INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชอบคูเมือง ปีเตอร์ ธีล ชอบการผูกขาด

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชอบคูเมือง ปีเตอร์ ธีล ชอบการผูกขาด

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นบุคคลที่สำคัญมากคนหนึ่งภายในทุนนิยมอเมริกันเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว นักลงทุนตำนานที่เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งภายในโลก เขาเป็นไอคอน “นักพยากรณ์แห่งโอมาฮา” ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย บนพื้นฐานภูมิปัญญาชาวบ้าน กินไอศครีมแดรี่ควีน และดื่มโคคา โคล่า เดฟ เดเยน นักหนังสือพิมพ์ ได้กล่าวถึงมุมที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของวอร์เน บัฟเฟตต์ ภายในหนังสือของเขา Monopolized : Life in the Age of Corporate Power คือ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทำกำไรอย่างเงียบภายในเบื้องหลังจากการผูกขาดทุกอย่าง
เรามักจะไม่ค่อยได้ยินปัฟเฟตต์เป็นผู้ผูกขาดที่ยิ่งใหญ่ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นอย่างแท้จริง บัฟเฟตต์เป็นอวตารของการผูกขาด นี่คือบุคคลที่มีปรัชญาการลงทุนเป็นผู้ผูกขาด หมายความว่าเขาได้คิดค้นถ้อยคำ “คูเมือง” ทางเศรษฐกิจ
นั่นคือถ้าเราได้สร้างคูเมืองล้อมรอบธุรกิจของเรา นี่คือภาษาของการสร้าง
อำนาจการผูกขาด เขาไม่ได้มองหาการผูกขาดภายในธุรกิจที่เขาได้ลงทุนเท่านั้น
เขาได้ใส่มันไว้ที่หัวใจภายในธุรกิจที่เขาสร้างด้วย เบิรคไชน์ ฮาทธเวย์ เบิรคไชน์ ฮาทธเวย์เป็นเจ้าของบางสิ่งบางอย่างเช่น 70 หรือ 80 หรือ 90 ของบริษัท
และการมีส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่โตภายในอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื่อสัตย์เกี่ยวกับความต้องการของเขาที่จะลดการแข่งขัน
เขาเพียงแค่เรียกมันด้วยชื่อชาวบ้าน “ขยายคูเมืองให้กว้างขึ้น” เขาได้กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการธุรกิจที่ง่ายต่อคู่แข่งขัน ผมต้องการธุรกิจด้วยคูเมืองล้อมรอบมัน ด้วยปราสาทที่มีคุณค่าอยู่ตรงกลาง” เขาบอกผู้บริหารเบิรคไชน์ ฮาทธเวย์ที่จะขยายคูเมืองของพวกเขาให้กว้างขึ้นทุกปี ดังนั้นคำนิยามของการบริหารที่ดีของวอร์เรน บัฟเฟตต์ชัดเจน ถ้าเรามีคู่แข่งขันที่เข้มแข็ง เรากำลังบริหารมันไม่ถูกต้อง ด้านหนึ่งนายทุนที่ดื้อรั้นทุกคนย้ำความสำคัญของการแข่งขัน อีกด้านหนึ่งวอร์เรน ปัพเฟตต์ ยืนยันว่าเขาไ้้ด้ใช้ชีวิตของเขาหลีกเลี่ยงการแข่งขันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ทำไมวอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ชอบการแข่งขัน บัฟเฟตต์เข้าใจทั้งทุนนิยมและการแข่งขันอย่างลึกซึ้ง ดังที่เขาได้กล่าวว่า ” ลักษณะของทุนนิยมคือ ถ้าเรามีธุรกิจที่ดี บุคคลบางคนต้องการอยู่เสมอที่จะเเย่งมันจากเรา และปรับปรุงมัน”
ไม่น่าประหลาดใจเลย บัฟเฟตต์และหุ้นส่วนธุรกิจของเขา ชาลี มังเกอร์ ได้ทำงานหนักที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนภายในบริษัทที่เผชิญการแข่งขันทุกวัน
การมุ่งพื้นฐานของพวกเขาอยู่ที่การลงทุนภายในบริษัทที่ใกล้การผูกขาด
เท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อถามธุรกิจอุดมคติของเบิรคไชน์คืออะไร บัฟเฟตต์ ตอบสั้นและตรงจุดว่า ” อำนาจการกำหนดราคาสูง การผูกขาด”
การผูกขาดมีอำนาจการกำหนดราคาและกำไรที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าที่ไมีทางเลือก
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นนักลงทุนที่สำคัญคนหนึ่งภายในจอห์นเดีย จอห์น เดียร์ ไม่่ได้ยึดการผูกขาดแทรกเตอร์และอุปกรณ์เกษตรเท่านั้น แต่ใช้ประโยชน์อำนาจของพวกเขาบังคับเกษตรกรส่งกลับรถแทรกเตอร์แก่ผู้ผลิต เพื่อที่จะซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ของพวกเขา การปิดกั้นบุคคลจากการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเอง แม้แต่จอห์น เดียร์ ได้กล่าวว่า สิ่งเดียวเท่านั้นที่บุคคลซื้อเมื่อบุคคลซื้อแทรกเตอร์จอห์น เดียร์ คือ ใบอนุญาติที่จะใช้เครื่องจักร และจอห์น เดียร์ ได้กลายเป็นบริษัทสินเชื่อเกษตรใหญ่ที่สุดภายในอเมริกา พวกเขาได้ให้เงินกู้แก่เกตรกรที่จะซื้ออุปกรณ์ของจอห์น เดียร์
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้กลายเป็นนักลงทุนที่สำคัญภายในอเมซอน แม้ว่าเขามีประว้ติที่ยาวนานของการไม่ยุ่งกับอะไรก็ตามเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทค เพราะว่าเขาได้เคยกล่าวว่า “ผมต้องเข้าใจผลิตภัณฑ์และธุรกิจ” เขาเข้าใจการผูกขาดที่อเมซอนได้รวมเข้าไว้ ดังนั้นเขาได้ซื้อหุ้นจำนวนมากของพวกเขา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ชอบเป็นเจ้าของการผูกขาด ไปถึงเป็นเจ้าของสะพานเก็บค่าผ่านทางไม่ควบคุม เราค่อนข้างมีความเป็นอิสระที่จะเพิ่มอัตราเมื่อไรและมากเท่าไรตามที่เราต้องการ
ทำไมวอร์เรน บัฟเฟตต์ชอบการผูกขาด การผูกขาดมีชื่อเสียงไม่ดีท่ามกลางลูกค้า แต่พวกเขาทำการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ เมื่อบริษัทมีตำแหน่งตลาดที่เข้มแข็ง กำไรจะไหลเข้ามา วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้กล่าวว่า
“เมื่อเรามีอำนาจที่จะขึ้นราคาโดยไม่สูญเสียธุรกิจแก่คู่แข่งขัน เรามีธุรกิจที่ดี
ถ้าเรามีธุรกิจที่ดีเพียงพอ ถ้าเรามีการผูกขาดหนังสือพิมพ์ หรือถ้าเรามีการ
ผูกขาดสถานีโทรทัศน์เครือข่าย หลานชายที่โง่เขลาของเราสามารถบริหารมันได้”
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการดูหมิ่นของเขาต่อการแข่งขัน เขาเพียงแค่ฉลาดภายในการปรับภาพลักษณ์ความอคติต่อต้านการแข่งขันของเขาเป็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าพอใจมากขึ้น
