INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

วัยรุ่นในอดีต

วัยรุ่นในอดีต

“ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา” เพลงกลองยาวที่สนุกสนานกันเมื่อสมัยหนุ่มวัยรุ่น ที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาใหม่ๆ “ มาละเหวย มาละวา มาแต่ของเขาของเราไม่มา” “ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีลูกสาวมาแลกลูกเขย เอาวะเอาเหวยลูกเขยกลองยาว” “คอแห้งคอแห้งเป็นผง โฉมยงของน้ำกินที น้ำเปล่าพี่ก็ไม่เอา น้ำเปล่าพี่ก็ไม่เอา พี่ขอน้ำเหล้า ๓๕ ดีกรี”

นับว่าโชคดี ทีตอนวัยรุ่นได้เข้าเรียนที่เกษตร ซึ่งมีบรรยากาศแบบชนบท เช่น มีขบวนกลองยาวแห่นำหน้าขบวนในกิจกรรมรับน้องใหม่ หรือมีกิจกรรมพื้นบ้านบางครั้งเช่น จัดงานลอยกระทง เป็นต้น ทั้งนี้ แล้วแต่รสนิยม บางคนไม่ถนัดในการร่ายรำทำเพลงแบบลูกทุ่งๆ ก็มีกิจกรรมอย่างอื่น เช่นเป็นนักกีฬา หรืออยู่ชมรมดนตรีไทย หรือดนตรีสากล เป็นต้น ชีวิตสมัยวัยรุ่น เป็นสิ่งที่หวนคิดถึงมาเสมอๆ

เมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา ผมกับภรรยาไปนั่งกินอาหารเย็นที่ร้าน Chester Grill ห้างเซ้นทรัลลาดพร้าว วันนั้น ลูกค้าไม่เยอะมีโต๊ะว่าง สำหรับโต๊ะที่เราเลือกนั่ง มีโต๊ะว่างๆอยู่ข้างๆ โต๊ะนั้น มีเก้าอี้ยาวแบบนั่ง ๒ คน หันออกไปทางหน้าร้าน และด้านตรงข้ามมีเก้าอี้เดี่ยววางอยู่ตัวหนึ่ง สักครู่ มีหนุ่มสาววัยรุ่นคู่หนึ่ง สั่งอาหารเสร็จแล้ว มานั่งที่โต๊ะตัวนี้ โดยที่ทั้งสองคนนั่งเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน ปล่อยให้เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามว่าง ด้วยความสงสัย ผมคิดลองถามดูว่า ทำไมไม่นั่งฝั่งตรงข้ามจะได้ขยับตัวสบายๆ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะสมัยหนุ่มวัยรุ่น ถ้ามีโอกาสไปไหนกับเพื่อนหญิง ก็อาจจะทำเหมือนกัน วันนั้น เขาทั้งคู่ปล่อยให้เก้าอี้ตัวหนึ่งต้องว่างอย่างเดียวดาย เพราะไปนั่งเบียดกันเพียงข้างเดียว แบบนี้ คงจะเรียกว่า เบียดกันสุขใจ สังเกตดูพูดคุยยิ้มแย้มกันดี ขอให้ได้เบียดกันนานๆ

คิดถึงสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม สมัยนั้น มีโรงภาพยนต์ทั่วกรุงเทพฯ และการดูภาพยนต์ หรือดูหนัง เป็นปกตินิสัยของคนไทยทั่วๆไป ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ตอนนั้น เป็นข้าราชการภูธรเต็มขั้น แต่ว่างๆ ก็มาหาดูหนังในกรุงเทพฯ วันนั้น ไปที่สยามสแควร์ รู้สึกว่าจะเป็นโรงหนังลิโด้ ฉายเรื่อง “บ้าก็บ้าวะ” ซึ่งคงจะเป็นหนังดี มีคนยืนแถวคอยซื้อตั๋วยาวพอสมควร ซึ่งเราก็ต้องไปต่อแถวรอซื้อตั๋วเช่นเดียวกัน

ต่อมา มีชายวัยรุ่นคนหนึ่ง มาคุยกับคนที่ต่อแถวอยู่หน้าผมสัก ๒ คน ได้ยินว่า เขาจะฝากซื้อตั๋วโดยไม่ต้องไปต่อท้ายแถว เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็ไม่ยอมไปบอกให้เขาต่อท้ายแถว ซึ่งเพื่อนๆที่ไปด้วยกันเห็นที่ผมทำ ต่างก็หัวเราะ ว่า ไม่ทันต้องดูหนัง ก็มีคนแสดง “บ้าก็บ้าวะ” แล้ว เรื่องการชอบเอาเปรียบผู้อื่น ผมไม่ยอมมานานแล้ว เวลาขับรถก็เหมือนกัน พวกที่ชอบแซงออกนอกแถวไปเบียดเข้าเอาข้างหน้านั้น ไม่ชอบเลย มีเรื่องวิวาทกันมาบ่อยมาก

เห็นมีคนบอกว่า ถ้าจะอยู่ให้มีความสุข ต้องทำใจ ใครจะทำอะไรให้เราต้องถูกเอาเปรียบ ก็ยอมเขา หรือเป็นโรค”ช่าง” ให้มากๆ คือ”ช่างมัน” ยังไงเราก็คนไทยด้วยกัน มีอะไรที่คนไทยสามารถทำได้ดีก็มีหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่พัฒนาแล้ว สร้างระเบิดปรมาณู หรือขีปนาวุธที่มีอานุภาพทำลายร้ายแรง แต่คนไทยเหนือกว่านั้น ทำเสียงผีหลอก ออกเครื่องขยายเสียงดังลั่น ศัตรูวิ่งกันป่าราบ พิษร้ายแรงกว่าระเบิดทุกชนิด ตอนนี้ในข่าว เห็นโดรนผีบินว่อน ผมโชคดี ไม่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้น จับไข้หัวโกร๋น ไม่รู้ตัว

ดีใจที่ยังอยู่ทันระบบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่ทันสมัย รู้เห็นเหตุการณ์ได้ทันท่วงที อะไรที่ไม่ชอบ หรือแสดงออกไปแล้วอันตราย เราก็ไม่ทำ เลือกแต่ติดต่อสังสรรค์กับเพื่อน พี่ๆน้องๆ บางครั้ง ไปนั่งในที่ชุมนุมชน ก็ใช้เวลาเปิดมือถือดูเรื่องราวต่างๆ ซึ่งต้องระวังปิดเสียงไว้ เพื่อไม่ให้รบกวนใคร หรือเสียงบางอย่างจากมือถือ ส่งสัญญาณให้คนรอบข้างได้ยิน ว่าเรากำลังดูอะไรอยู่ ปิดเสียงบ่อยๆ เครื่องก็เลยทำหน้าที่ปิดเสียงถาวร เวลามีโทรศัพท์มา ไม่ได้ยิน จนต้องหาที่ๆปิดเสียงแล้วเปิดใหม่ สำหรับโทรศัพท์นี้ ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง ก็เลยเกเรบางครั้ง

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขับรถมาจากแถวบางนา วิ่งถนนพัฒนาการ จะกลับบ้านที่บางเขน ซึ่งปัจจุบันมีถนนทางแยกมากมายและซับซ้อน พยายามหาทางที่ใกล้และถูกต้องที่สุด ลองหาเองแล้วปิดมือถือ คิดว่าชินทางแล้ว ปรากฏว่าวิ่งเลี้ยวไปมาหลายครั้งและหลายนาที จนในที่สุดมาโผล่ตรงจุดเดิมที่เราตั้งต้นใหม่ ยังดีที่อยู่ในกรุงเทพฯ บางทีเผลอๆ อาจจะไปออกจังหวัดไหนก็ได้

เสียงเพลงกลองยาว ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ยังก้องอยู่ในหู ผ่านชีวิตที่สดชื่น สนุกสนานมาพอสมควร แต่ตอนนี้ มีแต่เวลาเดิน นั่งดูทีวีและนอนเท่านั้น ตั้งความปรารถนาให้รุ่นลูกหลานมีความสุขสนุกสนาน แบบที่เราสัมผัสมาก่อน สวัสดีครับ

 

บู๊ คนเคยหนุ่ม

๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ ที่กรุงเทพฯ

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *