การลากเส้นบนพื้นทราย

การลากเส้นบนพื้นทราย
เจสัน ฟรายด์ และเดวิด แฮนส์สัน เป็นผู้เขียนร่วม “Rework” และผู้ก่อตั้งของบริษัทซอฟท์แวร์ 37 ซิกแนลส์ ผลิตผลิตภัณฑ์เหมือนเช่น เบสเเคมป์ แบคเเพค และเเคมป์ไฟร์ พวกมี 10 ปีของการทำกำไรอย่างยั่งยืน และสร้างลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก ด้วยบุคคล 16 คนเท่านั้นภายในแปดเมืองบนสองทวีป”Rework” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 2010 และพิมพ์เป็นฉบับที่ห้าแล้ว มันเป็นการรวบรวมกลยุทธ์ ทัศนคติ และวิถีทางทำงานของเจสัน ฟรายด์ และเดวิด แฮนส์สัน การกำหนดใหม่กฎของความเป็นจริงทางธุรกิจศตวรรษที่ 21 เพื่อความสำเร็จ พลังของหนังสือของพวกเขาคือ มันสวนทางต่อโมเดลธุรกิจ วิถีทาง และการสอนส่วนใหญ่มันเน้นย้ำว่าความคาดหวังสมัยเดิมอะไรใช้ไม่ได้อีกเเล้ว และทำให้คุณซ้ำซากอย่างรวดเร็ว สไตล์ของพวกเขาผิดธรรมดา และความสำเร็จของธุรกิจของพวกเขาบรรลุโดยการพลิกกลับโมเดลธุรกิจสมัยเดิมบนหัวของพวกเขา และเลือกตรงกันข้ามของอะไรที่คาดหวังจุดสำคัญอย่างหนึ่งของหนังสือเล่มนี้คือ ความคิดของความเรียบง่ายพวกเขายืนยันว่าความซับซ้อนมักจะเป็นภาระและขัดขวางประสิทธิภาพและความก้าวหน้าช้าลง พวกเขาสนับสนุนต่อการทำให้กระบวนการเรียบง่าย การกำจัดงานที่ไม่จำเป็น และการรับเอาข้อจำกัดเป็นโอกาส เพื่อนวัตกรรม การปฏิบัติทางธุรกิจมาตรฐานหลายอย่างต่อต้านและสามารถขัดขวางความสำเร็จ พวกเขาได้เสนอวิถีทางการทำงานเรียบง่ายมากขึ้นการมุ่งเน้นความเรียบง่าย จุดม่ง และประสิทธิภาพ เจสัน ฟรายด์ และเดวิด แฮนส์สัน ได้กล่าวถึงความสำคัญของการกระทำ และการทำงานให้สำเร็จ แทนการติดหล่มกับการวางแผนและการประชุม เขายืนยันว่าธุรกิจจำนวนมากสูญเสียเวลาและพลังงานต่่อการประชุมและการวางแผนที่ไม่จำเป็น และมันเป็นความอคติต่อการกระทำและการทดลองที่สำคัญต่อความสำเร็จพวกเขาได้กล่าวถึงมุมมองของการเจริญเติบโตและการขยายขนาดด้วยการท้าทายแนวคิดสมัยเดิมที่ธุรกิจต้องพยายามเพื่อการเจริญเติบโตที่สูงอยู่เสมอ เจสัน ฟรายด์ ยืนยันว่าการเจริญเติบโต เพื่อเห็นแก่การเจริญเติบโตสามารถนำไปสู่ความไม่มีประสิทธิภาพ การสูญเสียจุดมุ่ง และการเจือจางของค่านิยม พวกเขาเสนอแนะวิถีทางที่มั่นคงมากขึ้น การมุ่งที่การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและทำกำไรสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ และค่านิยมของผู้ก่อตั้งตลอดหนังสือ ผู้เขียนได้สนับสนุนต่อความสมดุลงาน-ชีวิตอย่างมีสุขภาพและท้าทายแนวคิดชั่วโมงยาวนานและการเร่งรีบอย่างสม่ำเสมอจำเป็นต่อความสำเร็จ พวกเขามุ่งเน้นความสำคัญของการพักผ่อน ความสดชื่น และการกำหนดพรมแดน พวกเขายืนยันว่าประสิทธิภาพไม่ได้ถูกวัดโดยจำนวนชั่วโมงทำงาน แตโดยค่านิยมที่สร้างและผลกระทบที่บรรลุ “Rework” ได้นำเสนอคำแนะนำที่ผิดธรรมดาของหัวข้อเหมือนเช่น การว่าจ้่าง การประชุม และการตลาดด้วย ผู้เขียนได้เสนอแนะว่าการว่าจ้างเพื่อทัศนคติและความลุ่มหลง ไม่ใช่ทักษะและประสบการณ์เท่านั้น พวกเขาได้เสนอแนะว่าการประชุมควรจะรักษาให้น้อยที่สุด เกี่ยวพันกับผู้มีส่วนร่วมที่จำเป็นเท่านั้น และมุ่งที่เป้าหมายเฉพาะ ในแง่ของการตลาด เจสัน ฟรายด์ สนับสนุนต่อการสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่ง และขึ้นอยู่กับคำพูดปากต่อปาก ไม่ใช่การโฆษณาสมัยเดิมพวกเขาเป็นผู้สนับสนุนที่มีชื่อเสียงของปรัชญา “น้อยคือมาก” ทรัพย์สินที่สำคัญอย่างหนึ่งของบริษัทคือ ความสามารถของพวกเขาทำให้สำเร็จมากขึ้นด้วยทรัพยากรน้อยลง ด้วยการมุ่งอะไรที่สำคัญอย่างแท้จริง และกำจัดอะไรที่ไม่สำคัญ ธุรกิจสามารถก้าวไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น และปรับตัวได้ง่ายมากขึ้น พวกเขากระตุ้นเราใช้วิถีทางมินิมอลลิสต์ต่อปัญหาธุรกิจ เราควรจะไม่พยายามแก้ปัญหาทั้งหมดทันที การทำอะไรที่เรียบง่าย การทำอะไรที่น้อยลง หรือการทำอะไรที่สำคัญ นำไปสู่ประโยชน์สูงสุด ร่วมความเข้าใจและประสบการณ์ การสนับสนุนมินิมอลลิสซึมภายในทุกด้านของธุรกิจ กระตุ้นผู้อ่านทคิดใหม่ที่พวกเขาใช้วิถีทางทำงานอย่างไร เเละการรับเอาความเรียบง่ายและประสิทธิภาพ ธุรกิจควรจะมุ่งการทำอะไรไม่กี่อย่างให้ดี ไม่ใช่พยายามทุกสิ่งทุกอย่าง การทำงานหลายอย่างจะกินคุณทั้งเป็น ถ้าคุณทำงานหลายอย่างในขณะเดียวกัน คุณจะไม่สามารถทำแม้แต่งานอย่างเดียวด้วยพลัง 100%
เจสัน ฟรายด์ ได้มุ่งเน้นความสำคัญของการอยู่อย่างเล็กและคล่องตัว และหลีกเลี่ยงความซับซ้อนและระบบราชการที่ไม่จำเป็นหลักการพาเรโต – น้อยคือมาก รู้จักกันเป็นกฏ 80-20 ด้วย กล่าวว่า ต่อเหตุการณ์หลายอย่าง ประมาณ 80% ของผลกระทบมาจาก 20% ของสาเหตุ หรือ 20% ของการกระทำสร้าง 80% ของผลลัพธ์มันเป็นหลักการที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง เพื่อการค้นหาอะไรสำคัญที่สุดที่คุณควรจะมุ่ง การระบุ 20 % ของความพยายามของคุณที่มีผลกระทบยิ่งใหญเป็นขั้นตอนพื้นฐานต่อการบรรลุประสิทธิภาพสูงสุดของบุคคลหลักการพาเรโตได้ถูกใช้ครั้งแรกภายในเศรษฐศาสตร์มหภาค อธิบายการกระจายความมั่งคั่งภายในอิตาลีเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 มันได้ถูกแนะนำเมื่อ ค.ศ 1906 โดยนักเศรษฐศาสตร์อิตาลี วิลเฟรโด พาเรโต เขาได้ถูกรู้จักกันดีที่สุดต่อแนวคิดของ ประสิทธิภาพพาเรโต และเขาได้ขยายหลักการนี้ไปสู่เศรษฐศาสตร์มหภาค ด้วยการแสดง 80% ของความมั่งคั่งภายในอิตาลีเป็นเจ้าของโดย 20% ของพลเมืองหลักการและเรียกชื่อมันตามนักเศรษฐศาสตร์อิตาลี วิลเฟรโด พาเรโต สังเกตุว่าเมื่อ ค.ศ 1960 80% ของที่ดินภายในอิตาลีได้ถูกเป็นเจ้าของโดย 20% ของพลเมืองเมื่อปลาย ค.ศ 1940 โจเซฟ จูราน ได้อธิบายอะไรที่เขาเรียกว่าหลักการส่วนน้อยที่สำคัญ และส่วนมากที่สำคัญน้อย อ้างอิงแนวความคิดต่อการค้นพบของพาเรโต โจเซฟ จูราน ได้สร้างถ้อยคำใหม่หลักการพาเรโตเป็นกฏ 80-20 กฏ 80-20 หมายความว่าอะไรก็ตามส่วนน้อย – 20% สำคัญและส่วนมาก – 80% ไม่สำคัญ ภายในผลงานเริ่มแรกของโจเซฟ จูรานเขาได้ระบุ 20% ของข้อบกพร่องทำให้เกิด 80% ของปัญหา ร้อยละส่วนน้อยของสาเหตุสามารถนำไปสู่ร้อยละที่สูงของปัญหาดังนั้นหลักการพาเรโต ได้กลายเป็นชื่อของหลักการโดยทั่วไปสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง โจเซฟ จูรานได้ประยุกต์ใช้กฏ 80-20 ต่อการควบคุมคุณภาพภายในการผลิต เขาได้แสดงว่า 80% ของผลิตภัณฑ์บกพร่องเกิดจาก 20% ของปัญหาของวิธีการผลิต ด้วยการมุ่งและการลด 20% ของปัญหาการผลิต ธุรกิจสามารถเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ โจเซฟ จูราน อ้างถึงปรากฏการณ์นี้เป็น ส่วนน้อยที่สำคัญ และส่วนมากที่ไม่สำคัญถ้อยคำ “น้อยคือมาก” เป็นสำนวนของลุกวิด มีส ฟาน เดอร์ โรห บุคคลที่สนับสนุนมินิมอลลิซซึมภายในสถาปัตยกรรม เขาเป็นสถาปนิคที่มีอิทธิพลคนหนึ่งของศตวรรษ
ที่ 20 ของการพัฒนาสไตล์สถาปัตยกรรมยั่งยืนมากที่สุดของยุคสมัยใหม่นิยม มีส ทำงานเคียงข้างกับบุคคลที่มีอิทธืพลอื่นสองคนของสมัยใหม่นิยม วอลเตอร์ โกรเบียส และเลอ กอร์บูซีเยร์ สไตล์มินิมอลลิสท์ของมีส ได้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมาก สำนวนที่มีชื่อเสียงของเขา น้อยคือมาก ยังคงถูกใช้อย่างกว้างขวาง แม้แต่บุคคลที่ไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน
เมื่อ ค.ศ 1947 ภายหลังเบาฮาวส์ ได้ย้ายไปสู่อเมริกา และกลายเป็นที่รู้จักกันเป็นสไตล์ระหว่างประเทศ ถ้อยคำเบาฮาวส์หมายความตามตัวอักษร”สร้างบ้าน” และอ้างถึงเริ่มแรกต่อโรงเรียนศิลปะเยอรมัน เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ 1919 นำโดยสถาปนิค วอลเตอร์ โกรเบียส มันสำคัญที่จะมองว่าเบาฮาวส์ตั้งแต่การเริ่มต้นไม่ได้เป็นสไตล์สถาปัตยกรรม แต่เป็นโรงเรียนรวมกันช่างฝีมือและศิลปะได้รับอิทธิพลจากสมัยนิยม มีสได้สรุปปรัชญา
มินิมอลลิสต์ของมันภายในถ้อยคำเครื่องหมายการค้า น้อยคือมาก น้อยคือมาก อ้างอิงการลดลงของรูปแบบต่อองค์ประกอบน้อยที่สุดของไร้สิ่งตกแต่งมีส ได้วิวัฒนาการระบุการออกแบบและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ด้วยแนวโน้มที่กล้าหาญและยูโทเปีย มันได้รวมเอาเเนวคิดของความเรียบง่ายด้วยผลลัพธ์ที่ชัดเจนเป็นจุดสำคัญของการออกแบบที่ดี ลุกวิด มีส ฟาน เดอร์ โรห์ ได้ทำให้ความคิดของสถาปัตกรรมสมัยใหม่นิยมแพร่หลายภายในศตวรรษที่ 20 เขาได้ค้นพบความชื่นชอบของเขาของสำนวน น้อยคือมาก และพระเจ้าอยู่ในรายละเอียด สะท้อนภายในการออกแบบของเขาแนวโน้มของมินิมอลลิสต์ ย้ำความสำคัญของน้อยคือมาก ผู้ประกอบการที่เดินตามแนวโน้มนี้เปลื้องผ้าธุรกิจของพวกเขาไปสู่อะไรจำเป็นที่สุด ด้วยการยกเลิกงานที่ไม่สำคัญสิ้นเปลืองเวลา ความผิดพลาดโดยทั่วไปของผู้ประกอบการหลายคนคือ การสร้างแผนธุรกิจที่ซับซ้อนเกินไป ด้วยการรับเอาวิถีทางมินิมอลลิสต์ พวกเขาได้พยายามบรรลุเป้าหมายด้วยการมุ่งงานที่น้อยลง

เจสัน ฟรายด์ ได้กล่าวถึง การลากเส้นบนพื้นทราย ภานในหนังสือของเขา “Rework” เมื่อไรก็ตามที่คุณเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจ มันสำคัญที่จะรู้ว่าทำไมคุณกำลังทำ คุณกำลังทำอะไร การมีความคิดเห็นที่เข้มแข็ง การยืนหยัดต่อบางสิ่งบางอย่าง สามารถช่วยเหลือได้อย่างมากเมื่อมันมาสู่การตัดสินใจที่สำคัญและสร้างแฟนพันธุ์แท้เมื่อคุณก้าวต่อไป จำไว้ว่า “ทำไม” คุณกำลังทำอะไรที่คุณกำลังทำอยู่อย่าลืมทำไมของคุณ ร่วมการยืนหยัดของคุณอย่างเปิดเผยที่จะดึงดูดบุคคลที่เหมาะสม และการเลือกอย่างถูกต้องเมื่อธุรกิจให้ผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นเพราะว่าพวกเขามีมุมมอง การรู้อะไรที่คุณกำลังต่อสู้เพื่อ และเเสดงต่อโลก ตามที่ไซมอน ไซเนค ได้กล่าวว่า การค้นหา “ทำไม” ของคุณ เป็นการก้าวไปของธุรกิจหมายเลขหนึ่ง บุคคลไม่ไดซื้ออะไรที่เราขาย พวกเขาซื้อทำไมเราขายมัน ทำไม ของธุรกิจ – ความมุ่งหมายของมัน เป็นอะไรที่แยกมันออกมา และได้ขับเคลื่อนความสำเร็จระยะยาว ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มีมุมมอง ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์หรือบริการ คุณต้องเชื่อภายในบางสิ่งบางอย่าง คุณต้องมีกระดูกสันหลัง คุณต้องรู้อะไรที่คุณเต็มใจที่จะต่อสู้ และคุณต้องแสดงต่อโลก ถ้าคุณไม่เชื่อมั่นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นการโต้แย้งและการลบทิ้ง อย่าลืม ทำไม ของคุณการยืนหยัดของคุณอย่างเปิดเผยที่จะดึงดูดบุคคลที่เหมาะสม และการเลือกที่ถูกต้องเมื่อผู้นำที่ลากส้นบนพื้นทราย เขากำลังพูดว่า มันเป็นอะไรที่ผมเชื่อ มันเป็นอะไรที่ผมจะยอมรับ มันเป็นอะไรที่เราจะไปไกลแค่ไหน การยืนหยัดที่เข้มเเข็งคือคุณจะดึงดูดแฟนพันธฺ์แท้อย่างไร พวกเขาชี้มาที่คุณและป้องกันคุณ และพวกเขาแพร่กระจายคำพูดไปไกลขึ้น กว้างขึ้น และลุ่มหลงมากกว่าการโมษณาใดก็ตามสามารถทำได้ความคิดที่เข้มแข็งไม่ใช่ได้เปล่า คุณจะทำให้บุคคลบางคนไม่พอใจ พวกเขากล่าวหาคุณของการหยิ่งยะโสและ เเต่มันเป็นชีวิตต่อบุคคลทุกคนที่รักคุณ เรามีบุคคลอื่นที่เกียจคุณ ถ้าไม่มีใครอารมณเสียด้วยอะไรที่คุณพูด คุณน่าจะไม่ผลักดันหนักเพียงพอ และคุณอาจจะน่าเบื่อด้วยบุคคลหลายคนไม่ชอบ เพราะว่าผลิตภัณฑ์ของเราทำอะไรได้น้อยกว่าคู่แข่งขัน พวกเขาดูถูกเมื่อเราไม่ยอมรวมคุณลักษณะที่สนใจของพวกเขา แต่เราเพียงแค่ภูมิใจของอะไรที่ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ทำเหมือนที่พวกเขาทำการออกแบบเราออกแบบมันให้เรียบง่าย เพราะว่าเราเชื่อว่าซอฟท์แวร์ส่วนใหญ่ซับซ้อนเกินไป คุณลักษณะมากเกินไป ปุ่มหลายปุ่มเกินไป ความสับสนมากเกินไป ดังนั้นเราได้สร้่างซอฟทฺแวร์ที่ตรงข้าม ถ้าอะไรที่สร้างไม่เหมาะสมกับบุคคลทุกคน นั่นคือโอเค เราเต็มใจที่จะสูญเสียลูกค้าบางคน ถ้ามันหมายความว่าบุคคลอื่นรักผลิตภัณฑ์ของเราอย่่างเข้มข้น นั่นคือเส้นของเราบนพื้นทราย เมื่อคุณไม่รู้อะไรที่คุณเชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นการโต้แย้ง เเต่เมื่อคุณยืนหยัดต่อบางสิ่งบางอย่าง การตัดสินใจเข้าใจได้ง่ายตัวอย่างเช่น โฮล ฟูดส์ ยืนหยัดต่อการขายผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและออร์แกนิคคุณภาพสูงสุด พวกเขาไม่เสียเวลาตัดสินใจครั้งแล้วครั้งเล่าอะไรที่เหมาะสม ไม่มีใครถาม เราควรจะขายผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติเทียมหรือไม่ เราไม่มีการถกเถียงกันเลย คำตอบชัดเจน นั่นคือทำไมคุณไม่สามารถซื้อโค้กหรือซนิคเกอร์ที่นี่ความเชื่อนี้หมายความว่าอาหารเเพงมากขึ้น ณ โฮล ฟูดส์ ผู้ไม่ชอบบางคนแม้แต่เรียกชื่อเล่นมันเป็น โฮล เพลย์เชค โฮล ฟูดส์ มีชื่อเสียงเป็นร้านของชำราคาแพงจนซื้อไม่ไหวต่อบุคคลหลายคน แต่เมื่อเวลาเเละโมเดลธุรกิจของซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้เปลี่ยนแปลง เรามีแม้แต่การโต้แย้งว่าคุณสามารถประหยัดเงินด้วยการซื้อ ณ โฮล ฟูดส์ ความมุ่งหมายของเราคือ การหล่อเลี้ยงบุคคลและโลก เราเป็นบริษัทขับเคลื่อนด้วยความมุ่งหมาย มุ่งหมายที่จะกำหนดมาตรฐานของความเป็นเลิศเพื่อผู้ค้าปลีกอาหาร คุณภาพเป็นสภาวะจิตใจ ณ โฮล ฟูดส์คุณรู้สึกคล้ายกับคุณป้องกันอยู่เสมอ พยายามปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณที่จะล้มคู่แข่งขันหรือไม่ ไม่ใช่่เลย วิถีทางตรงกันข้าม ไม่ใช่การเพิ่มคุณลักษณะต่อผลิตภัณฑ์ของคุณ พยายามเอาออกคุณลักษณะ การทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเรียบง่ายเป็นการก้าวไปอย่างถูกต้อง เรามีส่วนแบ่งตลาดอย่างมากมายต่อผลิตภัณฑ์เรียบง่ายและพื้นฐาน และคุณสามารถพูดอวดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงได้ว่านวัตกรรมของคุณทำน้อยเจสัน ฟรายด์ ได้ให้ตัวอย่างของร้านแซนวิชใกล้เขา ผมได้ค้นพบวินนี่ ซับ ช้อป พวกเขาได้ใส่โหระพาทำที่บ้านกับซับ ผมมาที่นี่เพื่ออาหารเที่ยงประมาณบ่ายสองโมงสื่ิสิบห้านาที ผมมองไม่เห็นชั่่วโมงติดประกาศไว้ดังนั้นผมได้ถามผู้หญิงข้างหลังคาวน์เตอร์ พวกเขาปิดเมื่อไร เธอกล่าวว่าเมี่อเราหมดเกลี้ยงขนมปัง เราได้ขนมปังจากร้านขนมปังอยู่ใกล้ตอนเช้าเมื่อมันสดที่สุด เมื่อเราหมดเกลี้ยงโดยปรกติบ่ายสองหรือสามโมง แล้วเราได้ปิดร้าน เราสามารถได้ขนมปังเพิ่มขึ้นต่อมาภายในวันนี้ แต่มันไม่ดีเท่ากับขนมปังที่อบสดภายในตอนเข้า เราไม่มีเหตุผลเลยต่อการขายเเซนวิชมากขึ้นไม่กี่ชิ้นถ้าขนมปังไม่สด เงินไม่กี่ดอลลาร์ที่ได้จากการขายอาหารที่เราไม่สามารถภูมิใจวินนี่ส์ ซับ ช้อป เป็นร้านแซนวิสขนาดเล็กอยู่ภายในชิคาโก อเมริกาพวกเขาได้ดำเนินงานมาหลายปีเเล้วภายในตลาดที่แข่งขันสูงแต่พวกเขายังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการแข่งขันรุนเเรงมาก วินนีส์ ได้บริหารที่จะสร้าวตัวมันเองเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อแซนวิชที่อร่อย พวกเขาทำมันอย่างไร วินนีส์ นำเสออเเซนวิชประเภทเดียว : คลาสสิค ซับ เเซนวิช วินนี่ส์มุ่งที่การทำสิ่งเดียวและทำมันให้ดี พวกเขาใช้ส่วนผสมคุณภาพสูง และแซนวิสของพวกเขามีรสชาติเฉพาะทำให้มันแยกออกมาจากการแข่งขัน พวกเขาทำเเซนวิชด้วยขนมปังสดเท่านั้น และถ้ามันหมดเกลี้ยงไป พวกเขาสามารถเพิ่มขนมปังมากขึ้น แต่ขนมปังไม่สดแล้ว และพวกเขามั่นคงกับเส้นของพวกเขาบนพื้นทราย ความสดกำหนดเมื่อไรพวกเขาปิดประตู ไม่ใช่ป้ายพลาสติคด้วยตัวเลขบนมันคุณสามารถจินตนาการเดินเข้าไปแมคโดนัลด์ และได้ยินสโลแกน เราเชื่อภายในอาหารสด มันยากที่จะคิดเช่นนั้น บุคคลทุกคนรู้เบอร์เกอร์บางครั้งนั่งอยู่ที่นี่หลายชั่วโมง ถ้าคุณเชื่ออย่างแท้จริงภายในอาหารสด เช่น วินนี ซับ ช้อป คุณน่าจะทำอะไรที่พวกเขาทำและปิดร้านภายในตอนบ่าย เพราะว่าแป้งเพียงแค่ไม่สดเหมือนมันสดตอนเช้าเราได้กล่าวถึงความสำคัญอย่างไรที่จะยืนหยัดเพื่อบางสิ่งบางอย่างและคุณคิดถึงการเขียนค่านิยมของคุณเป็นคำแถลงภารกิจ การมองว่ามันเป็นวิถีทางที่ยิ่งใหญ่ทำให้บุคคลรู้อย่างแน่นอนอะไรที่คุณยืนหยัดคุณผิดแล้ว คำแถลงภารกิจไร้สาระ น่าเบื่อ ซ้ำซากเกือบอยู่เสมอ แลจบลงด้วยไม่พูดรู้อยู่แก่ใจ ยิ่งเลวร้ายมันมักจะทำให้บุคคลหันหลังให้ ถ้อยคำที่ว่างเปล่าไม่มีคุณค่าอะไรเลย การกระทำและเป้าหมายของคุณต้องสอดคล้องกับคำแถลงภารกิจอยู่เสมอ การยืนหยัดเพื่อบางสิ่งบางอย่างไม่ใช่เพียงแค่เขียนมันลงไป มันเกี่ยวกับความเชื่อภายในมันและมีชีวิตอยู่กับมันภายในโลกของการแข่งขันนี้ บริษัทส่วนใหญ่มีคำแถลงภารกิจสัญญาให้บริการลูกค้าดีที่สุด แต่พวกเขายืนหยัดอย่างแท้จริงกับมันหรือไม่ ถ้าคุณมีบริษัท คุณสร้างจากไม่มีอะไรเลย มั่นใจว่าลูกค้าของคุณรู้ว่าคุณจะทำตามที่คุณสัญญา มันไม่มีเหตุผลที่จะแขวนป้ายสัญญาโลกแก่ลูกค้า เพราะว่าลูกค้าชอบการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คำพูดคุณไม่ควรจะคิดค้นภารกิจบริการลูกค้าที่ยิ่งใหญ่ ถ้าคุณไม่สามารถทำมันหรือมีชีวิตอยู่กับมันได้ บางบริษัทมักจะเขียนภารกิจของพวกเขาเพื่อการสื่อสารแก่บุคคลของพวกเขา ความเป็นจริงดูแล้วแตกต่างกันเลยคำพูดบนกระดาษไม่ได้เชื่อมโยงอย่างแท้จริงจากความเป็นจริง อย่าเขียนลงไป เชื่อมันและมีชีวิตกับมัน มันอยู่ภายในมือของคุณเรามีโลกของความแตกต่างระหว่างการยืนหยัดอย่างแท้จริงต่อบางสิ่งบางอย่าง และการมีคำแถลงภารกิจที่กล่าวว่าคุณควรจะยืนหยัดเพื่อบางสิ่งบางอย่าง ด้วยการมีป้าย “การให้บริการดีที่สุด” สร้างเพียงแค่ติดบนกำเเพง ป้ายเหล่านี้ เสแสร้งและไม่เชื่อมโยงความเป็นจริงจงจินตนาการคุณยืนอยู่ภายในสำนักงานเช่ารถยนต์ ห้องอากาศเย็น พรมสกปรก คาวเตอร์ไม่มีใครเลย และคุณได้มองเห็นกระดาษเก่าด้วยมันเป็นคำแถลงภารกิจ : ภารกิจของเราคือ บริการเช่ารถยนตร์และรถบรรทุกการค้า การขายรถยนต์ และความต้องการที่เกี่ยวข้องอย่างอื่นของลูกค้าของเราเพื่อการทำสิ่งเหล่านี้ เราได้เลยพ้นความคาดหวังของพวกเขาต่อบริการ คุณภาพ และคุณค่า เราจะพยายามได้ความจงรักภักดีระยะยาวของลูกค้าของเรา ด้วยการทำงานที่จะให้มากกว่าสัญญา ความซื่อสัตย์และความยุติธรรม เพื่อบริการส่วนบุคคลที่ยอดเยี่ยม การสร้างประสบการณ์ธุรกิจที่พอใจ เราต้องจูงใจบุคคลของเราให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าของเรา ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาของพวกเขาการให้โอกาสเพื่อการเจริญเติบโตส่วนบุคคล และการให้ค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่ความสำเร็จของพวกเขามันได้ร่ายยาวไปเรื่อย และคุณกำลังนั่งที่นี่อ่านข้อความที่ไร้สาระเหล่านี้ และคิดว่าพวกเขามองเราว่าโง่หรือไง ถ้อยคำบนกระดาษไม่ได้ สอดคล้องอย่างชัดเจนกับความเป็นจริงของประสบการณ์เลย

โฮล ฟูดส์ มาร์เก็ต ลูกโช่ของซุปเปอร์มาร์เก็ตอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดเชี่ยวชาญภายในอาหารธรรมชาติและออร์แกนิค บริษัทมีร้านค้าภายในอเมริกาและภายในคานาดาและอังกฤษด้วย สำนักงานใหญ่ของบริษัท อยู่ภายในออสติน เท็กซัส ร้านโฮล ฟูดส์ แห่งแรกได้เปิดประตูของพวกเขาภายในออสตินเมื่อ ค.ศ 1980 จอห์น แมคคีย์ และเรนี ลอสัน เจ้าของเร้านอาหารสุขภาพซฟเฟอเวย์ ร่วมพลังกับเครก เวลเล่อ และมาร์ค สกีเลส เจ้าของคลาร์ควิลล์ แนชูรัล กรอเซอรี่ จอห์น แมคคีย์ ได้นำโฮล ฟูดส์ ไปสู่บริษัทฟอร์จูน 500 13 พันล้านเหรียญ ด้วยร้านค้ามากกว่า 370 แห่ง และสมาชิกของทีม 80,000 คนภายในสามประเทศ บริษัทได้ถูกเรียกชื่อโดยวารสารฟอร์จูนว่าเป็น “บริษัทที่ดีที่สุดเพื่อการทำงาน” 16 ปีติดต่อกัน และบริษัทร้านอาหารและยาที่ชื่นชอบมากที่สุดลำดับหนึ่งของโลก เมื่อ ค.ศ 2012 ในขณะที่ทุ่มเทอาชีพของเขาช่วยเหลือลูกค้าตอบสนองความต้องการวิถีชีวิตของพวกเขาด้วยอาหารธรรมชาติและออร์แกนิคคุณภาพจอหน์ แมคคีย์ ได้มุ่งที่การสร้างวิถีทางจิตสำนึกมากขึ้นของการทำธุรกิจด้วย เขาจะมีวิสัยทัศน์เพื่อโฮล แพลเน็ต ฟาวเดชั่น ช่วยเหลือความยากจนภายในประเทศที่กำลังพัฒนา การให้เงินกู้แก่ผู้ผลิตอาหารท้องที่ขยายธุรกิจของพวกเขา

การลากเส้นบนพื้นทราย หมายถึงการกำหนดพรมแดนหรือขีดจำกัดเลยพ้นไป บุคคลจะไม่ไป และได้ถูกยืนยันจาก ค.ศ 1950 เรามีความพยายามทางประวัติของถ้อยคำที่จะกำหนดความหมายแท้จริงต่อการลากเส้นบนผพื้นทรายด้วยดาบภายในยุคโบราณ ตัวอย่างเช่น ชาวสปาร์ต้าขีดเส้นบนพื้นทรายเเสดงไม่มีการถอย เรามีเรื่องราวของนายพลโรมันขีดเส้นบนพื้นทรายด้วยดาบของเขา และท้าศัตรูที่จะข้ามมัน และเริ่มต้นสงคราม ภายในอเมริกาแล้ว ถ้อยคำนี้ได้ถูกเชื่อมโยงมากที่สุดกับประวัติของเท็กซัส รายรอบด้วยการสู้รบแห่งอลาโม การสู้รบแห่งอลาโมเป็นการต่อสู้ระหว่างสาธารณรัฐเท็กซัสและเม็กซิโกเมื่อ ค.ศ 1936 มันได้เกิดขึ้น ณ ป้อมภายในแซน แอนโทนีโอ เท็กซัส เรียกกันว่าอลาโม ชาวเม็กซิกันชนะการสู้รบ การฆ่าทหารเท็กซัสทุกคนภายในป้อม เมื่อ ค.ศ1700 อลาโมได้ถูกสร้างเป็นบ้านแก่คณะผู้เผยแพร่ศาสนาสเปน ตลอดเวลามันได้กลายเป็นป้อมแก่ทหารสเปนเรียกว่า อลาโม เมื่อ ค.ศ 1820ผู้ตั้งรกรากอเมริกันได้มาที่ซาน แอนโตนีโอ และเริ่มต้นตั้งรกรากภายในพื้นที่ เมื่อ ค.ศ 1821 เม็กซิโกได้ชนะการปลดปล่อยจากสเปน ณ เวลานั้นเท็กซัสเป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโก และเม็กซิโกมีรัฐบาลคล้ายกับอเมริกา ชาวอเมริกันจำนวนมากได้ย้ายมาเท็กซัส และกลายเป็นพลเมืองเม็กซิกัน ต่อมานายพลเม็กซิกันที่มีอำนาจชื่อ ซานตา แอนนา ได้ควบคุมรัฐบาล ชาวเท็กซัสในขณะนั้นไม่ชอบผู้ปกครองคนใหม่ พวกเขาได้ขบถและประกาศเอกราช นายพลซานตา แอนนาได้ยกกองทัพมาสู่เท็กซัส และ ยึดมันคืนกองกำลังเม็กซิกันนำโดยนายพลซานตา แอนนา เขานำกองกำลังใหญ่ประมาณ 1,800 คน ชาวเท็กซัสนำโดยคนชายแดน จิม โบวี และพันเอกวิลเลียม ทราวิส พวกเขามีชาวเท็กซัสประมาณ 200 คนป้องกันอลาโมรวมทั้งวีรบุรุษชาวบ้านที่มีชื่อเสียง เดวี ครอคเก็ตต์ ด้วย นายพลซานตา แอนนา และกองกำลังของเขาได้มาถึงเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ 1836 พวกเขาได้ล้อมป้อม 13 วัน และเปิดการโจมป้อมอย่างรุนเเรงผู้ป้องกัน 200 คนของอลาโม นำโดยวิลเลียม ทราวิส เจมส์ โบวี่ และเดวี ครอคเก็ตต์ยืนหยัดได้ 13 วัน ก่อนที่กองกำลังเม็กซิกันในที่สุดชนะพวกเขาทหารอาสาสมัครชาวเท็กซัสได้รับมือป้องกันการโจมตีไม่กี่ครั้งแรก แต่เนื่องจากทหารเม็กซิกันจำนวนมากเหลือเกิน พวกเขาได้ปีนกำแพง และเข้าไปข้างในป้อม การต่อสู้รุนแรงมาก แต่ในที่สุดทหารเม็กซิกันชนะการสู้รบ พวกเขาฆ่าชาวเท็กซัสทุกคนภายในป้อมแม้ว่าชาวเท็กซัสแพ้การสู้รบ มันได้กระตุ้นชาวเท็กซัสที่เหลืออยู่ต่อต้านเม็กซิโกและนายพลซานตา แอนนา ไม่กี่เดือนต่อมานายพลแซม ฮิวสตัน ได้นำชาวเท็กซัสชนะนายพลซานตา แอนนา ชาวเท็กซัสได้รวมกันพูดให้กำลังใจ “จดจำอลาโม” ระหว่างการสู้รบของพวกเขาต่อชาวเท็กซีสแล้ว การสู้รบแห่งอลาโม กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านอย่างวีรบุรุษ และคำพูดให้กำลังใจภายในการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อเอกราช และเมื่อ ค.ศ 1836 นายพลแซม ฮิวสตัน และชาวเท็กซัส 800 คนได้ชนะกองกำลังเม็กซิกัน 1,500 คนของนายพลซานตา แอนนา ณ ซาน จาซินโต ร้องตะโกน จดจำอลาโม เมื่อพวกเขาได้โจมตี ชัยชนะได้ยืนยันความสำเร็จเอกราชของเท็กซัส นายพลซานตา แอนนา ได้ถูกจับเป็นนักโทษ ด้วยเงื่อนไขกับนายพลแซม ฮิวสตัน สิ้นสุดสงครามการลากเส้นบนพื้นทรายได้ถูกยอมรับโดยทั่วไปเป็นการอ้างอิงต่อการกระทำของพันเอกวิลเลียม ทราวิส ผู้บัญชาการกองกำลังเท็กซัส ณ อลาโมเมื่อ ค.ศ 1836 เขาได้ถูกกล่าวว่าลากเส้นบนพื้นทรายด้วยดาบของเขา การแสดงความมุ่งหมายต่อสู้จนตายต่อกำลังปิดล้อมเม็กซิกัน และได้เชิญบุคคลเข้าร่วมกับเขาบนด้านหนึ่งของเส้น ความผูกพันชีวิตของพวกเขาต่อสู้กองทัพของนายพลซานตา แอนนา หรือไปอยู่อีกด้านหนึ่งของเส้นและพยายามหลบหนี เขาได้สร้างเรื่องราวแต่ก่อนเป็นสำนวนที่ยังคงถูกใช้อยู่จนวันนี้ วิลเลียม ทราวิส ได้เรียกผู้ป้องกันของอลาโมรวมกัน อธิบายความพ่ายแพ้เกือบจะแน่นอน เเละอ่านจดหมายของการยอมแพ้ และวิลเลียม ทราวิสได้เลือกที่จะตาย ไม่ยอมแพ้ เขาได้ชักดาบของเขาลากเส้นบนพื้นทรายของ อลาโม และขอให้ชาวเท็กซัสข้ามเส้นและมาร่วมกับเขา ตำนานกล่าวว่าผู้ป้องกันที่เข้าร่วมกับวิลเลียม ทราวิสคือจิม โบวี่ และเดวีย์ ครอคเกตต์ ตามตำนานของเท็กซัส ภายในวันสุดท้ายของการสู้รบอย่างยาวนานเพื่ออลาโม วิลเลียม ทราวิส ได้ถูกบอกโดยผู้บัญชาการข้าศึกให้ยอมแพ้ มิฉะนั้นกองกำลังทั้งหมดของเขาจะถูกฆ่า แต่วิลเลียม ทราวิส ได้รวบรวมบุคคลของเขา ชักดาบของเขา และลากเส้นลึกยาวบนพื้นทราย เขาได้กล่าวว่า ในขณะนี้ผมต้องการบุคคลทุกคนตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และตายกับผมข้ามเส้นนี้มา เขาได้ถามบุคคลของเขาที่จะเลือกโชคชะตาชีวิตของพวกเขา ยอมแพ้และออกไปจากอลาโม หรือข้ามเส้นเข้าร่วมกับเขาภายในการต่อสู้ศัตรูจนตาย ไม่มีการถอยกลับ
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







