรวมกันของวิถีทาง – การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ กำไรศูนย์ และธุรกิจเพื่อสังคม – ที่จะสร้างข้อแก้ปัญหาอย่างยาวนาน
ธุรกิจเพื่อสังคมจะเป็นโมเดลธุรกิจสร้างสรรค์ที่สร้างความสามารถท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพื่อการดูแลสุขภาพทั่วโลก โครงการเหล่านี้จะแก้ปัญหาทางสังคมที่เข้าไปสู่การดูแลสุขภาพ รวมทั้งความต้องการเพื่อการศึกษา
โครงสร้างพื้นฐาน และการกระจาย แต่ละโครงการจะโดยเฉพาะ เรารับรู้ว่าไม่มีโมเดลที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ และได้ปรับวิถีทางของเราที่จะสอดคล้องดีที่สุดกับความสำคัญทางสุขภาพของท้องที่และประเพณี
ภายในอินเดียบุคคล 80 ล้านคนมีชีวิตอยู่ภายในพื้นที่ชนบท และประมาณ
65% ของประชาชนรวม ไม่ได้เข้าหาการดูแลสุขภาพ นั่นคือทำไมโนวาร์ตีสได้สร้างอโรคยา พารีวาร์ – ครอบครัวสุขภาพ ภาษาฮินดู โนวาร์ตีส ได้เสาะหาและฝึกอบรม
คนท้องที่ภายในหมู่บ้านห่างไกลที่จะกลายเป็นผู้ให้ความรู้ทางสุขภาพ บุคคลที่ช่วยบอกกล่าวชุมชนเกี่ยวกับสุขภาพ การป้องกันโรค และประโยชน์ของการรักษาตามเวลา ทีมท้องถิ่นได้ทำงานกับหมอจัดตั้งค่ายสุขภาพภายในหมู่บ้านห่างไกล โมบายคลีนิคได้ให้การเข้าหาที่จะตรวจและรักษา ตั้งแต่ ค.ศ 2010
การแผ่ออกไปภายพื้นที่ชนบทข้าม 11 รัฐของอินเดีย ได้นำการศึกษาทางสุขภาพไปสู่บุคคลมากกว่า 36 ล้านคน และประโยชน์ทางสุขภาพโดยตรงแก่
ผู้ป่วย 2.5 ล้านคนด้วยการตรวจและการรักษา อโรคยา พารีวาร์ จะเป็นตัวอย่างแนวหน้าของคุณค่าร่วมและได้รับหลายรางวัล
โนวาร์ตีส ได้สร้างกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคม หน่วยงานหนึ่งภายในบริษัทแม่ที่จะพัฒนาการริเริ่มอโรคยา พารีวาร์ ทุ่มเทที่จะนำยาที่ต้องมีไปสู่หมู่บ้านไกลที่สุดของอินเดียบางแห่ง การเข้าไปสู่การดูแลสุขภาพทั่วทั้งประมาณ 33,000 หมู่บ้าน ต่อโนวาร์ตีสแล้ว มันได้เลยพ้นความคาดหวังของบริษัทด้วยการคุ้มทุนภายในเดือนที่สามสิบเอ็ดของการดำเนินงาน



ตัวอย่างที่สองของระดับล่างของพีระมิดคือ การเจริญเติบโตของตลาดไมโครเครดิต : สินเชื่อรายย่อย ภายในเอเชียใต้ โดยเฉพาะบังคลาเทศ
มูฮัมหมัด ยูนุส มักจะถูกเรียกว่าบิดาของไมโครเครดิต ได้สร้างข่าวพาดหัวทั่วโลก ด้วยการได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ มูฮัมหมัด ยูนุส จะเป็นผู้บุกเบิกคนหนึ่งภายในการทำธุรกิจกับระดับล่างของพีระมิด เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งกรามีน แบงค์ มูฮัมหมัด ยูนุสได้ทุ่มเทส่วนใหญ่ของชีวิตที่จะช่วยเหลือนคนยากจนที่สุดภายในประเทศที่กำลังพัฒนา นักเศรษฐศาสตร์ก่อนหน้านี้ในขณะนี้ได้เดินทางไปทั่วโลก การส่งเสริมความคิดต่อโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เขาเรียกว่าธุรกิจเพื่อสังคม เขาได้กล่าวว่า ความมุ่งหมายของธุรกิจเพื่อสังคมไม่ได้เป็นการทำเงิน แต่เป็นการปลดปล่อยความสามารถของมนุษย์ และให้คุณค่าความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เขายืนยันว่าบรรดาทรัพยากรธรรมชาติทุกอย่าง มนุษย์ตัวพวกเขาเองถูกใช้ประโยชน์น้อยเกินไป มนุษย์จำนวนมากไม่มีงานทำ และดำรงชีวิตต่ำกว่า
เส้นแบ่งความยากจน แต่โอกาสที่แท้จริง ณ ระดับล่างของพีระมิด ไม่ใช่เพียงแต่ขายผลิตภัณฑ์ พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ได้
เงิน 50 เหรียญมีความหมายต่อเราอย่างไร ภายในโลกของไมโครไฟแนน
เงินกู้ 50 หรียญอาจจะหมายถึงความสามารถต่อผู้หญิงภายในบังคลาเทศชนบทที่จะเปิดร้านของชำภายในตลาด ยูนูส ได้แสดงว่าการให้เงินกู้แก่คนยากจนที่จะเริ่มต้นธุรกิจสามารถทำกำไร และสามารถปฏิรูปชีวิตของพวกเขา
ด้วยการยกพวกเขาออกมาจากความยากจนได้
นับตั้งแต่มูฮัมหมัด ยูนูส ได้บุกเบิกแนวคิดของไมโครเครดิตเมื่อ ค.ศ 1970 และก่อตั้งกรามีน แบงค์ ภายในบังคลาเทศ ไมโครเครดิตได้กลายเป็นขบวนการที่สำคัญอย่างหนึ่ง รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ 2006 ได้ถูกให้แก่กรามีน แบงค์ และผู้ก่อตั้ง และคณะกรรมการโนเบลได้ยืนยันว่าไมโครเครดิตจะต้องแสดงบทบาทเป็นส่วนที่สำคัญภายในการกำจัดความยากจน ด้วยการเริ่มต้นสามทศรรษที่แล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างแรกคือ กรามีน แบงค์
ได้พัฒนาไมโครเครดิตเป็นเครื่องมือที่สำคัญภายในการต่อสู้ความยากจน
โคฟี่ิิ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ประกาศว่าการให้เงินกู้รายย่อยที่จะช่วยเหลือคนยากจนสร้างธุรกิจขนาดย่อมจะเป็นการรับรูว่าพวกเขาเป็นข้อแก้ปัญหา ไม่ใช่ปัญหา มันป็นวิถีทางที่จะสร้างบนความคิด พลัง และวิสัยทัศน์ของพวกเขา มันเป็นวิถีทางที่จะเจริญเติบโตธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ชุมชนเจริญรุ่งเรือง ซี เค พราฮาลาด ภายในหนังสือที่นิยมแพร่หลายของเขา ได้ยืนยันว่าเราควรจะรับรู้คนยากจนเป็นผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้และสร้างสรรค์ และได้ยกย่องธนาคารพาณิชย์เหมือนเช่นไอซีไอซีไอภายในอินเดีย ต่อการขยายตัวไปสู่ไมโครเครดิต
ถ้อยคำระดับล่างของพีระมิดจะมีชื่อเสียงและใช้อย่างกว้างขวางปัจจุบันนี้
บีโอพีได้ปรากฏเป็นถ้อยคำที่น่าสนใจมากขึ้นต่อความยากจนและได้ถูกใช้
ภายในวงจรธุรกิจและการบริหาร ถ้อยคำระดับล่างของพีระมิด ได้ถูกใช้เริ่มแรกโดยประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี โรสเวลท์ ภายในการปราศัยทางวิทยุของเขา The Forgotten Man เมื่อ 1932 ภายในการปราศัยของเขา แฟรงคลิน โรสเวลท์ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการพิจารณาบุคคลที่ถูกลืม ณ ระดับล่างของพีระมิดทางเศรษฐกิจภายในอเมริกา คำแถลงของเขาได้แผ่ขยายไปเป็นหัวข้อบีโอพีรู้จักกันอย่างกว้างขวางเป็นวิถีทางบนพื้นฐานตลาดที่มองคนยากจนเหมือนกับลูกค้าคนอื่นทุกคน ถ้อยคำได้รับความสนใจทั่วโลกภายใน ค.ศ 2006 เมื่อมูฮัมหมัด ยูนุส ได้รับรางโนเบิล สาขาสันติภาพ จากผลงานไมโครเครดิตของเขา
มูฮัมหมัด ยูนุส ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของระบบเศรษฐกิจใหมที่ปรากฏภายในหนังสือเล่มใหม่ของเขา A World of Three Zeroes มูฮัมหมัด ยูนุส ได้สร้างไมโครเครดิต คิดค้นธุรกิจเพื่อสังคม และกำจัดความยากจน ในขณะนี้เขาได้ประกาศมันเป็นเวลาที่จะยอมรับว่าเครื่องยนต์ทุนนิยมได้ชำรุดแล้ว มันได้นำไปสู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อความไม่เสมอภาคที่รุนแรง การว่างงานอย่างมากมาย และการทำลายสิ่งแวดล้อม เราต้องการระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ปลดปล่อยการเห็นแก่บุคคลอื่นเป็นพลังที่สร้างสรรค์เหมือนกับพลังผลประโยชน์ของตัวเอง ภายในหนังสือของเขา มูฮัมหมัด ยูนุสได้อธิบายบุคคลและองค์การจำนวนมากได้รับเข้าไว้แล้ว
วิสัยทัศน์รูปแบบใหม่ของทุนนิยมนี้ การเปิดตัวธุรกิจเพื่อสังคมที่สร้างสรรค์ออกแบบที่จะตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ไม่ใช่สะสมความมั่งคั่ง พวกเขาได้นำพลังงานแสงอาทิตย์มาสู่บ้านจำนวนมากภายในบังคลาเทศ การทำให้บุคคลวัยหนุ่มสาวว่างงานเป็นผู้ประกอบการด้วยการลงทุนให้
ภายใน A Whorld of Three Zeroes มูฮัมหมัด ยูนุสได้อธิบายอารยธรรมใหม่ที่ปรากฏขึ้นจากการทดลองทางเศรษฐกิจ ผลงานของเขาได้ช่วยที่จะบันดาลใจ เขาได้อธิบายบริษัทโลกเหมือนเช่นแมคเคน เรโนลท์ เอสซิเลอร์ จะมีส่วนร่วมกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่นี้ด้วยกลุ่มกระทำทางสังคมอย่างไร มูฮัมหมัด
ยูนุส ยืนยันว่า แนวคิดของธุรกิจเพื่อสังคมของเขาสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์โลกสามศูนย์ “ความยากจนเป็นศูนย์ การว่างงานเป็นศูนย์ และคาร์บอนไดออกไซเป็นศูนย์
มูฮัมหมัด ยูนุส ได้เริ่มต้นหนังสือด้วย “ความล้มเหลวของทุนนิยม” เขาได้อธิบายส่วนประกอบความล้มเหลวที่สำคัญของทุนนิยม : มันคือความเข้าใจที่ผิดของลักษณะมนุษย์ ภายในทุนนิยมมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เราแสวงหาประโยชน์ของเราเท่านั้น เขาได้เสนอวิสัยทัศน์อีกอย่างหนึ่งบนพื้นฐานของบุคคลได้ทุ่มเทเวลาและเงินที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่นอย่างไร บุคคลที่เสี่ยงภัยแม้แต่ชีวิตของพวกเขาที่จะปรับปรุงชีวิตของบุคคลอื่น ตรงนี้คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของธุรกิจเพื่อสังคม ธุรกิจที่เป้าหมายแกนไม่ใช่การทำเงิน แต่การสร้างผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์
ธุรกิจประเภทนี้จะแสดงดีเอ็นเอของผู้ประกอบการของมนุษยธรรม ดีเอ็นเอที่สามารถทำให้เราสร้างบริษัทที่ไม่ได้สะสมความมั่งคั่ง แต่กระจายความมั่งคั่งในขณะที่แก้ปัญหาความเป็นมนุษย์และชุมชน
มูฮัมหมัด ยูนุส ต้องการให้เรารู้ว่าทุนนิยมจะทำเพียงสิ่งที่มันหมายถึงจะต้องทำ การสร้างและการมุ่งที่ความมั่งคั่ง แต่ภายในหนังสือของเขา มูฮัมหมัด
ยูนุสได้สนับสนุนการคิดใหม่ของหลักการเบื้องต้นของทุนนิยมที่สร้างความยากจน การว่างงาน
และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มูฮัมหมัด ยูนุสได้ถูกรู้จักจากข้อแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์
ที่จะกำจัดความยากจน การสงสัยต่อสมมุติฐานของอดัม สมิธว่า มนุษย์โดยพื้นฐานแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และการขอให้เราพิจารณามิติทางสังคม
ต่อการตัดสินใจและการลงทุนที่เราได้ทำ มูฮัมหมัด ยูนุส ได้วางกรอบข่ายใหม่ สนับสนุนโดยการทดลองทางเศรษฐกิจที่บรรลุความสำเร็จของเขาเอง เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ทุนมนุษย์ได้ดีขึ้นที่จะแก้ปัญหาของโลก
ปัญหาที่สำคัญของทุนนิยมคือ ทุนนิยมจะรับรู้เป้าหมายอย่างเดียวเท่านั้น การแสวงหากำไรของบุคคลอย่างเห็นแก่ตัว ด้วยเหตุนี้ธุรกิจที่ได้ถูกออกแบบด้วยเป้าหมายนี้เท่านั้นที่ได้ถูกยอมรับและสนับสนุน บุคคลจำนวนมากทั่วโลก
ได้กระหายที่จะมุ่งเป้าหมายอื่น รวมทั้งการกำจัดความยากจน การว่างงาน และการทำลายสิ่งแวดล้อม เป้าหมายสามอย่างสามารถถูกลดลงได้อย่างมาก ถ้าเราเพียงแต่เริ่มต้นออกแบบธุรกิจด้วยเป้าหมายเหล่านี้ภายในใจ และนั่นคือตรงที่ธุรกิจเพื่อสังคมจะแสดงบทบาทที่สำคัญ
ธุรกิจเพื่อสังคมตามที่นิยามโดยมูฮัมหมัด ยูนูส จะเป็นบริษัทไม่มีเงินปันผลทุ่มเทที่จะแก้ปัญหาของมนุษย์ นักลงทุนจัดหาเงินทุนที่จะเปิดธุรกิจเหล่านี้จะได้รับเงินลงทุนเริ่มแรกของพวกเขากลับเท่านั้น ภายหลังจากเงินลงทุนได้ถูกจ่ายกลับ กำไรจากบริษัทเหล่านี้จะถูกเทกลับลงไปและใช้ที่จะขยายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ดังนั้นบุคคลมากขึ้นสามารถได้ประโยชน์ ไม่เหมือนกับองค์การที่ไม่แสวงหากำไร เราไม่จำเป็นต้องขอทุนหรือระดมทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าธุรกิจเพื่อสังคมได้ถูกออกแบบที่จะสร้างรายได้และได้กลายเป็นเลี้ยงตัวเองได้
มูฮัมหมัด ยูนุส ได้สร้างความชัดเจนด้วยหลายตัวอย่างที่ข้อแก้ปัญหาจะหามาได้ และพร้อมที่่จะถูกประยุกต์ใช้และขยายตัวภายในทั้งประเทศที่กำลังพัฒนาและพัฒนาแล้ว นานเหลือเกินที่เราต้องอดทนต่อการคงอยู่ของความยากจน
การว่างงาน และการทำลายสิ่งแวดล้อม ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความหายนะทางธรรมชาตินอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ หรือต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่อย่างนั้นเลย มันจะเป็นความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจของเรา
มูฮัมหมัด ยูนุส ได้กล่าวว่า ความยากจนไม่ได้มาจากคนยากจนตัวพวกเขาเอง ความยากจนจะถูกกำหนดจากภายนอก ความยากจนจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เรามีภายในระบบเศรษฐกิจที่สร้างความยากจน ถ้าเรากำจัดปัญหาเหล่านี้ภายในระบบ เราจะไม่่มีเหตุผลที่ทำไมใครก็ตามควรจะยากจน มูฮัมหมัด ยูนุสได้ยกตัวอย่างของต้นบอนไซ ถ้าเราได้นำเมล็ดดีที่สุดจากต้นไม้สูงที่สุดภายในป่า และปลูกเมล็ดภายในกระถางให้เจริญเติบโต ต้นบอนไซจะเจริญเติบโตสูงสองฟุตหรือสามฟุตเท่านั้น
และต้นบอนไซจะดูน่ารัก ต้นบอนไซจะเป็นการจำลองของต้นไม้สูง เราจะประหลาดใจอะไรไม่ถูกต้องกับมัน ทำไมต้นบอนไซไม่เจริญเติบโตสูง เหตุผลที่ต้นบอนไซไม่เจริญเติบโตจะเป็นเพราะว่า เราไม่ได้ให้รากฐานที่จะเจริญเติบโตสูงขึ้น เราได้ให้ต้นบอนไซแต่กระถางเท่านั้น คนยากจนจะเป็นบุคคลบอนไซ เราไม่มีอะไรผิดกับเมล็ดพันธุ์ สังคมไม่ได้ให้รากฐานแก่พวกเขาที่จะเจริญเติบโตสูงเหมือนกับบุคคลอื่น มูฮัมหมัด ยูนุส ได้กล่าวว่า
ระบบเศรษฐกิจในขณะนี้จะระเบิด ถ้ามันไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลวอย่างสิ้นเชิงที่จะพลิกผันกระแสของความมั่งคั่ง นี่จะเหมือนกับระเบิดเวลา มันจะระเบิดได้ทุกเวลา เมื่อผมถูกถามว่ามนุษย์จะอยู่รอด ลูกค้าจะอยู่รอด 100 ปีข้างหน้าหรือไม่ ผมตอบว่าไม่ ถ้เรายังรักษาระบบเดิมให้ทำงานอยู่ มันจะระเบิด บุคคลจะฆ่ากันและกัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับที่ดูดทุกสิ่งทุกอย่างจากระดับล่าง และดันมันไปสู่ระดับบน
การต่อสู้อย่างหนึ่งตลอดชีวิตของผมคือ ระบบธนาคารที่ไม่ได้ยื่นมือไปสู่พวกเขา ผมมักจะพูดว่าการเงินจะเป็นออกซิเจนเศรษฐกิจอย่างหนึ่งแก่บุคคล ถ้าเราไม่ได้ให้ออกซิเจนนี้แก่บุคคล บุคคลจะเจ็บป่วย บุคคลจะอ่อนแอ ณ เวลาที่เราได้เชื่อมโยงพวกเขากับออกซิเจนเศรษฐกิจ พวกเขาจะตื่นนอนทันที พวกเขาจะเริ่มต้นทำงานทันที พวกเขาจะกลายเป็นการทำธุรกิจทันที นั่นคือทุกสิ่งที่ขาดหายไป เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบการเงิน
เราได้สร้างธนาคารแก่คนยากจนเรียกว่า กรามีน แบงค์ หรือธนาคารหมู่บ้าน
เราทำงานกับคนยากจนภายในบังคลาเทศ กรามีน แบงค์ ได้กลายเป็นรู้จักกันทั่วโลกว่าไมโครเครดิต ปัจจุบันนี้กรามีน แบงค์มีผู้กู้ยืมมากกว่า 9 ล้านคนภายในบังคลาเทศ และ 97% ของพวกเขาจะเป็นผู้หญิง
ความคิดได้แพร่กระจายไปทั่วโลกรวมทั้งอเมริกา เราจะมีองค์การเรียกว่า กรามีน อเมริกา การให้กู้ยืมแก่คนยากจนที่สุดภายในเมืองของอเมริกา ผู้กู้ยืมเกือบ 100,000 คนจะได้เงินกู้ประมาณ 1 พันล้านเหรียญ และพวกเขาได้ชำระคืนเกือบ 100% ผมจะมุ่งปัญหาของการกระจุกตัวทางความม่งคั่ง
ความมั่งคั่งของโลก ความมั่งคั่งของประเทศ จะกระจุกตัวภายในมือที่น้อยลงและน้อยลง ปัจจุบันบุคคลแปดคนภายในโลกจะเป็นเจ้าของความมั่งคั่งมากกว่าระดับล่าง 50% ของบุคคล
ภายใต้มุมมองการจ้างงานเป็นศูนย์ มูฮัมหมัด ยูนุส ได้กล่าวว่า เราคือมนุษย์ เราไม่ได้เกิดบนโลกนี้ที่จะทำงานแก่ใครก็ตาม มนุษย์จะเป็นบุคคลที่อิสระ พวกเขาคือบุคคลที่กล้าเริ่มธุรกิจ นั่นคือประวัติศาสตร์ของเรา นั่นอยู่ภายในดีเอ็นเอของเรา เมื่อเราอยู่ภายในถ้า เราไม่ได้ส่งใบสมัครงานระหว่างกัน เราไม่ได้ส่งใบสมัครงานจากถ้ำเลขที่ 5 ไปถ้ำเลขที่ 10 เรามุ่งไปข้างหน้าและทำอะไรให้สำเร็จ นั่นคือสิ่งที่เรารู้กัน เราจะเป็นผู้มุ่งมั่น เราจะเป็นผู้แก้ปัญหา แต่ระบบทุนนิยมจะพูดว่า ไม่ใช่ เราต้องทำงานแก่บุคคลบางคน นั่นคือวิถีทางเดียวเท่านั้นที่เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ นั่นคือความคิดที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน เราจะต้องย้อนกลับไปยังการเป็นผู้ประกอบการของเรา – รากเหง้า
เราจะเป็นผู้ประกอบการทุกคน
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