“ผมไม่ต้องการธุรกิจที่ง่ายต่อคู่แข่งขัน ผมต้องการธุรกิจด้วยคูเมืองล้อมรอบมัน ด้วยปราสาทที่มีคุณค่าอย่างมากอยู่ตรงกลาง” บัฟเฟตต์มุ่งคูเมืองที่กว้างตลอดอาชีพของเขา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ และปีเตอร์ ธีล เกลียดการแข่งขัน และชอบการผูกขาด เพราะว่าเมื่อเราเป็นผู้ผูกขาด เรากลายเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่่า
“ผู้กำหนดราคา” เราสามารถกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์ของเราใกล้จำนวนสูงสุดที่ลูกค้าเต็มใจจ่าย ไม่เหมือนภายในอุตสาหกรรมการแข่งขันสูง การแข่งขันขับเคลื่อนราคาต่ำลง บัฟเฟตต์และธีลไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่พวกเขาสามารถเห็นด้วยกับสิ่งหนึ่ง : การแข่งขันทำเพื่อผู้แพ้ เราต้องการมีธุรกิจด้วยคุณลักษณะตามธรรมชาติที่ให้ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันแก่มัน ไมเคิล พอร์เตอร์ อาจารย์ฮาร์วาร์ดเรียกว่าอุปสรรคการเข้ามาของตลาดที่ธุรกิจมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน วอร์เรน บัฟเฟตต์ และชาลี มังเกอร์ เรียกมันว่า “คูเมือง”
โดยพื้นฐานถ้อยคำสองคำเหมือนกัน วอร์เรน บัฟดฟตต์ ได้กล่าวถึงทำนองว่า
จุดสำคัญของการลงทุนไม่ใช่การประเมินอุตสาหกรรมกระทบต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน หรือมันเจริญเติบโตมากน้อยแค่ไหน แต่ควรจะพิจารณาข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทใดก็ตามที่กำหนดให้ และเหนือสิ่งอื่นใด
ความสามารถคงทนของข้อได้เปรียบนั้น ผลิตภัณฑ์ที่มีคูเมืองกว้างยั่งยืน
ล้อมรอบมันให้ผลคุ้มค่าแก่นักลงทุน
บุคคลทุกคนรู้วอร์เรน บัฟเฟตต์ชอบที่จะลงทุนภายในการผูกขาด บริษัทด้วยคูเมืองที่กว้าง เขาเรียกมันอย่างสละสลวย และช่วงเวลาการถือครองที่ชื่นชอบ
ตลอดกาล เราไม่สามารถมีสิ่งที่น่ารำคาญเหมือนเช่นการแข่งขันเข้ามาภายในวิถีทาง เขามีโคคา โคล่าภายในพอร์ตหุ้นของเขานับตั้งแต่ ค.ศ 1987
ปีเตอร์ ธีล ขอบที่จะลงทุนภายในการผูกขาด แต่เรามีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่างนักลงทุนยิ่งใหญ่สองคน วอร์เรน บัฟเฟตต์ รอเพื่อคูเมืองที่มั่นคงก่อนเขาลงทุน ปีเตอร์ ลงทุนบนพื้นฐานความเป็นไปได้ของคูเมืองในอนาคต ความแตกต่างภายในความเชื่อเนื่องจากข้อเท็จจริงคือ ปีเตอร์ ธีล อยู่กับนวัตกรรมมานาน ในขณะที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่ลงทุนกับสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
เขาหลีกเลี่ยงบริษัทเทคภายในชีวิตการลงทุนของเขา มันเป็นเป้าหมายอย่างเดียวกัน แต่วิถีทางของพวกเขาแตกต่างกัน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ชี้แนวคิดอย่างเดียวกันเมื่อเขาได้กล่าวอย่างมีชื่อเสียงว่า
“ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงต้องมีคูเมืองที่ยั่งยืนป้องกันผลตอบแทนจากเงินทุนที่ดีเยี่ยม” ภายในสมัยก่อนคูเมืองเป็นเครื่องกีดขวางน้ำป้องกันผู้โจมตีปราสาท ภายในธุรกิจปัจจุบันนี้ คูเมืองเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เป็นเครื่องกีดขวางล้อมรอบธุรกิจป้องกันคู่แข่งขัน
วอร์เรน ปัฟเฟตต์ ได้กล่าวว่า ดังนั้นเราคิดภายในมุมของคูเมือง และความสามารถที่จะทำให้มันกว้าง และมันเป็นไปไม่ได้ของการข้าม เกณฑ์พื้นฐานของธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ และเราได้บอกผู้บริหารของเราเราต้องการให้คูเมืองกว้างขึ้นทุกปี……และเราต้องการที่จะโยนจระเข้และฉลามและอะไรก็ตาม ลงไปภายในคูเมืองที่จะหยุดคู่แข่งขัน
วิลเลียม เชคเปียร์ ได้สังเกตุว่านักรบที่ยิ่งทุกคนใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์
โน้มเอียงที่จะดูคล้ายกัน มันมักจะไม่ชัดเจนทำไมบุคคลเหล่านี้ต่อสู้กัน
จงพิจารณละครเรื่องโรเมโอและจูเลียต ทั้งสองครอบครัวคล้ายกันภายในศักดิ์ศรี สองตระกูล – มอนตะคิว และคาปุเล็ต – คล้ายกันมาก แต่พวกเขาไม่ชอบกัน ในไม่ช้าพวกเขาได้สูญเสียการมองเห็นทำไมการต่อสู้เริ่มต้นภายในตอนแรก
โรเมโอและจูเลียต เป็นละครโศกนาฏกรรม ประพันธ์โดยวิลเลียม เขคาเปียร์
เมื่อ ค.ศ 1959 เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลคือ ตระกูลมอนตะคิว และตระกูลคาปุเล็ตภายในเมืองเวโรนา อิตาลี
จากจุดข้อได้เปรียบของเขาเป็นนักลงทุนภายในซิลิคอน แวลลี่ย์ ปีเตอร์ ธีิล มักจะมองเห็นเรื่องเศร้าของเชคเปียร์อย่างเดียวกันเล่นภายในโลกแห่งความจริง แทนที่จะเป็นโรมีโอและจูเลียต จินตนาการละครเวทีสมัยใหม่เรียกว่าไมโครซอฟท์และกูเกิล มอนตะคิวเป็นไมโครซอฟท์ คาปุเล็ตเป็นกูเกิล สองครอบครัวที่ยิ่งใหญ่มาจากสถานที่แตกต่างกันมาก บ้านของมองตะคิวสร้างระบบปฏิบัติการและออฟฟิซ แอพพิเคชั่น บ้านของคาปุเล็ตเขียนเสิรช เอนจิน สองครอบครัวบริษัทที่ยิ่งใหญ่บริหารโดยบุคคลที่คล้ายกันที่เกิดความขัดแย้ง บนลูกค้าของความเหมือนกันของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเป็นเพียงแค่สตาร์อัพ แต่ละครอบครัวพอใจแยกกันอยู่ และเจริญรุ่งเรืองอย่างอิสระ และเมื่อพวกเขาได้เจริญเติบโต พวกเขาได้เริ่มต้นที่จะมุ่งระหว่างกัน มอนตะคิวครอบงำเกี่ยวกับคาปุเล็ต และกลับกัน ผลลัพธ์ ?
สงคราม : เอ็กโพลเรอร์ ต่อสู้ โครม บิงก์ ต่อสู้ กูเกิล เสิรช ออฟฟิซ ต่อสู้ ดอคส์
ทำนองเดียวกับความบาดหมางอย่างร้ายแรงภายในโรมีโอ และจูเลียต มอนตะคิวและคาปุเล็ตได้สูญเสียลูกของพวกเขา ในที่สุดไมโครซอฟท์และกูเกิลสูญเสียการยึดครองตลาดของพวกเขา แอปเปิล ได้มาพร้อมกันและยึดครองตลาดทั้งหมด มูลค่าตลาดของแอปเปิ้ลประมาณ 700 พันล้านเหรียญ ในขณะที่กูเกิลและไมโครซอฟท์รวมกันมูลค่าประมาณ 660 พันล้านเหรียญ เพียงแคสามปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์และกูเกิลแต่ละบริษัทมีมูลค่ามากกว่าแอปเปิ้ล สงครามเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนสูง ด้วยการต่อสู้ที่นองเลืดระหว่างมอนตะคิวปและคาปุเล็ต เชคสเปียร์ ได้เติอนเราว่าบุคคลต่อสู้ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาแตกต่างกัน แต่เพราะว่าพวกเขาเหมือนกัน
บุคคลที่คล้ายกันชอบมากที่สุดที่จะอิจฉาลอกเลียนแบบ เพราะว่าราโน้มเอียงที่จะเเข่งขันเพื่อสถานภาพกับบุคคลใกล้ชิดที่สุดกับเรา เมื่อบุคคลสองคนแตกต่างกันและห่างไกลมากระหว่างกัน ความตึงเครียดจะสงบอยู่ ดังนั้นบุคคลยิ่งคล้ายคลึงกันมากเท่าไร ความขัดแย้งลอกเลียนแบบยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น มอนตะคิวและคาปุเล็ตต่อสู้กันไม่ใช่พวกเขาแตกต่างกัน แต่เพราะว่าพวกเขาเหมือนกัน การแข่งขันยิ่งรุนแรงมากขึ้น คู่แข่งขันยิ่งคล้ายคลึงระหว่างกันมากขึ้น
เมื่อเราไม่แตกต่างจากบุคคลรายรอบเรา มันต้านทานไม่ได้ที่จะกลายเป็นครอบงำเกี่ยวกับการต่อสู้กับบุคคล

ปีเตอร์ ธีล ได้เตือนว่า อะไรก็ตามที่เราทำ อย่า “ลบล้าง” ตลาด การลบล้าง
ได้ถูกลดคุณค่าเป็นคำศัพท์ยกย่องตัวเองเพื่ออะไรก็ตามกำหนดเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ใหม่และเป็นแนวโน้ม บริษัทลบล้างภาบในซิลิคอน แวลลี่ย์มักจะเลือกการต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถชนะ ยิ่งกว่านั้น ณ ซิลิคอน แวลลี่ย์
ผู้ประกอบการที่อยากจะเป็นได้ถูกบอกไม่มีอะไรสามารถถูกรู้ล่วงหน้า เราต้องรับฟังต่อสิ่งที่ลูกค้าพูดพวกเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่าเอ็มวีพี และทำซ้ำวิถีทางของเราเพื่อความสำเร็จ เขาได้กล่าวว่าแอปเปิ้ลบรรลุความสำเร็จด้วยการทำตรงกันข้าม
เขาได้กระตุ้นผู้ประกอบการที่อยากจะเป็นถามคำถามนี้ “บริษัทที่ึมีมูลค่าอะไรที่ไม่มีใครสร้าง”
บริษัทที่มีมูลค่า = สร้างมูลค่า + ยึดมูลค่า
บทเรียนเพื่อผู้ประกอบการคืออะไร ถ้าเราต้องการที่จะสร้างและยึดมูลค่า อย่าสร้างธุรกิจที่ไม่แตกต่าง ปีเตอร์ ธีล ได้สร้างความแตกต่างระหว่างการผูกขาดและการแข่งขันสมบูรณ์ และอธิบายบริษัททั้งสองประเภทกำลังพยายามปิดบังตัวพวกเขาเองอย่างไร เช่น การผูกขาดซ่อนเร้นของกูเกิล
กูเกิลมีการผูกขาดเสิรช เอนจิน แต่เน้นย้ำส่วนแบ่งที่เล็กน้อยของการโฆษณาออนไลน์โลก การแข่งขันแบบสมบูรณ์ซ่อนเร้น พยายามจะค้นหาสิ่งแตกต่างที่ปลอม “ร้านอาหารอังกฤษแห่งเดียวเท่านั้นภายในพาโล อัลโต”
อุดมการณ์ของการแข่งขัน เป็นการอธิายการครอบงำสังคมอเมริกันด้วยการแข่งขัน การอุปมาของสงครามและสันติภาพเคยปรากฏภายในธุรกิจ นักศึกษาเอ็มบีเอพกพาสำเนาของเคลาเชอวิทย์และซุนวู คำอุปมาสงครามภายในภาษาธุรกิจ นักล่าหัว ตลาดคุมขัง การทำเงิน ทำไมบุคคลแข่งขันกัน
*โมเดลของมารค – เพราะว่าพวกเขามีความคิดและเป้าหมายแตกต่างกัน
*โมเดลของเชคส์เปียร์ – ผู้ต่อสู้ทุกคนคลายคลึงกันประมาณนั้น
สงคราม – ภายในธุรกิจเหมือนกับทุกที่ – ทำลาย ในขณะที่ไมโครซอฟท์และ
กูเกิลถูกครอบงำที่จะแข่งขันระหว่างกัน แอปเปิ้ลมาพร้อมกันและยึดครองพวกเขา
ปีเตอร์ ธีล ได้กล่าวถึงแหล่งที่มาของการผูกขาดสี่อย่างคือ เทคโนโลยี เครือข่าย ขนาด และตราสินค้า บริิษัทเทคโนโลยีที่สร้างการผูกขาดอย่างยั่งยืนมีการผสมกันของคุณลักษณะสื่อย่างเหล่านี้
1 เทคโนโลยีกรรมลิขสิทธ์
เทคโนโลยีกรรมลิขสิทธ์เป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงมากที่สุดที่บริษัทสามารถมี เพราะว่ามันทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรายุ่งยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะลอกเลียนแบบ นี่หมายถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ การทำให้มันยุ่งยากอย่างมากต่อบุคคลอื่นที่จะลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างที่ดีคือ เทสลา
“ดังหลักการทั่วไป เทคโนโลยีกรรมสิทธ์ต้องอย่างน้อยที่สุดสิบเท่าดีกว่าสิ่งทดแทนใกล้ชิดที่สุดภายในมิติที่สำคัญบางอย่าง การนำไปสู่ข้อได้เปรียบการผูกขาดอย่างแท้จริง” อะไรก็ตามที่น้อยกว่าลำดับของขนาดน่าจะถูกรับรู้เป็นการปรับปรุงเพิ่มขึ้น และยากที่จะขายโดยเฉพาะภายในตลาดที่แข่งขันกันมาก
วิถึทางชัดเจนที่สุดที่จะสร้างการปรับปรุง 10X คือการลงทุนบางสิ่งบางอย่างใหม่ทั้งหมด ถ้าเราสร้างบางสิ่วบางอย่างมีคุณค่าที่ไม่มีอะไรมีมาก่อน การเพิ่มคุณโดยทฤษฎีไม่มีที่สิ้นสุด เช่น ยาที่กำจัดความง่วงนอนที่จะให้ปลอดภัย หรือการรักษาศรีษะล้าน สนับสนุนธุรกิจการผูกขาดอย่างแน่นอน หรือเราสามารถสร้างการปรับปรุงข้อแก้ปัญหาเดิมอย่างมาก เมื่อเราดีขึ้น 10X เราหลบหนีการแข่งขัน เช่น เพย์พาล สร้างการซื้อและการขายบนอีเบย์ อย่างน้อยที่สุดดีกว่าสิบเท่า ไม่ใช่การส่งเช็คทางไปรษณีย์ที่ใช้เจ็ดถึงสิบวันมาถึง เพล์พาลทำให้ผู้ซื้อชำระเงินได้ทันทีเมื่อการประมูลจบลง
อเมซอนสร้างการปรับปรุง 10X ครั้งแรกของพวกเขาภายในวิถีทางที่ชัดเจน
พวกเขานำเสนออย่างน้อยที่สุดสิบเท่าของของร้านหนังสือใดก็ตาม เมื่อมันได้เปิดตัวเมื่อ ค.ศ 1995 อเมซอนสามารถอ้างได้เป็นร้านหนังสือใหญ่ที่สุดของโลก
เพราะว่าไม่เหมือนร้านขายหนังสือที่อาจจะสต็อคหนังสือ 100,000 เล่ม
อเมซอนไม่ต้องมีร้านขายหนังสือและสินค้าคงเหลือ พวกเขาเพียงแค่ขอชื่อหนังสือจากซัพพลายเออร์ ทุกครั้งที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อ การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดนี้มีประสิทธิภาพสูงมากจนบาร์เนส แอนด์ โนเบิล ไม่มีความสุขยื่นฟ้องศาลสามวันก่อนไอพีโอของอเมซอน การอ้างว่าอเมซอนเรียกตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมเป็นร้านขายหนังสือ เมื่อแท้จริงแล้วมันเป็นนายหน้าขายหนังสือ
2 ผลกระทบของเครือข่าย
ผลกระทบของเครือข่ายทำให้ผลิตภัณฑ์มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อบุคคลมากขึ้นได้ใช้มัน
” ผลกระทบของเครือข่ายสามารถทีอำนาจอย่างมาก แต่เราจะไม่เคยเก็บเกี่ยวมันจนกว่าผลิิตภัณฑ์ของเรามีคุณค่าต่อผู้ใช้เริ่มแรกที่สุด เมื่อเครือข่ายจำเป็นต้องเล็กอยู่”
บุคคลทุกคนใช้ไมโครซอฟท์ ออฟฟิซ เพราะว่ามันเป็นซอฟท์แวร์โดยทั่วไปมากที่สุด เพย์พาลให้ความสะดวกเท่านั้นเมื่อมันนิยมแพรหลาย ทำให้มันง่ายที่จะพบสถานที่ยอมรับการชำระเงินจากมัน เฟซบุคมีประโยชน์เพราะว่าสามารถพบเพื่อนของเราที่นี่ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากผลกระทบของเครือข่าย
ธุรกิจผลกระทบของเครือข่ายต้องเริ่มต้นด้วยตลาดที่เล็ก เฟชบุคเริ่มต้นด้วยเพียงแค่นักศึกษาฮาร์วาร์ด – ผลิตภัณฑ์อย่างแรกของมาร์ค ซัคเกอร์เบิรกถูกออกแบบที่จะให้เพื่อนร่วมชั้นทุกคนของเขาลงชื่อ ไม่ได้ดึงดูดต่อบุคคลทุกคนบนโลก นี่คือทำไมธุรกิจเครือข่ายของความสำเร็จที่บรรลุความสำเร็จไม่ค่อยจะเริ่มต้นด้วยรูปแบบเอ็มบีเอ ตลาดเริ่มแรกจะเล็กที่มันมักจะไม่ปรากฏเป็นโอกาสทางธุรกิจเลย
ผลกระทบของเครือข่ายทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นประโยชน์มากขึ้น เมื่อบุคคลมากขึ้นใช้มัน เช่น ถ้าเพื่อนของเราทุกคนอยู่บนเฟซบุค มันมีเหตุผลต่อเราที่จะร่วมเฟซบุคด้วย การเลือกฝ่ายเดียวเครือข่ายทางสังคมแตกต่างกันทำให้เราแหกคอกไปเท่านั้น
3 ความประหยัดจากขนาด
บริษัทผูกขาดยิ่งเข้มแข็งขึ้นเมื่อมันยิ่งใหญ่ขึ้น ต้นทุนคงที่ของการสร้างผลิตภัณฑ์ – วิศวกรรม การบริหาร พื้นที่สำนักงาน – สามารถถูกกระจายตามจำนวนยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ซอฟท์แวร์ สตาร์อัพสามารถสร้างความประหยัดจากขนาดได้อย่างมาก เพราะว่าต้นทุนส่วนเพิ่มของการผลิตผลิตภัณฑ์เกือบใกล้ศูนย์
บริษัทใหญ่สามารถสร้างข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เหนือบริษัทเล็ก เพียงแค่เพราะว่าพวกเขาผลิตภัณฑ์มากกว่ามาก ดีงนั้นมันกลายเป็นถูกกว่าต่อพวก
เขาที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ เพราะว่าพวกเขาสามารถเจรจาต่อรองข้อตกลงกับซัพพลายเออร์ได้ดีกว่า
ธุรกิจหลายอย่างมีข้อได้เปรียบที่จำกัดเท่านั้น เมื่อพวกเขาได้เจริญเติบโตขนาดใหญ่ขึ้น ธุรกิจบริการยากที่จะสร้างการผูกขาด เช่น ถ้าเราเป็นเจ้าของโยคะ สตูดิโอ เราสามารถบริการลูกค้าจำนวนหนึ่ง เราสามารถจ้างผู้ฝึกสอน
มากขึ้นและขยายไปสู่ทำเลที่ตั้งมากขึ้น แต่กำไรของเราจะยังคงค่อนข้างต่ำ
และเราไม่สามารถไปถึงจุดที่บุคคลที่มีความสามารถของเราให้คุณค่าแก่ลูกค้าหลายล้านคนแยกจากกันได้ ดังที่วิศวกรซอฟท์แวร์สามารถทำได้
สตาร์ทอัพที่ดีควรจะมีศักยภาพเพื่อขนาดที่ยิ่งใหญ่สร้างภายในการออกแบบเริ่มแรกของพวกเขา ทวิตเตอร์มีผู้ใช้มากกว่า 250 ล้านคนอยู่แล้ว มันไม่จำเป็นที่จะเพิ่มคุณลักษณะเฉพาะหลายอย่างเกินไป เพื่อที่จะยึดครองมากขึ้น และเราไม่มีเหตุผลทำไมมันควรจะเคยหยุดการเจริญเติบโต
4 การสร้างตราสินค้า
บริษัทสร้างการผูกขาดด้วยตราสินค้าของพวกเขาเอง ดังนั้นการสร้างตราสินค้าที่เข้มแข็งเป็นวิถีทางที่มีพลังอย่างหนึ่งที่จะยืนยันการผูกขาดได้ ปัจจุบันนี้ตราสินค้าเทคโนโลยีเข้มแข็งที่สุดคือแอปเปิล การมองดูแล้วดึงดูดและวัตถุที่เลิอกอย่างระมัดระวังของผลิตภัณฑ์ เช่น ไอโฟนและเเมคบุก
การออกแบบเรียบง่ายเป็นเงาของแอปเปิล สโตร์ และการควยคุมอย่างใกล้ชิดเหนือประสบการณ์ของลูกค้า การรณรงค์การโฆษณาทมีอยู่ทั่วทุกแห่ง
การวางตำแหน่งราคาเป็นผู้ผลิตของผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม และรัศมี
ของบารมีส่วนบุคคลของสตีฟ จ้อป ทุกอย่างมีส่วนช่วยต่อการรับรู้ว่าแอป
เปิ้ลนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก บริษัทหลายบริษัทได้พยายามที่จะเรียนรู้จากความสำเร็จของแอปเปิล การโฆษณา ร้านตราสินค้า วัตถุที่หรูหรา ราคาสูง และการออกแบบเรียบง่ายต่างถููกรู้สึกต่อการลอกเลียนแบบ แต่เทคนิคเหล่านี้เพื่อการขัดผิวใช้ไม่ได้โดยไม่มีเนื้อแท้รากฐานที่เข้มแข็ง แอปเปิ้ลมีเทคโนโลยีกรรมสิทธ์ที่ซับซ้อน ทั้งภายในฮาร์ดแวร์ – เช่น วัตถุสัมผัสหน้าจอที่เหนือกว่า และซอฟท์แวร์ – เช่น ตัวประสานสัมผัสหน้าจอออกแบบเพื่อวัตถุเฉพาะ พวกเขาผลิตผลิตภัณฑ์ ณ ขนาดเพียงพอที่จะกำหนดราคาต่อวัตถุที่ซื้อ และพวกเขาพอใจผลกระทบของเครือข่ายที่เข้มแข็งจากระบบนิเวศเนื้อหา นักพัฒนาหลายพันคนเขียนซอฟท์แวร์เพื่ออุปกรณ์ของแอปเปิ้ล เพราะว่านั่นเป็นตรงที่ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนมีอยู่ และผู้ใช้เหล่านี้อยู่บนแพลตฟอร์ม เพราะว่ามันเป็นตรงที่แอปส์มีอยู่ ข้อได้เปรียบการผูกขาดอื่นชัดเจนน้อยกว่าตราสินค้าที่ประกายของแอปเปิ้ล แต่มันเป็นรากฐานที่ทำให้ตราสินค้าเสริมแรงอย่างมี
ประสิทธิการผูกขาดของแอปเปิล

หนังสือที่โต้เถียงกัันของปีเตอร์ ธีล Zero to One ได้สร้างคลื่นกระเเทกภายในโลกของธุรกิจ ความคิดเห็นสวนกระเเสของเขาเกี่ยวกับการผูกขาดและการแข่งขันได้ขัดแย้งภูมปัญญาการเป็นผู้ประกอบการดั้งเดิมภายในทุนนิยมตะวันตก คำพูดอ้างอิงต่อไปนี้ได้สรุปมุมมองของเขา
ภายในโลกที่เป็นจริงภายนอกทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจทุกอย่างบรรลุความสำเร็จเนื่องจากมันทำบางสิ่งบางอย่างที่บุคคลอื่นไม่สามารถทำ ดังนั้นการผูกขาดไม่ใช่ความผิดปรกติหรือข้อยกเว้น การผูกขาดเป็นสภาวะของธุรกิจที่บรรลุความสำเร็จทุกอย่าง
ลีโอ ตอลสตอย ได้เปิดวรรณกรรม แอนนา คาเรนินา ด้วยการกล่าวว่า ทุกครอบครัวที่มีความสุขจะเหมือนกัน แต่ละครอบครัวที่ไม่มีความสุขไม่มีความสุขภายในวิถีทางของตัวมันเอง ธุรกิจจะตรงกันข้าม ทุกบริษัทที่มีความสุขจะแตกต่างกัน แต่ละบริษัทได้การผูกขาดด้วยการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร ทุกบริษัทที่ล้มเหลวจะเหมือนกัน พวกเขาล้มเหลวที่จะหนีการแข่งขัน
นี่คือความเชื่อที่ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่บุคคลไม่มากได้คิดถึงมัน เพราะว่าพวกเขาจมอยู่กับการแข่งขัน สิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกเขาสามารถคิดเกี่ยวกับ
จะชนะคู่แข่งขันของพวกเขาอย่างไร ไม่ใช่การค้นหาวิถีทางอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อเราอยู่บนเส้นทางไปสู่เป้าหมายของเรา เรามีประตูนี้ ณ สิ้นสุดของเส้นทาง
เรามีบุคคลหลายคนต่อสู้และเบียดกันที่จะผ่านประตู บุคคลบางคนได้สูญเสียบ่อน้ำของพวกเขา ผ่านประตูที่พวกเขาได้มองเห็นข้างหน้า พวกเขามักจะไม่มองอีกประตูที่ไม่ไกลออกไป เรากำลังยืนอยู่ข้างหน้าสองประตู ประตูไหนที่เราจะเลือกเดินผ่าน
เรา 100% เดินผ่านประตูที่เรามีบุคคลไม่มากต่อสู้กันที่จะผ่านประตู เมื่อเราผ่านประตู เรามองกลับหลังและคิดว่าบุคคลทุกคนแข่งขันเดินผ่านประตูเบียดเสียดกันโง่และเป็นผู้แพ้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทำนองเดียวกับการสร้างบริษัท เราไม่ต้องการที่จะสร้างเสิรช เอนจินที่ห้า บริษัทแผงโพลาที่สิบ
แพลตฟอร์มมีเดียทางสังคมที่สาม หรือร้านอาหารจีนที่ร้อยภายในลอสแอน
-เจลิส เราต้องการบริษัทประเภทที่สามารถแตกต่างโดยลูกค้า ปีเตอร์ ธีล เรียกว่า การผูกขาด ความคิดของการผูกขาดอยู่ตลอดภายในหนังสือ Zero to One การผูกขาดเป็นบริษัทที่แตกต่างจากบริษัทอื่น และมีการแข่งขันเป็นศูนย์
สองตัวอย่างของการผูกขาดคือ กูเกิล และเพย์พาล
ปีเตอร์ ธีล ได้อธิบายโลกธุรกิจคล้ายคลึงอย่างมากกับสงคราม เอ็มบีเอมักจะอ้างความสำเร็จทางยุทธวิธีของพวกเขาต่อความรู้ที่ได้มาจากหนังสือเช่น The Art of War การเปรียบเทียบไดัถูกสนับสนุนต่อไปด้วยภาษาสงครามเชิงอุปมา
โรเบิรต ธีล ทำให้เราซับซ้อนด้วยคำถามว่า “ทำไมบุคคลแข่งขันกัน”
1 โมเดลของมาร์ค เนื่องจากเราแตกต่างทางธรรมชาติ และครอบครองเป้าหมายแตกต่างกัน
2 โมเดลของเชคสเปียร์ คู่แข่งขันทุกคนคล้ายคลึงกันประมาณนั้น ตระกูลมอนตะคิว ต่อสู้ ตระกูลคาปุเล็ต
คาร์ล มาร์ค และวิลเลียม เชคสเปียร์ได้ให้สองโมเดล
ที่เราสามารถใช้เข้าใจเกือบทุกประเภทของความขัดแย้ง ตามที่มาร์ค บุคคลต่อสู้ เพราะว่าพวกเขาแตกต่างกัน ชนชั้นกรรมกรต่อสู้ชนชั้นกลาง เพราะว่าพวกเขามีความคิดและเป้าหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สร้างโดยสภาพทางวัตถุที่แตกต่างอย่างมากของพวกเขา ความแตกต่างยิ่งมากเท่าไร ความขัดเเย้งยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้าม ตามที่เชคเปียร์ คู่ต่อสู้ทุกคนดูแลัวเหมือนกันระดับหนึ่ง มันไม่ชัดเจนทำไมพวกเขาควรจะต่อสู้กัน เนื่องจากพวกเขา
ไม่มีอะไรที่จะต่อสู้กัน จงพิจารณาเรื่องราวของโรมีโอและจูเลียต สองครอบครัวเหมือนกัน ทั้งสองเหมือนกันภายในศักดิ์ศรี แต่พวกเขาไม่ชอบระหว่างกัน ในที่สุดพวกเขาได้ขาดการมองเห็นทำไมพวกเขาได้เริ่มต้นต่อสู้กันภายในตอนแรก ภายในธุรกิจ โรเบิรต ธีล ยืนยันว่า ภายในโลกของธุรกิจ อย่างน้อยที่สุดเชคเปียร์ ได้พิสูจน์แนวทางที่เหนือกว่า ภายในบริษัท บุคคลกลายเป็นครอบงำด้วยคู่แข่งขันของพวกเขาเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ
ดังนั้นบริษัทตัวพวกเขาเองกลายเป็นครอบงำกับคู่แข่งขันของพวกเขาภายในตลาด ท่ามกลางละครของมนุษย์ บุคคลมองไม่เห็นอะไรที่สำคัญ และการมุ่งที่คู่แข่งขันของพวกเขาแทน
ปีเตอร์ ธีล ได้พูดเกี่ยวกับความขัดแย้งตัวมันเองที่ประหลาดภายในแนวคิดของการผูกขาด บริษัทที่มีการแข่งขันมาก มักจะพยายามบอกบุคคลอื่นบริษัทของพวกเขาแตกต่างอย่างไร พวกเขามีการบริการที่ดีที่สุดอย่างไร มันเพียงแค่พวกเขาไม่ต้องการที่จะยอมรับข้อเท็จจริงนี้ ตรงกันข้ามบริษัทที่มีการผูกขาดมักจะกล่าวว่าพวกเขามีคู่แข่งขันหลายรายเหลือเกิน เช่น กูเกิล กล่าวว่าพวกเขามีการแข่งขันภายในสนามเสิรช เอนจินกับยาฮู ภายในสนามสื่อกับเฟซบุค และภายในสนามเทคโนโลยีกับแอปเปิล แต่กูเกิลแท้จริงไม่คู่แข่งขันที่เข้มแข็งใดเลยภายในตลาด กูเกิลเป็นการผูกขาด
กูเกิลไม่ได้อ้างเป็นการผูกขาด ปีเตอร์ ธีล ยืนยันว่าเป็นการผูกขาดแน่นอน
ด้วยการวางตำแหน่งอย่างฉลาดที่คลุมเครือความจริง เขาได้ให้สถิติต่อไปนี้
*กูเกิลเป็นเจ้าของประมาณ 67% ของเสิรช เอนจิน โลก
* กูเกิลเป็นเจ้าของน้อยกว่า 3 % ของตลาดโฆษณาโลก
* กูเกิลเป็นเจ้าของน้อยกว่า 0.24% ของตลาดคอมซูมเมอร์ เทคโลก
ปีเตอร์ ธีล ได้กล่าวว่ากูเกิลวางกรอบตัวเองเป็นเพียงแค่อีกบริษัทเทคหนึ่ง
ทำให้มันหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้ แต่เขารับรองเราว่ามันเป็นการผูกขาด
เนื่องจากไมโครซอฟท์และยาฮูล้าหลัง ณ ส่วนแบ่งตลาด 18% และ 11% ภายในเสิรช เอนจิน และเขาได้กล่าวว่าเราไม่สามารถคาดหวัง เสริช เอนจิน อื่นใด
ที่จะเข้าไปภายในพจนานุกรมภาษาอ้งกฤษออกซ์ฟอรดได้เช่นกูเกิล
การกลายเป็นการผูกขาดนี้เป็นสิ่งที่ดี และมันเป็นสิ่งที่ทำให้กูเกิลสามารถกลายเป็นบริษัทไอทีของอเมริกา มันได้สร้างนโยบายเอชอาร์ยูโทเฟียแก่กูเกิล ด้วยเชิดความมุ่งหมายที่จะมั่นใจว่าชาวกูเกิลยังคงมีความสุขและสุขภาพดีภายในทุกด้านของชีวิตของพวกเขา
โรเบิรต ธีล ได้ยืนยัน ความแตกต่างระหว่างการผูกขาดและการแข่งขันไปไกลกว่าเพียงแค่กำไร ภายในตลาดที่แข่งขันสูงมากที่เราไม่แตกต่างจากคู่แข่งขันของเรา เราไม่มีทางเลือกแต่ต้องบีบคั้นอย่างโหดเหี้ยมประสิทธิภาพทุกอย่าง ทำไมร้านอาหารเล็กได้ใช้คุณยายทำงาน ณ เครื่องคิดเงิน เรามีกูเกิลที่ไม่ต้องแข่งขันกับใครก็ตาม การทำให้แลร์รี เพจ และเซอร์เก บริน พื้นที่กว้างขวางที่จะดูแลบุคคลของพวกเขา และผลกระทบของพวกเขาต่อโลก อย่าไปคาดหวังที่จะมองเห็นคุณยายของแลร์รี เพจ
การกลายเป็นการผูกขาด เป็นเรื่องของการลงทุนบางสิ่งบางอย่าง 10X ดีกว่าผลิตภัณฑ์เท่าเทียมกันใดก็ตาม หรือการค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด สังคมไม่ต้องหวาดกลัวการผูกขาด เนื่องจากสตาร์ทอัพจะเข้ามายึดบัลลังก์ของพวกเขาอยู่เสมอ เมื่อไอโอเอสของแอปเปิลได้ทำกับการยึดครองระบบปฏิบัติการ
นานทศวรรษของไมโครซอฟท์ และไมโครซอฟท์ได้ทำกับไอบีเอ็ม ก่อนหน้าพวกเขามาแล้ว ภายในวิถีทางนี้ การผูกขาดขับเคลื่อนความก้าวหน้า
การแสดงออกความคิดใหม่เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการโดยปีเตอร์ ธีล
ผู้ก่อตั้งเพล์พาล นักลงทุนของเฟซบุค และ “ดอน” แห่งซิลิคอน
แวลลี่ย์ ได้กระตุ้นการโต้เถียงต่อการป้องกันการผูกขาด และการโจมตีการแข่งขันสมบูรณ์ ภายในเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิค ตามโรเบิรต ธีล แล้ว
เป้าหมายของทุนนิยมไม่ไช่การสร้างตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ดังที่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อ้างควรจะเป็นเป้าหมายของเศรษฐกิจ แต่ควรจะสร้างและหาประโยชน์การผูกขาด การผูกขาดเท่านั้นที่สร้างกำไร และการผูกขาดเท่านั้น
ชักจูงการสะสมทุน
ณ มุมมองเริ่มแรก เราอาจจะรู้สึกน้อยภายในการโต้แย้งว่านี่คือ การโจมตีต่อโมเดลเศรษฐศาสตร์ของการแข่งขันสมบูรณ์ นับตั้งแต่ปีเตอร์ ธีล ได้ใช้ข้อสรุปของโมเดลว่ากำไรทั้งหมดได้ถูกกำจัดโดยการแข่งขัน เพื่อที่จะสร้างเหตุผลต่อการผูกขาดของเขา สิ่งที่ปีเตอร ธีล ได้ปรักปรำคือ การแสวงหาการแข่งขันภายในวอล สตรีท เจอร์นัลของเขา Competition is For Losers
ปีเตอร์ ธีล กำลังเสนอแนะว่าธุรกิจควรจะยุ่งเกี่ยวภายในกิจกรรมที่หายไปจากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก : การสร้างตลาดใหม่ที่ไม่มีอยู่ ปีเตอร์ ธีล กล่าวว่าบริษัททุกบริษัทควรจะพยายามสร้างการผูกขาด และโดยการผูกขาด เขาหมายความถึงการเป็นเจ้าของตลาดที่ธุรกิจสามารถกำหนดราคาของพวกเขาเอง บริษัทผูกขาดยืนหยัดที่จะสร้างและรักษาคุณค่าที่ยั่งยืนต่อพวกเขาเอง โรเบิรต ธีล ได้อ้างกูเกิลเป็นตัวอย่างที่ดี สุภาษิตของกูเกิล “อย่าชั่วร้าย” เป็นคุณลีกษณะของธุรกิจที่บรรลุความสำเร็จ เพียงพอที่จะมีจริยธรรมอย่างจริงจังโดยไม่เป็นภัยต่อการดำรงอยู่ของตัวเอง ปีเตอร์ ธีล ได้กล่าวการผูกขาดเป็นประเภทหนึ่งของบริษัทที่ดีมาก ณ อะไรที่พวกเขาทำจนไม่มีบริษัทอื่นสามารถนำเสนอทดแทนอย่างใกล้ชิดได้ บริษัทที่ 10X ณ อะไรที่พวกเชาทำได้กว่าใครก็ตาม กูเกิลไม่ได่้แข่งขันภายในเสิรช เอนจิน ตั้งแต่ต้น ค.ศ 2000 เมื่อพวกเขาได้กระโดดนำหน้าไมโครซอฟท์และยาฮู
รุ่นของธุรกิจของคำถามทวนกระเเสของเราคือ บริษัทที่มีมูลค่าอะไรที่ไม่มีใครสร้าง คำถามนี้ยากกว่าที่เราคิด เพราะว่าบริษัทของเราสามารถสร้างมูลค่าได้มากมายโดยไม่ได้กลายเป็นตัวเองมีมูบค่า การสร้างมูลค่าไม่เพียงพอ เราต้องยึดมูลค่าบางส่วนที่เราสร้างด้วย นี่หมายความว่าแม้แต่ธุรกิจใหญ่มากสามารถเป็นธุรกิจที่ไม่ดี ตัวอย่างเข่น บริษัทสายการบินอเมริกันบริการ
ผู้โดยสารหลายล้านคน และสร้างหลายร้อยพันล้านเหรียญของมูลค่า แต่ภายใน ค.ศ 2012 เมื่อค่าโดยสารเฉลี่ยของแต่ละเส้นทาง 178 เหรียญ สายการบินมีกำไรต่อหนึ่งเที่ยวของผู้โดยสาร 37 เซ็นต์เท่านั้น เปรียบเทียบกับ
กูเกิล สร้างมูลค่าน้อยกว่า แต่ยึดมูลค่าได้มากกว่ามาก
กูเกิลสร้างรายได้ 50 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2012 เปรียบเทียบกับ 160 พันล้านเหรียญของสายการบิน แต่มันสร้าง 21 % ของรายได้เป็นกำไร มากกว่าหนึ่งร้อยเท่าของอุตสาหกรรมสายการบิน ณ ปีนั้น กูเกิลทำเงินได้มากจนในขณะนี้พวกเขามีคุณค่าสามเท่ามากกว่าทุกสายการบินรวมกัน
สายการบินแข่งขันระหว่างกัน แต่กูเกิลอยู่โดยลำพัง นักเศรษฐศาสตร์ ได้ใช้สองโมเดลเรียบง่ายที่จะอธิบายความแตกต่าง : การแข่งขันสมบูรณ์ และการผูกขาด ตลาดการแข่งขันบรรลุดุลยภาพเมื่ออุปทานของผู้ผลิตเท่ากับอุปสงค์ของลูกค้า ทุกบริษัทภายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ไม่แตกต่างกันและขายผลิตภัณฑ์เหมือนกัน เนื่องจากไม่มีบริษัทใดมีอำนาจทางตลาดอะไรก็ตาม พวกเขาต้องขาย ณ ราคาตามที่ตลาดกำหนด ถ้าเราสามารถทำกำไร
บริษัทใหม่จะเข้ามาภายในตลาด อุปทานเพิ่มสูงขึ้น การผลักดันให้ราคาต่ำลง
และกำจัดกำไรที่จูงใจให้พวกเขาเข้ามาตอนแรก ถ้าบริษัทหลายบริษัทเข้ามาภายในตลาด พวกเขาจะเผชิญการขาดทุนหรือเลิกไป และราคาสูงขึ้นกลับไปสู่ระดับที่ยั่งยืน ภายในระยะยาวไม่มีบริษัทใดทำกำไรเศรษฐศาสตร์
ตรงกันข้ามการแข่งขันสมบูรณ์คือ การผูกขาด ในขณะที่บริษัทแข่งขันต้องขาย ณ ราคาตลาด การผูกขาดเป็นเจ้าของตลาด ดังนั้นพวกเขาสามารถกำหนดราคาของพวกเขาเองได้ เนื่องจากมันไม่มีการแข่งขัน พวกเขาจะผลิต ณ จำนวนและราคาที่ทำกำไรสูงสุด
ต่อนักเศรษฐศาสตร์แล้ว ทุกการผูกขาดดูแล้วเหมือนกัน ไม่ว่ามันจะกำจัด
คู่แข่งขันอย่างอ้อมค้อม หรือได้ใบอนุญาติจากรัฐ ภายในหนังสือเล่มนี้ เราไม่สนใจภายในการรังแกที่ผิดกฏหมายหรือความชื่นชอบของรัฐ โดยการผูกขาด เราหมายถึงประเภทของบริษัทที่ดีมาก ณ อะไรที่พวกเขาทำที่ไม่บริษัทอื่นสามารถนำเสนอสิ่งทดแทนอย่างใกล้ชิดได้ กูเกิลเป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทที่ไปจากศูนย์เป็นหนึ่ง ผู้ผูกขาดโกหกที่จะป้องกันตัวพวกเขาเอง พวกเขารู้ว่าการโอ้อวดเกี่ยวกับการผูกขาดที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเชื้อเชิญการถูกตรวจสอบและการโจมตี ดังนั้นพวกเขาต้องการอย่างมากกำไรการผูกขาดของพวกเขาไม่อันตราย พวกเขาโน้มเอียงที่จะทำอะไรก็ตามที่พวกเขาสามารถปกปิดการผูกขาดของพวกเขา โดยปรกติด้วยการขยายเกินจริงอำนาจของการแข่งขันของพวกเขา – การไม่มีอยู่
การผูกขาดที่สร้างสรรค์หมายถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลทุกคนและกำไรที่ยั่งยินต่อผู้สร้าง การแข่งขันหมายถึงไม่มีกำไรแก่ใครก็ตาม ไม่มีการสร้างความแตกต่างที่มีความหมาย และการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

เหนือสิ่งอื่นใดการแข่งขันเป็นอุดมการณ์ อุดมการณ์ที่แพร่หลายสังคมของเรา
และบิดเบือนความคิดของเรา เราสั่งสอนการแข่งขันต้องรับไว้ภายในความจำเป็นของมัน และใช้ข้อบัญญัติของมัน เราติดกับตัวเราเองภายในมัน ถึงแม้ว่าเรายิ่งแข่งขัน เรายิ่งได้น้อยลง นี่คือข้อเท็จจริงที่ธรรมดาแต่เราทุกคนได้ถูกฝึกอบรมให้ละเลยมัน ระบบการศึกษาของเราทั้งขับเคลื่อนและสะท้อนการครอบงำของเรากับการแข่งขัน การให้เกรดตามการวัดความสามารถแข่งขันของนักศึกษาแต่ละคน ด้วยคะแนนสูงสุดจะได้รับสถานภาพและหนังสือรับรอง อาจารย์ ได้ดูหมิ่นวัฒนาธรรมทางวิชาการแบบเชือดคอหอย แต่ผู้บริหารไม่เคยเหนื่อยของการเปรียบเทียบธุรกิจกับสงคราม นักศึกษาพกพาสำเนาของคลาวเชวิทต์และซุนวู คำอุปมาของสงครามได้รุกเข้ามากับภาษาธุรกิจทุกวันของเรา เราได้ใช้นักล่าหัวที่จะสร้างกำลังงานขาย เพื่อที่จะยึดครองตลาด แด่ที่แท้จริงมันเป็นการแข่งขันไม่ใช่ธุรกิจ นั่นเป็นเหมือนกับสงคราม
ปัญหาของธุรกิจการแข่งขันไปเลยพ้นจากการขาดกำไร เช่น ถ้าเรากำลังทำร้านอาหาร ณ สถานที่แห่งหนึ่ง และเราไม่แตกต่างจากคู่แข่งขันจำนวนหนึ่งของเรา ดังนั้นเราต้องต่อสู้อย่างหนัักเพื่อความอยู่รอด ถ้าเรานำเสนอาหารราคาถูกด้วยกำไรที่ต่ำ เราสามารถจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำแก่บุคคลของเราเท่านั้น และเราต้องบีบคั้นประสิทธิภาพทุกอย่าง นั่นคือทำไมร้านอาหารเล็กต้องใช้คุณยายทำงานที่เครื่องเก็บเงินสด และให้เด็กล้างชามข้างหลัง การผูกขาดเช่นกูเกิลจะเเตกต่าง เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องกังวลกับการแข่งขันกับใครก็ตาม พวกเขาสามารถดูแลบุคคล ผลิตภัณฑ์ และผลกระทบต่อโลกของพวกเขา
ภายในการแข่งขันสมบูรณ์ ธุรกิจต้องมุ่งกำไรวันนี้ พวกเขาไม่สามารถวางแผนเพื่ออนาคตระยะยาวได้ สิ่งเดียวเท่านั้นสามารถทำให้ธุรกิจฟันฝ่าการต่อสู้ที่โหดร้ายประจำวันเพื่อความอยู่รอด : การผูกขาด เรามีปรากฎการณ์อย่างหนึ่ง
ที่เส้นแบ่งระหว่างบริษัทผูกขาดและบริษัทธรรมดามักจะคลุมเครือ บริษัทที่เต็มไปด้วยการแข่งขันไม่ต้องการที่จะยอมรับว่าพวกเขามีการแข่งขัน และบริษัทผูกขาดต้องการที่จะกล่าวว่าพวกเขาเต็มไปด้วยคู่แข่งขันที่จะหลีกเลี่ยงรัฐบาลควบคุมพวกเขา ถ้าเราอยู่ภายในระยะเริ่มต้นของการสร้างสตาร์ทอัพ เราต้องคิดครั้งที่สองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังนำออกสู่ตลาด และแตกต่างอย่างไรจากอะไรก็ตามบนตลาดในขณะนี้ อย่าพยายามหลอกตัวเอง ถามความคิดเห็นของบุคคลอื่นด้วย จงจำไว้ว่า เป้าหมายของเราคือ การสร้างการผูกขาด ไม่ใช่บริษัทธรรมดา อย่าเป็นผู้ประกอบการปลอมแปลง คำถามบางอย่างที่เราต้องพิจารณาก่อนการสร้างบริษัทคือ เป้าหมายของเราคืออะไร
เราต้องการบรรลุอะไรโดยใช้บริษัทนี้ อีกครั้งหนึ่ง อย่าหลอกตัวเอง การคิดถึงอะไรที่เราต้องการ ถ้าคำตอบของเราว่าเราต้องการเป็นมหาเศรษฐีและสถานภาพทางสังคมที่สูง ไม่มีอะไรไม่ถูกต้องด้วยตัวมันเอง แต่เราควรจะรอนานเล็กน้อยและคิดให้นานขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับความมุ่งหมายของเราก่อนที่เราจะเริ่มต้นบริษัท นี่เป็นเหตุผลที่ไม่ถูกต้องที่จะเริ่มต้นบริษัท ตัวอย่างไม่ดีคือ เป้าหมายของผู้ประกอบการคือ การมีบริษัทของตัวเองที่สามารถทำเงิน และนำเขาไปสูสถานภาพทางสังคมที่สูง บุคคลนี้ไม่ได้มีความคิดที่สามารถแก้ปัญหาที่สำคัญภายในโลก ถ้านี่คือสิ่งที่เรากำลังคิด อย่าเริ่มต้นบริษัท
ดังนั้นการผูกขาดดีต่อบุคคลทุกคนข้างใน แต่บุคคลทุกคนข้างนอกเป็นอย่างไร กำไรที่สูงมาจากการสูญเสียของสังคมใช่ไหม ใช่ กำไรมาจากกระเป๋าของลูกค้า และการผูกขาดสมควรได้รับชื่อเสียงไม่ดี แต่ภายในโลกที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
ภายในโลกที่อยู่นิ่ง ผู้ผูกขาดเป็นเพียงแค่ผู้เก็บค่าเช่า ถ้าเราผูกขาดตลาดเพื่อบางสิ่งบางอย่าง เราสามารถเพิ่มราคาได้ บุคคลอื่นไม่มีทางเลือก แต่ต้องซื้อจากเรา แต่โลกที่เราอยู่เปลี่ยนแปลง เราสามารถคิดค้นสิ่งใหม่และดีกว่า
ผู้ผูกขาดที่สร้างสรรค์ให้ทางเลือกมากขึ้นแก่ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่แก่โลก
ผู้ผูกขาดไม่เพียงแค่ดีต่อสังคม พวกเขาเป็นเครื่องยนต์ที่มีพลังเพื่อที่จะทำให้สังคมดีขึ้น
ภายในหนังสือ Zero to One ของเขา ปีเตอร์ ธีล ได้กำหนดคำถามเจ็ดข้อ
ที่สตารทอัพหรือผู้ผูกขาดที่สร้างสรรค์ต้องตอบเพื่อที่จะบรรลุความสำเร็จ
1 คำถามของวิศวกรรม เราสามาถสร้างเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไม่ใช่การปรับปรุงเพิ่มขึ้นหรือไม่
2 คำถามของระยะเวลา ในขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มต้นธุรกิจบางอย่างของเราหรือไม่
3 คำถามการผูกขาด เรากำลังเริ่มต้นด้วยส่วนแบ่งที่ยิ่งใหญ่ของตลาดที่เล็กหรือไม่
4 คำถามบุคคล เรามีทีมงานที่เหมาะสมหรือไม่
5 คำถามการจัดจำหน่าย เรามีวิถีทางไม่เพียงแค่สร้างแต่จัดส่งผลิตภัณฑ์ของเราหรือไม่
6 คำถามความคงทน ตำแหน่งตลาดของเราป้องกันได้ 10 และ 20 ปีในอนาคตหรือไม่
7 คำถามความลับ เราได้ระบุโอกาสที่ไม่เหมือนใครที่บุคคลอื่นมองไม่เห็นหรือไม่

เพย์พาล มาเฟีย ได้เริ่มต้น ณ เพย์พาล ก่อตั้งโดยแมค ลุก และปีเตอร์ ธีล
เพย์พาล ได้เริ่มต้นที่จะส่งการชำระเงินทางโทรศัพท์จากบุคคลหนึ่งไปบุคคลหนึ่งโดยใช้ปาล์ม ไพลอตส์ และพีดีเออื่น ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นบริษัทได้เสาะหาผ่านทางเครือข่ายของผู้ก่อตั้ง และจากนั้นสร้างบริษัทที่บุคคลทุกคนรู้สึกเชื่อมโยง นั่นหมายความว่าการเสาะหาอย่างหนักจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่อยู่ใกล้ และจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ด้วย ปีเตอร์ ธีล ได้กล่าวว่า ” เราไม่ได้จ้างเพื่อนของเราเท่านั้น แต่เราจ้างบุคคลที่เราคิดว่าเราสามารถกลายเป็นเพื่อนที่ดีอย่างแท้จริงได้ นับตั้งแต่การทำงาน ณ เพย์พาล ภายในต้น ค.ศ 2000 ผู้ประกอบการ 23 คนเหล่านี้ทุกคนได้ออกไปและกระทบต่อซิลิคอน
แวลลี่ย์และโลกของสตาร์ทอัพ ด้วยการสร้างบริษัทและการสนับสนุนธุรกิจใหม่ พวกเขาเป็นที่รู้จักต่อความคิดของการเป็นผู้ประกอบการและทัศนคติต่อต้านระบบ กลุ่มหัวกะทินี้ได้ถูกเรียกกันว่า “เพย์พาล มาเฟีย” และพวกเขา
ทุกคนอยู่ภายในช่วงเวลาระหว่างวันเริ่มแรกของแพลตฟอร์มการชำระเงิน 20 ปีที่แล้ว
อะไรที่ผู้ก่อตั้งยูทูป เยลพ์ เทสลา และลินเคอดิน มีร่วมกัน นอกเหนือจากเป็นบริษัทลบล้างเทคโนโลยีแนวหน้า ผู้ก่อตั้งของพวกเขาทุกคนเคยทำงานอยู่ ณ เพย์พาล
อีรอน มัสก์ ก่อตั้งบริษัทชำระเงินเรียกว่าเอ็กซ์.คอมที่รวมกับคอนฟินิตี้ของโรเบิรต ธีล เมื่อ ค.ศ 2000 เขาได้ถูกเสนอชื่อเป็นซีอีโอของเพย์พาล แต่มันไม่ได้อยู่นาน เขาได้ถูกขับออกจากซีอีโอของเพย์พาลภายในปีเดียวกัน
“เพย์พาล มาเซีย” เป็นกลุ่มของบุคคลของเพย์พาลและผู้ก่อตั้งก่อนหน้านี้
เพย์พาล มาเฟีย ก่อตั้งภายในต้น ค.ศ 2000 นับตั้งแต่ได้ก่อตั้งและพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น เทสลา ลินด์อิน พาลันเทียร์ สเปซเอ็กซ์ ยูทูป และ สมาชิกส่วนใหญ่เข้าเรียนมหาวิมยาลัยสแตนฟอร์ด โดยกำเนิดเพย์พาลเป็นการบริการโอนเงินนำเสนอโดยบริษัทเรียกว่า คอนฟินิตี้ ถูกซื้อโดย เอ็กซ์.คอม เมื่อ 1999 ต่อมาเอ็กซ์.คอม เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเพย์พาลและถูกซื้อโดยอีเบย์เมื่อ 2002 เพย์พาล มาเฟีย เป็นกลุ่มของผู้ชายร่ำรวยที่สุดภายในซิลิคอน แวลลีย์ บริษัทก่อตั้งโดยปีเตอร์ ธีล อีรอน มัสก์ และแมกซ์ เลฟชิน แหล่งกำเนิดมหาเศรษฐีสามคน และเศรษฐีหลายคน
ปีเตอร์ ธีล ได้เขียนว่า ถ้าเราต้องการสร้างและยึดคุณค่าที่ยาวนาน มองที่จะสร้างการผูกขาด การแข่งขันทำเพื่อผู้แพ้ การผูกขาดทำเพื่อผู้ชนะ ปีเตอร์ ธีล กล่าวว่า บริษัทควรจะหลีกเลี่ยงการแข่งขัน ถ้าพวกเขาเลือกที่จะทำกำไรสูงสุด “ภายใต้การแข่งขันสมบูรณ์ ภายในระยะยาว ไม่มีบริษัททำกำไรเศรษฐศาสตร์”
ภายใต้การคิดปรกติของเรา บุคคลที่แพ้การแข่งขันกลายเป็นผู้แพ้ และบุคคลที่ชนะการแข่งขันกลายเป็นผู้ชนะ นี่เป็นตรงกันข้ามต่อสิ่งที่ปีเตอร์ ธีล เชื่อ เขาได้กล่าวว่า
“เมื่อเราแข่งขัน เราดีขึ้นด้วยการโจมตีบุคคลกับสิ่งที่แคบที่เราต้องการโจมตีพวกเขา แต่มันมักจะกลายเป็นราคาที่สูงของการสูญเสียสิ่งที่มีความหมายคุณค่า และสำคัญอย่างแท้จริง”
นี่คือความเชื่อที่ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่บุคคลไม่มากได้คิดถึงมัน เพราะว่าพวกเขาจมอยู่ภายในการแข่งขัน สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถคิดเกี่ยวกับชนะ
คู่แข่งขันพวกเขาอย่างไร ไม่ใช่การค้นหาวิถีทางอีกอย่างหนึ่ง
ปีเตอร์ ธีล ได้สร้างคำแถลงที่โต้เถียงกันว่าทุนนิยมและการแข่งขันตรงกันข้าม นั่นเป็นเพราะว่าทุนนิยมเสร้างกำไร ในขณะที่การแข่งขันกำจัดกำไร การแข่งขันเกี่ยวกับราคาและกำไรที่ต่ำ ตรงกันข้ามการผูกขาดสร้างกำไร และสามารถทำให้ลงทุนภายในอนาคตได้ เพราะว่ากำไรจะชดเชยการลงทุนนั้น
ดังนั้นผู้ประกอบการควรจะมุ่งมั่นต่อการสร้างการผูกขาด คำถามคือ เราสร้างและรักษาการผูกขาดไว้อย่างไร
เราควรจะสร้างการผูกขาดไม่ใช่การแข่งกับธุรกิจอื่น บุคคลส่วนใหญ่มองธุรกิจที่บรรลุความสำเร็จเป็นคู่แข่งขันที่เชือดคอหอย ข้อเท็จจริงคือธุรกิจที่ทำกำไรมากที่สุดหลีกเลี่ยงการแข่งขันมากเท่าที่พวกเขาสามารถ แต่พวกเขาพยายามสร้างการผูกขาด โดยทั่วไปถ้อยคำการผูกขาด
รู้สึกเป็นลบ แต่ปีเตอร์ ธีล ไม่ได้พูดเกี่ยวกับการผูกขาดที่ผิดกฏหมายหรือขาดศีลธรรม เขาหมายถึงบริษัทที่สร้างผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น
เราสร้างการผูกขาดเมื่อเราแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเราทำบางสิ่งบางอย่างที่บริษัทอื่นไม่ได้ทำ หรือเมื่อเราทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีที่ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ การผูกขาดเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจและสังคม การผูกขาดสนับสนุนวัตกรรม ถ้าเรามีการผูกขาด นี่ไม่ได้หมายความว่าการแข่งขันไม่ยุติธรรม เราเพียงแค่ทำบางสิ่งบางอย่างให้ดีมากกว่าบุคคลอื่น ถ้าเราสร้างบางสิ่งบางอย่างใหม่ และบรัษัทอื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับเรา นี่ไม่ได้เป็นสิ่งไม่ดีอย่างแน่แท้
ตัวอย่างเข่น กูเกิ้ล เป็นการผูกขาดภายในอุตสาหกรรมของเสิรชเอนจิน บนอินเตอร์เน็ต นี่อาจจะดูเหมือนไม่ยุติธรรมต่อบริษัทอื่น แต่มันเป็นประโยชน์ต่อบุุคคลทุกคนพอใจการใช้กูเกิ้ล การผูกขาดเป็นประโยชน์ต่อสังคม เมื่อมันได้มีส่วนช่วยต่อความก้าวหน้า มันบันดาลใจผู้ประกอบการอื่นที่จะคิดทดแทนบริษัทดังกล่าวนี้จากตลาดอย่างไร เช่น เพื่อที่จะเเข่งขันภายในตลาดเสริช เอนจิน บริษัทต้องลำหน้ากว่ากูเกิ้ล ถ้าพวกเขาบรรลุความสำเร็จ พวกเขาจะชนะลูกค้า การผูกขาดต้องมีก่อนเพื่อการดำรงอยู่ของธุรกิจที่ทำกำไรสูง มันทำให้เรากำหนดราคาของเราเอง การสร้างการทำกำไรที่สูง ถ้าผลิตภัณฑ์ของเราไม่ดีกว่าคู่แข่งขัน เราต้องลดราคาหมายถึงการลดกำไร
ปีเตอร์ ธีล กล่าวว่าการผูกขาดหมายความเพียงแค่บริษัทหนึ่งกำลังทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีมากกว่าใครก็ตาม นั่นเพียงแค่ไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้ นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างแท้จริงต่อบุคคลทุกคน เราชอบที่จะใช้กู้เกิล เพราะว่าเรารู้มันเป็นเสิรช เอนจินที่ดีที่สุดผิดธรรมดา กู้เกิลชอบกำหนดราคาของพวกเขาเอง
และเก็บเกี่ยว 25% ของรายได้ของพวกเขาเป็นกำไร ดังนั้นมันสามารถทำให้บริการของพวกเขาดีขึ้น
แต่การสร้างการผูกขาดแน่นอนไม่ได้เกิดขึ้นทันที ปีเตอร์ ธีลและทีมเพย์พาล 50 คน ใช้เวลาหลายปีทำให้มันเป็นกระบวนการชำระเงินหมายเลขหนึ่งใช้โดยลูกค้าของอีเบย์ ดังนั้นพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์ตำแหน่งการผูกขาดของพวกเขาไปสู่การขายบริษัท พวกเขาไ้ด้พบแรงจูงใจที่จะยึดกับมันตรงไหน ถ้อยคำเดียว วิสัยทัศน์

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *