INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ชาร์ลส คอฟฟิน ซีอีโอยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลหมายเลข 1 ของจิม คอลลินส์

ชาร์ลส คอฟฟิน ซีอีโอยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลหมายเลข 1 ของจิม คอลลินส์

คำถามแรกอย่างหนึ่งที่จิม คอลลินส์ได้รับ ภายใต้การวิจัยของเรา ใครเป็นผู้นำที่น่าประทับใจมากที่สุด เราได้ดิ้นรนกับคำถามนั้น ใครที่เราได้พิจารณาจากการวิจัยของเราเป็นสิบซีอีโอยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และเราสามารถเรียนรู้จากพวกเขาได้ ผมได้ทำกับพวกเขาภายในกลับลำดับ บุคคลบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับรายชื่อของเขา เเต่เรามีเกณฑ์บางอย่าง เรามอง
ที่การปฏิบัติงานระหว่างการดำรงตำแหน่งของพวกเขา ผลกระทบที่ผู้บริหารเหล่านี้มีต่อโลกล้อมรอบพวกเขา ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง ด้วยผลิตภัณฑ์ หรืออะไรที่พวกเขาทำ หรือวิถีทางที่พวกเขาบริหาร พวกเขามีผลกระทบข้างนอกกำแพงของบริษัทของพวกเขาหรือไม่ พวกเขาบริหารผ่านความยืดหยุ่น ผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากหรือไม่ พวกเขาสามารถผ่านวิกฤติ และนำบริษัทกลับมา หรือผ่านการปฏิรูปหรือไม่ ในที่สุดพวกเขามีมรดกหรือไม่ บริษัทเข้มแข็ง
อย่างต่อเนื่องภายหลังพวกเขาออกไปหรือไม่ การใช้เกณฑ์เหล่านี้คัดเลือก
จิม คอลลินส์ ได้เขียนบทความ “The 10 Greatest CEOs of All Time” ภายในวารสารฟอร์จูน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2003 ภายในการลำดับผู้นำ
ที่จิม คอลลินส์ ได้คัดเลือกคือ ชาร์ลส์ คอฟฟิน ผู้สร้างเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค
บิลล์ อัลเลน ผู้ช่วยชีวิตโบอิ้งภายในช่วงหลังสงคราม แซม วอลตัน ผู้ก่อตั้ง
วอลลมารท จอร์จ เมิรค ซีอีโอก่อนหน้านี้ของเมิรค แอนด์ โค ดาร์วิน สมิธ
ซีอีโอก่อนหน้านี้ของคิมเบอร์ลี่ คลาค เจมส์ เบิรค ซีอีโอก่อนหน่านี้ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เดวิด แมกซ์เวลล์ ซีอีโอของแฟนนี เม วิลเลียม เเมคไนท์
ซีอีโอก่อนหน้านี้ของ 3 เอ็ม แคธลีน เเกรม ซีอีโอก่อนหน้านี้ของวอชิงตัน โพสต์ โค. และเดวิด แพคการ์ด ผู้ก่อตั้งร่วมฮิวเลตต์ แพคการ์ด
ภายหลังไม่นานโทมัส เอดิสัน คิดค้นหลอดไฟฟ้าเมื่อ ค.ศ 1879 โอกาสที่จะเดิมพันอ้างสิทธิภายในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า ไปสู่ประตูของของผู้ทำรองเท้า ชาร์ลส์ คอฟฟิน
ชาร์ลส์ คอฟฟิน ได้ถูกลำดับเป็นหมายเลข 1 โดยจิม คอลลินส์ ภายในรายชื่อซีื่อีโอยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเขา ชาร์ลส์ คอฟฟินได้ถูกยกย่องเป็นบุคคลที่สร้างระบบทำซ้ำความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอคนเเรกของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค เขาเกิดวันสุดท้ายของ ค.ศ 1844 วันที่ 31 ธันวาคม ภายในรัฐเมน อเมริกา ก่อนเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค เขาทำงานที่บริษัทรองเท้าของลุงของเขายี่สิบปีภายในลินน์ แมสสาชูเสตต์ ภายจากได้ประสบการณ์ทุกอย่าง ในที่สุดเขาได้เปิดโรงงานรองเท้าของเขาเอง เขาเรียกชื่อว่า คอฟฟิน แอนด์ เคลาห์
นักธุรกิจคนหนึ่งจากลินน์ ไซลาส บาร์คัน ได้เข้าหาชาร์ลส์ คอฟฟิน อภิปรายความคิดที่จะนำบริษัทไฟฟ้าที่ดิ้นรนอยู่มาสู่เมืองของพวกเขา จากนิว บริเตน เขาต้องการสร้างบริษัทใหม่ จัดหาเงินทุนแก่มัน และบริหารมัน ชาร์ลส คอฟฟิน พร้อมด้วยวิศวกรที่เชี่ยวชาญคนหนึ่งของเขา สร้างใหม่ได้สำเร็จและเปลี่ยนชื่อเป็นทอมสัน-ฮูสตัน เมื่อทอมสัน ฮูสตัน และบริษัทของเอดิสันได้ร่วมมือกันสร้าง “เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค” ชาร์ลส คอฟฟิน ได้กลายเป็นซีอีโอคนเเรกของบริษัท
ทักษะการบริหารของเขาได้ช่วยให้จีอีกลายเป็นบริษัทลำดับสูงสุด นั่นคือเหตุผลอย่างหนึ่งทำไมเขาไม่มีชื่อเสียงเหมือนกับซีอีโอยิ่งใหญ่คนอื่น
จงคิดถึงบุคคลบางคนใส่รองเท้าของบุคคลที่มีหลายสิทธิบัตรรวมทั้งหลอดไฟฟ้า หีบเสียง และอย่างอื่น เขาคือโทมัส เอดิสัน แต่ชาร์ลส คอฟฟิน ไม่ต้องการเป็นโทมัส เอดิสันคนต่อไป แต่เขาได้พิสูจน์ความกล้าหาญภายในวิถีทางของเขาเองโดยการคิดค้นเจ็นเนอรัล อิเล็คทริค เขาได้นำทีมที่ถูกยกย่องต่อการสร้างห้องทดลองการวิจัยแห่งแรกของอเมริกา และความคิดของการพัฒนาการบริหารอย่างมีระบบ
การทดสอบอย่างแท้จริงของเขาเกิดขึ้นภายในการตกต่ำทางเศรษฐกิจเมื่อ ค.ศ 1893 ชาร์ลส์ คอฟฟิน ได้จัดการอย่างใจเย็นเจรจาต่อรองกับเจพี มอร์แกน เมื่อการขาดแคลนเงินสดคุกคามการดำรงอยู่ของจีอี ความใจเย็นและยุทธวิธีของเขา
ช่วยชีวิตบริษัทและทำให้ฟื้นตัวและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วระหว่างช่วงการดำรงที่เหลืออยู่ของเขา เรารู้ว่าทำไมจิม คอลลินส์ ระบุเขาเป็นหมายเลข 1 ภายในรายชื่อซีีีอีโอสิบลำดับสูงสุดของเขา เพราะว่าเขาไม่เพียงแค่ทำให้บริษัทดี เขาทำให้บริษัทยิ่งใหญ่
โทมัส เอดิสัน ไม่ได้เป็นชื่อเดียวเท่านั้นที่บดบังรัศมีเขา ยุคของชาร์ลสคอฟฟิน ค.ศ 1892-1912 ได้กลายเป็นรู้จักกันว่า “ยุคของไสตน์เมตซ์” วิศกรไฟฟ้าของจีอี
ชารลส์ ไสตน์ เมตซ์ ยิ่งกว่านั้นชื่อที่ยกย่องกันน้อยของชาร์ลส คอฟฟิน ได้ถูกลบล้างโดย โจนส ์และเวลซ์ ซีอีโอของจีอี กลายเป็นยักษ์ใหญ่ภายในยุคของพวกเขา
ความสูงของแจ็ค เวลซ์ไปถึงจุดตรงที่จีอีถูกเรียกว่า “บ้านที่แจ็คสร้าง” ที่จริงแล้ว แจ็ค เวลซ์ เป็นผลผลิตของจึอี แน่นอนแจ็ค เวลซ์ ปรับปรุงระบบของจีอีอย่างยิ่งใหญ่
และประวัติศาสตร์ได้มองเขาเป็นซีอีโอที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เขาได้ทำการพัฒนา
การบริหารและนวัตกรรมของจีอี แต่เเจ็ค เวลซ์ ไม่ได้คิดค้นแนวคิดนี้ เขาได้รับมรดกมันมา แต่กระนั้นชาร์ลส์ คอฟฟิน ไม่เป็นอย่างเดียวกับซีอีโอคนอื่นเหล่านี้
ชาร์ลส คอฟฟิน ทำให้จีอีเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ สร้างเครื่องจักรที่สร้างการสืบทอดของยักษ์ใหญ่ ด้วยเหตุผลนี้ เขายืนบนระดับข้างบนซีอีโอที่ชื่อบดบังรัศมีของเขา เขาได้สร้างเวทีที่พวกเขาทุกคนสามารถแสดง เขาได้สร้างบริษัทเป็นเครื่องกำเนิดเทคโนโลยีและความสามารถการบริหาร มูลค่าตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 1892 เป็น 184 ล้านเหรียญเมื่อเขาได้เกษียณ
การพัฒนาเทคโนโลยีและผู้นำบริษัทของเขานำไปสู่กูรูการบริหาร จิม
คอลลินส์ เรียกชื่อเขาเป็นซีอีโอยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล จิม คอลลินส์ ได้
เขียนว่า ในขณะที่โทมัส เอดิสันเป็นอัฉริยะด้วยผู้ช่วยหนึ่งพันคน ชาร์ลสคอฟฟิน ได้สร้างระบบของอัฉริยะที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ทำนองเดียวกับผู้ก่อตั้งอเมริกา เขาได้สร้างอุดมการณ์และกลไกที่ทำให้สถาบันของเขาเป็นหนึ่งของความยั่งยืนที่สุดและลอกเลียนแบบอย่างกว้างขวาง”
สถานภาพซีอีโอที่บรรลุความสาเร็จและมีชื่อเสียงของแจ็ค เวลซ์ ได้ถูกสร้างบนรากฐานสร้างโดยผู้นำที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ถูกยกย่องมาก่อนเขา โทมัส เอดิสัน คิดค้นหลอดไฟฟ้า และจากนั้นชาร์ลส คอฟฟิน ค.ศ 1892-1912 คิดค้น
เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค กำเนิดนวัตกรรมสังคมสองอย่างที่สร้างรากฐานต่อความสำเร็จของเเจ็ค เวลซ์ – ห้องทดลองวิจัยแห่งแรกของอเมริกา และการพัฒนาการบริหารอย่างมีระบบ ดังที่จิม คอลลินส์ ได้กล่าวว่า การเรียกจีอี “บ้านที่แจ็คสร้าง” ไม่ค่อยจะถูกต้อง ภายในบทความของฟอร์จูนเกี่ยวกับซีอีโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาเขียนว่า “ที่จริงแล้ว แจ็ค เวลซ์ เป็นผลิตผลของจีอีและกลับกัน” เขาได้กล่าวเกี่ยวกับจีอีว่า ชาร์ลส คอฟฟิน สร้างเวที่พวกเขาได้เเสดง

จิม คอลลินส์ ได้เลือกชาร์ลส คอฟฟินเป็นซีอีโอหมายเลข 1 ตลอดกาลของเขา ชาร์ลส คอฟฟิน เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอคนเเรกของเจ็นเนอรัล จิม
คอลลินส์ กล่าวว่า ผมเลือกเขา ชาร์ลส คอฟฟิน เพราะว่าเขาโดดเด่น เขาสร้างเวที
ที่ซีอีโอคนอื่นทุกคนได้แสดง เขาสร้างระบบ เขาเป็นบุคคลเเรกที่คิดค้นและ
วางการพัฒนาการบริหารอย่างมีระบบเป็นกระบวนการ ถ้าเราย้อนหลังไปและคิดเกี่ยวกับมัน นั่นเป็นการคิดค้นที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของศตวรรษที่ยี่สิบ เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่สร้างห้องทดลองวิจัยอุตสาหกรรมแห่งแรกของอเมริกา
การมีส่วนช่วยอย่างผิดธรรมดาต่อวงการขององค์การ นั่นคือทำไมตำแหน่งหมายเลขหนึ่งเป็นของชาร์ลส คอฟฟิน
บุคคลที่ชาร์ลส คอฟฟิน ถูกเปรียบเทียบระหว่างช่วงชีวิตของเขาเป็นโทมัส เอดิสัน เท่านั้น ชาร์ลส คอฟฟิน พัฒนานวัตกรรมทางสังคมสองอย่างของความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ : ห้องทดลองวิจัยแห่งแรกของอเมริกา และความคิดของการพัฒนาการบริหารอย่างมีระบบ ในขณะที่โทมัส เอดิสันเป็นอัฉริยะด้วยผู้ช่วยเหลือหนึ่งพันคน ชาร์ลส คอฟฟิน สร้างระบบชองอัฉริยะที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ณ เวลาการเสียชีวิตของเขา เขาเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดของโลก “บุคคลที่เกิดมาที่จะบังคับบัญชา แต่ไม่เคยออกคำสั่งเลย ” ข้อความนี้สรุปคุณสมบัติความเป็นผู้นำของชาร์ลส คอฟฟิน
เจ็นเนอรัล อีเลคทริค ตั้งแต่ ค.ศ 1892 ถึง 1912 ภายหลังโทมัส เอดิสัน ชาร์ลส คอฟฟิน ไม่ได้มอง
ตัวเขาเองเป็นอัฉริยะ เขามาจากธุรกิจรองเท้า บุคคลส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อชาร์ลส คอฟฟิน และนั่นเป็นข้อพิสูจน์ในที่สุดต่อความยิ่งใหญ่ของเขาไม่มี
ซีอีโอพบว่ามันง่ายที่จะยึดครองจากผู้ประกอบการก่อตั้ง เราควรจะเข้าใจว่า
ผู้ประกอบการยึดสิทธบัตรหลอดไฟฟ้าไว้ ชาร์ลส คอฟฟิน รู้ว่างานของเขาไม่ได้เป็นโทมัส เอดิสัน คนต่อไป ต่อชาร์ลส คอฟฟิน การคิดค้นของเขาเป็นเจ็นเนอรัล อิเล็คทริค
ชาร์ลส คอฟฟิน เป็นซีอีโอก่อตั้ง สถาปนิกอย่างแท้จริงของสิ่งที่กลายเป็นจีอี เขากลายเป็นซีอีโอของจีอีเมื่อ ค.ศ 1882 และมักจะถูกอ้างเป็นซีอีโอยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งตลอดกาล ต่อการยืนหยัดและทักษะความเป็นผู้นำของเขา เขาไม่ได้อยู่ภายในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เมื่ออายุ 18 ปี เขาได้เข้าร่วมบริษัทผลิตรองเท้าของลุงของเขา และต่อมมาก่อตั้งบริษัทของเขาเองภายในธุรกิจอย่างเดียวกัน เมื่อ ค.ศ 1883 เขาได้ถูกติดต่อโดยนักธุรกิจคนหนึ่งช่วยบริษัทที่กำลังดิ้นรน อเมริกัน อิเล็คทริค โค. ในที่สุดรวมกับโทมัส ฮูสตัน อิเล็คทริค ของโทมัส เอดิสัน ในขณะนี้รู้จักกันเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภายในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ชาร์ลส คอฟฟิน ได้ถูกเสนอชื่อเป็นซีอีโอของ
เจ็นเนอรัล อิเล็คทริคภายในปีเดียวกัน นับแต่นั้นมาเขาได้กลายเป็นชื่อ
ครัวเรือนภายในความเป็นผู้นำ
ภายหลังการกลายเป็นซีอีโอของจีอี ชาร์ลส คอฟฟิน เป็นผู้นำคนเเรกใช้ความเป็นผู้นำยอมให้บุคคลพัฒนาความคิดของพวกเขาเอง บุุคคลเหล่านี้ได้ความเป็นอิสระสร้างผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเอง
แม้ว่าชาร์ลส คอฟฟินตัวเขาเองไม่น่าจคิดค้นหลายอย่างดังที่โทมัส เอดิสัน
ทำด้วยตัวเขาเอง ด้วยการพัฒนาการบริหารใหม่อย่างมี
ระบบ จีอีย่อมจะได้จำนวนความคิดเห็นมากขึ้นจากนักวิทยาศาสตร์ของ
พวกเขา
ชาร์ลส คอฟฟินสร้างอุดมการณ์สมัยใหม่ของสิ่งที่ซีอีโอต้องทำและบริษัทควรจะบริหารอย่างไร ชาร์ลส คอฟฟินเป็นผู้บุกเบิกความเป็นผู้นำธุรกิจ และการ
ปฏิบัติของเขายังคงใช้กันอยู่ ชาร์ลส์ คอฟฟินไว้วางใจบุคคลของเขาอย่างมาก และ
ให้ความเป็นอิสระ สร้างวัฒนธรรมภายในบริษับัทนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
เขารับรู้ว่าแม้ว่านวัตกรรมจะสำคัญ การสร้างจิตวิญญานผู้ประกอบการ และการได้ความไว้วางใจจากบุคคล สำคัญเท่าเทียมกันต่อความสำเร็จขององค์การ
ชาร์ลส คอฟฟิน ใช้ความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูป เขาเป็นที่รู้จักกันเป็นบุคคลที่
เกิดมาเพื่อการบังคับบัญชา แต่ไม่เคยออกคำสี่ง เขามีบุคลิกภาพที่มีบารมี
เขาบันดาลใจบุคคลของเขา แต่ให้พวกเขาพื้นที่และความคิดสร้างสรรค์มี
ส่วนช่วยต่อค่านิยมแกนของบริษัท เพื่อนร่วมงานของชาร์ลส คอฟฟิน – เขาเรียกพวกเขาว่า “เพื่อนร่วมงานของผม” อยู่เสมอ ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชา รู้จักเขา
เป็นสุภาพบุรุษที่มีน้ำใจและเพื่อนที่ดี เขาไม่เคยออกคำสั่งแก่บุคคลทำอะไรก็ตาม ความพอใจที่จะใช้พลังการแนะนำของเขา เขาแสวงหาและต้อนรับคำแนะนำจากบุคคลที่รายรอบเขา และจากนั้นทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ด้วยตัวเขาเอง
ลูกค้าและคู่แข่งขันรู้จักเขาทั้งเป็นรัฐบุรุษและพนักงานขายที่มีชื่อเสียงของอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า เขาใช้ความสนใจส่วนบุคคลภายในการเจรจาต่อรองที่สำคัญ เขามักจะเขียนข้อเสนอธุรกิจแก่ลูกค้าที่สำคัญด้วยมือของเขาเอง
ณ การประชุมอย่างเข้มข้น เขารู้ที่จะผ่อนคลายแรงกดดันด้วยเกร็ดเล็กน้อย
ที่เหมาะสมอย่างไร และเพิ่มถ้อยคำสำคัญสรุปประเด็นอย่างไร ชาร์ลส คอฟฟิน เหมาะสมดีที่สุดกับทฤษฎีความเป็นผู้นำเชิงคุณลักษณะ เพราะว่า
เขามีคุณลักษณะทางธรรมชาติของความเป็นผู้นำ
ชาร์ล คอฟฟิน ใช้ความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปด้วยอุดมการณ์ของการจูงใจบันดาลใจ และการกระตุ้นความคิด การท้าทายบุคคลของพวกเขาดำเนิน
ตามวิสัยทัศน์ของพวกเขาเอง เขาได้กำหนดหลักการไม่เพียงแต่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจของเขาเด่นเท่านั้น แต่ได้วางค่านิยมบนการออกแบบองค์การและความสามารถของการบริหารด้วย
ไม่ใช่การคิดค้นไฟฟ้าเหมือนกับผู้มาก่อนของเขา โทมัส เอดิสัน ชาร์ลส คอฟฟินได้คิดค้นบางสิ่งบางอย่างที่ทรงพลังอย่างแท้จริง จนจีอียังคงเป็นบริษัทยิ่งใหญ่ของวันนี้ เขาได้สร้างห้องทดลองวิจัยอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก และเขาได้คิดค้นความคิดของการพัฒนาการบริหารอย่างมีระบบ ทั้งสองอย่างเป็นเหตุผลอย่างแท้จริงที่จีอียังคงเป็นบริษัทยิ่งใหญ่จนทุกวันนี้
วิถีทางที่เราคิดถึงชาร์ลส คอฟฟินคือ เขาเป็นผู้สร้างนาฬิกาอย่างเเท้จริง
ซีอีโอจำนวนมากเป็นผู้บอกเวลา พวกเขารู้ว่าเวลาอะไร พวกเขาเป็นผู้บอกเวลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ชาร์ลส คอฟฟิน รู้ว่าเขาควรจะไปที่ไหน เขาเป็นผู้สร้างนาฬิกาที่แท้จริง และเขาได้ไขลานนาฬิกาที่ยังคงเสียงดังติ้กตลอดร้อยปีต่อมา ผู้บริหารทุกคนเล่นบนเวทีที่เขาสร้าง เราคิดว่าข้อเท็จจริงที่ชื่อของเขาได้ถูกลบล้างโดยผู้สืบทอดที่มีชื่อเสียงทุกคน เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาได้ภูมิใจ
จิม คอลลินส์ กล่าวว่า เขาเป็นผู้สร้างนาฬิกา

เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ได้เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ 1892 เมื่อนักการเงินนิวยอร์ค เจ พี มอร์แกน ได้วางระบบการรวมบริษัทอย่างเท่าเทียมกันระหว่างเอดิๆสัน เจ็นเนอรัล อีเล็คทริค ของโทมัส เอดิสัน และทอมสัน ฮูสตัน อิเล็คทริคของ เอลฮิว ทอมสัน ซีอีโอของทอมสัน ฮูสตัน ชาร์ลส คอฟฟินได้กลายเป็นซีอีโอคนเเรกของจีอีภายหลังการรวมบริษัท
ชาร์ลส คอฟฟินใช้ความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปนำจีอี เขานำการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในบริษัท ด้วยความรู้การขายของชาร์ลส คอฟฟินจากอุตสาหกรรมรองเท้าเขาสามารถเข้าใจการขายบรรลุความสำเร็จอย่างไร เขาทำการตัดสินใจด้วยลูกค้าภายในใจและบริษัทภายในใจด้วย บุคคลที่ทำงานภายใต้ชาร์ลส คอฟฟินไม่ได้ถูกปฏิบัติเหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชา เขามองพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน และไม่ได้ใช้อำนาจในฐานะของซีอีโอทำงานให้สำเร็จ เขาใช้บารมีของเขาให้คำแนะนำทำงานอย่างไร ชาร์ลส คอฟฟิน ใช้ความเป็นผู้นำเชิงบารมีนำบุคคลของบริษัท
ชาร์ลส คอฟฟิน ได้ถูกเรียกชื่อเป็นซีอีโอยิ่งใหญ่คนหนึ่งตลอดกาลด้วยเหตุผลที่ดี เขาได้กำหนดแบบอย่างเพื่อการยอมให้บุคคลใช้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา ในขณะที่ได้รับความไว้วางใจและการชื่นชมของ
พวกเขา เขาได้รับความเคารพสูงจากบุคคลของเขา พวกเขามักจะกล่าวว่า
ไม่มีใครเลยใช้ความเป็นผู้นำได้เรียบง่าย ความถ่อมตัว และการคำนึงถึง
บุคคลอื่นได้มากกว่าเชา เขาอยู่เหนือกว่าแต่ไม่เคยครอบงำ เขาเป็นผู้นำที่ฉลาดมาก แสดงโดยการตัดสินใจของเขา ณ เวลาของการตกต่ำทางเศรษฐกิจ ชาร์ลส คอฟฟินมีระดับความมั่นคงทางอารมณ์สูง เขาแสดงโดย
การเจรจาต่อรองกับการแข่งขันเท่านั้น โทมัส เอดิสัน โค. และด้วยการรวม
กับพวกเขา
เจ็นเนอรัล อีเล็คทริคสมัยใหม่เป็นบ้านที่แจ็ค สร้าง แต่เจฟฟ์ อิมเมลท์ ซีอีโอคนใหม่ ได้รื้อบ้านที่เเจ็ค เวลซ์ สร้าง
ภายหลังสองปีจากการเกษียณของแจ็ค เวลซ์ มูลค่าตลาดของจีอี ได้ลดลง 45% ตัวเลขเหล่านี้ได้นำไปสูข้อสรุปว่าความสำเร็จของจีอีจะเกิดขึ้นจากความเป็นผู้นำของแจ็ค เวลซ์ และผู้สืบทอดของเขา เจฟฟ์ อิมเมลท์ ไม่สามารถรักษาแรงขับเคลื่อนของผู้มาก่อนของเขาไว้ได้แจ็ค เวลซ์ ได้สร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลก ข้อผิดพลาดอย่างเดียวคือ การเลือกผู้สืบทอดที่อ่อนแอที่สุด
เมื่อแจ็ค เวลซ์ ส่งมอบเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค แก่เจฟฟรีย์ อิมเมลท์ เมื่อ ค.ศ 2001 จีอีจะเป็นบริษัทที่มีการบริหารดีและกำไรที่ถูกชื่นชมมากที่สุด ความสามารถการบริหารที่ยอดเยี่ยม และนวัตกรรมทางการปฏิบัติ
นานกว่า 16 ปีต่อมา ภายหลังจากที่เจฟฟรี่ย์ อิม
เมลท์ ขึ้นมาเป็นซีอีโอ เขาได้ทำลายบ้านที่แจ็ค เวลซ์ สร้างอย่างสิ้นเชิง บุคคลบางคนได้ถามว่า ใครควรจะถูกตำหนิ แจ็ค เวลซ์ ควรจะร่วมภายในความหายนะหรือไม่ ความผิดพลาดอย่างเดียวที่แจ็ค เวลซ์ ได้กระทำคือ การเลือก
ผู้สืบทอดอ่อนแอที่สุดจากผู้สืบทอดสามคน ข้อผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่สุดภายในความเป็นผู้นำของแจ็ค เวลซ์
การซื้อบริษัทส่วนใหญของเจฟฟรีย์ อิมเมลท์ 175 ล้านเหรียญ ไม่บรรลุความสำเร็จเลย บริษัทหลายบริษัทได้กลายเป็นความหายนะแก่จีอี
เค็น แลนกอน คณะกรรมการบริษัทก่อนหน้านี้ของจีอี และผู้ก่อตั้งร่วมโฮม ดีโปท์ ได้กล่าวแก่ซีเอ็นเอ็น ว่า ความหายนะ ณ เจ็นเนอรัล จะเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ ภายในความเป็นผู้นำของคณะกรรมการบริษัท สิ่งหนึ่งที่ผมจะต่อสู้จนตายคือ นี่ไม่ควรจะวางอยู่บนแจ็ค เวลซ์ และยอมรับว่าเขาลงคะแนนให้
เจฟฟรีย์ อิมเมลท์ เป็นผู้สืบทอดแจ็ค เวลซ์ บนกระดาษแล้วเจฟฟรีย์ อิมเมลท์ ดูแล้วเหลือเชื่อ เขาทำได้อย่างแท้จริง และเราไม่สามารถเอาออกไปจากเขาได้ เราต้องดูที่ความสำเร็จที่เขาได้สร้าง ณ จีอี ก่อนที่เขาจะกลายเป็นซีอีโอ แต่ความคิดว่า จีอีได้ถูกปฏิรูปภายหลังจากแจ็ค เวลซ์ มีความหมายเหมือนกันกับการทำลายล้างไปแล้ว เขาเชื่อว่าเราจะมีความเสี่ยงที่จีอีอาจจะถูกทำลายได้
ทำไมบุคคลหลายคนเชื่อว่าเจ็นเนอรัล อีเล็คทริคจะเป็นบริษัทที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดภายในโลก จีอีเป็นบริษัทเดียวที่อยู่สิบลำดับสูงสุดของรายชื่อฟอร์จูน 500 ตั้งแต่ ค.ศ 1896 ถึง 2016 อยู่ตำแหน่งนี้นานกว่าศตวรรษ จีอีเป็นบริษัทเดียวที่เป็นผู้ชนะโนเบิล ไพรซ์ สองครั้ง เคมี ค.ศ 1932 และฟิสิกส์ ค.ศ 1973 ประการสุดท้ายจีอีได้ถูกก่อตั้งโดยนักคิดค้นที่มีประสิทธิผลมากที่สุด ว้ดด้วยจำนวนสิทธิบัตร ภายในประวัติศาสตร์ – โทมัส อัลวา เอดิสัน
ระหว่าง ค.ศ 1980 และ 1990 เมื่อแจ็ค เวลซ์ เป็นซีอีโอ มูลค่าตลาดของจีอี ได้เพิ่มสูงขึ้น 4000% เขายังคงเป็นซีอโอที่แสดงการทำกำไรรายไตรมาสติดต่อกันมากที่สุดภายในประวัติศาสตร์

ภายในหนังสือ Jack : Straight form the Gut แจ็ค เวลซ์ ได้ระบุหลักการบริหารหกข้อภายในการปฏิรูปเจ็นเนอรัล อีเล็คทริค และความเป็นผู้นำที่บรรลุความสำเร็จของเขาไว้ต่อไปนี้คือ
1 การเผชิญกับความเป็นจริง
แจ็ค เวลซ์ได้กล่าวว่า ค่านิยมคือพฤติกรรมที่พรรณา เนื่องจากค่านิยมไม่ใช่วัตถุ แต่ค่านิยมจะระบุว่าองค์การและบุคคลจะกลายเป็นอะไรในที่สุด ผู้นำต้องอธิบายและเป็นแบบจำลองของค่านิยม การเผชิญกับความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ควรจะเป็น หรือเราอยากจะให้เป็น จะเป็นค่านิยมของจีอี ถ้าบุคคลไม่สามารถเผชิญกับความเป็นจริงได้ พวกเขาต้องออกไป เแจ็ค เวลซ์ มองจีอีว่าเหมือนกับเรือที่กำลังจม บริษัทกำลังสูญเสียมูลค่าตลาดและกลายเป็นระบบราชการเกินไป
2 การนำไม่ใช่การจัดการ
ผู้นำจะต้องสัมผ้สจิตใจของบุคคล การช่วยให้บุคคลเจริญเติบโตและก้าวหน้า พวกเขาจะเดินไปทั่ว มือหนึ่งถือกระป๋องปุ๋ย และอีกมือหนึ่งถือเหยือกน้ำ พวกเขาจะใส่ปุ๋ยและรดน้ำดอกไม้ : บุคคล ภายในสวน : ธุรกิจ บุคคลบางคนอาจจะถูกตัดออกไป แต่บุคคลทุกคนมีโอกาสที่จะก้าวหน้า
3 การจริงใจต่อบุคคลทุกคน
ผู้นำมีข้อผูกพันที่จะต้องบอกบุคคลทุกคนว่า พวกเขากำลังทำได้แค่ไหน พวกเขายืนอยู่ตรงไหน ผลการปฏิบัติงานที่ไม่ชัดเจนจะไม่ยุติธรรมเลย เมื่อผู้นำจริงใจต่อบุคคล ความเปิดเผยจะกลับมายังผู้นำ เมี่อข่าวสารที่สับสนได้หมดไป บุคคลจะรวดเร็ว สร้างสรรค์ และกระตือรือล้นมากขึ้น
4 การเปลี่ยนแปลงก่อนที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
ผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงจะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนบุคคล ผู้นำต้องรับเอาและเสริมแรงการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ ถ้าโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าบุคคลถายในแล้ว บริษัทจะกลายเป็นล้าหลังทันที แม้ว่าว่าจีอีจะยังคงเข้มแข็งอยู่ แจ็ค เวลซ์เชื่อว่าจีอีต้องเปลี่ยนแปลงก่อนที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะตอบสนองต่อการแช่งขันในอนาคต
5 การควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง
หน่วยธุรกิจที่ได้ชัยชนะต้องเป็นหมายเลข 1 หรือ 2 ภายในตลาด หมายเลข 1 หรือ 2 สามารถป้องกันส่วนแบ่งตลาดได้ด้วยนวัตกรรมและการกำหนดราคา หมายเลขอื่นไม่สามารถทำได้ และต้องเผชิญกับความยากลำบากเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำด้วย ทำไมเราต้องขายธุรกิจหมายเลข 3 ที่มีกำไรไป เมื่อธุรกิจหมายเลขหนึ่ง 1 จาม หมายเลข 1 จะเป็นโรคปอดอักเสบ หมายเลข 1 ควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้
6 ถ้าเราไม่มีข้อเปรียบทางการแข่งขัน อย่าไปแข่งขันเลย
แจ็ค เวลซ์มองว่าจีอีต้องทำให้ดีกว่าดีที่สุด เมื่อตื่นนอนทุกวัน ถ้าเรารู้ว่าใครกำลังทำได้ดีกว่าเราแล้ว เราต้องกระตุ้นบุคลคลของเราให้ค้นหาวิถีทางที่ดีกว่า เนื่องจากจีมีหน่วยธุรกิจถึง 350 หน่วย แจ็ค เวลซ์ ได้กำหนดให้หน่วยธุรกิจทุกหน่วยของจีอีต้องมีส่วนแบ่งตลาดเป็นหมายเลข 1 หรือ 2 ถ้าเป็นไม่ได้ หน่วยธุรกิจเหล่านี้จะต้องถูกแก้ไข ขาย หรือเลิกไป

เมื่อ ค.ศ 1978 หนังสือชื่อ “Leadership” ของ เจมส์ แมคเกรเกอร์ เบิรน ได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างผู้นำเชิงแลกเปลี่ยน และผู้นำเชิงปฏิรูป ผู้นำเชิงแลกเปลี่ยนคือ ผู้นำที่มุ่งการบริหารองค์การให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การแลกเปลี่ยนระหว่างงานและรางวัล การให้รางวัลแก่บุคคล เมื่อพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดให้ ผู้นำเชิงแลกเปลี่ยนบริหารองค์การตามวิถีทางในอดีต การเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบัน ผู้นำเชิงปฏิรูปคือ ผู้นำที่มุ่งการเปลี่ยนแปลงองค์การ การสร้างวิสัยทัศน์ การถ่ายทอดวิสัยทัศน์ การใช้บารมีบันดาลใจบุคคลให้บรรลุวิสัยทัศน์ ผู้นำเชิงปฏิรูปจะบริหารองค์การตามวิถีทางในอนาคต การเชื่อมโยงระหว่างปัจจุบันและอนาคต
โรเบิรต แบสส์ นักวิชาการความเป็นผู้นำ ได้ขยายผลงานของเจมส์ แมคเกรเกอร์ เบิรน ออกไปอีก เขาได้ย้ำถึงความสำคัญของบารมีต่อความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูป ผู้นำเชิงปฏิรูปได้ใช้อำนาจบารมีสูงมาก ดังนั้นเรามักจะเรียกผู้นำเชิงปฏิรูปว่า ผู้นำเชิงวิสัยวิสัยทัศน์ หรือผู้นำเชิงบารมี
เมื่อ ค.ศ 1985 เบอร์นารด แบสส์ นักจิตวิทยาอุตสาหกรรม ได้เขียนคุณลักษณะพื้นฐานของความเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปไว้สี่อย่าง – 4ไอ คือ 1 การมีอิทธิพลด้วยอุดมการณ์ ผู้นำเชิงปฏิรูปเป็นแบบจำลองบทบาทและแสดงบุคลิกภาพที่มีบารมีต่อบุคคล และกระทำตามที่สัญญาไว้ 2 การจูงใจด้วยแรงบันดาลใจ ผู้นำเชิงปฏิรูปมีความสามารถบันดาลใจและจูงใจบุคคล เมื่อรวมเข้ากับการมีอิทธิพลด้วยอุดมการณ์แล้ว นี่คือแหล่งที่มาของบารมีของผู้นำเชิงปฏิรูป 3 การกระตุ้นสติป้ญญา ผู้นำเชิงปฏิรูปให้คุณค่าต่อความคิดสร้างสรรค์และความเป็นอิสระแก่บุคคล การสนับสนุนบุคคลให้มีส่วนร่วมภายในการตัดสินใจ 4 การมุ่งบุคคล ผู้นำเชิงปฏิรูปมุ่งความต้องการและความรู้สึกของบุคคล การให้ความสนใจส่วนตัวแก่บุคคลแต่ละคน
การวิจัยความเป็นผู้นำเชิงบารมี ได้มุ่งการมุ่งค้นหาคุณลักษณะที่ดึงดูดของผู้นำ คำว่าบารมี “Charisma” เป็นภาษากรีก หมายถึงพรสวรรค์จากพระเจ้า การวิจัยเริ่มแรกมองบารมีเป็นคุณลักษณะทางบุุคลิกภาพโดยกำเนิด ผู้นำเชิงบารมีสามารถบันดาลความภูมิใจ ความศรัทธา ความเคารพ และความจงรักภักดีแก่บุคคล ผู้นำเชิงบารมีได้สร้างความประทับใจต่อความสามารถและความสำเร็จ และได้สื่อสารความคาดหวังและความเชื่อมั่นที่สูงแก่บุคคล
ผู้นำเชิงบารมีกำหนดเป้าหมายเชิงอุดมคติไว้อย่างชัดเจน บางครั้งผู้นำเชิงบารมีได้ถูกเรียกว่าผู้นำเชิงปฏิรูป เนื่องจากคุณลักษณะหลายอย่างคล้ายคลึงกัน ความแตกต่างที่สำคัญคือ ผู้นำเชิงบารมีพยายามปรับปรุงฐานะเดิมให้ดีขึ้น แต่ผู้นำเชิงปฏิรูปพยายามปฏิรูปองค์การให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเขา
แต่กระนั้นบารมีอาจจะถูกเข้าใจผิด อาเธอร์ ชเลสซิงเจอร์ นักประวัติศาสตร์ ได้สร้างความแพร่หลายแก่คำว่าบารมีเมื่อ ค.ศ 1960 เขาไม่พอใจว่าบารมีได้ถูกลดลงเหลือเพียงความหมายที่เก๋อย่างเดียวกับความกล้าหาญ หรือแม้แต่ความชื่นชอบ บารมีได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อบารมีได้ถูกใช้พรรณาแฟรงคลิน ดี. โรสเวลท์ และวินสตัน เชอร์ชิล แต่บารมีได้ถูกใช้บ่อยครั้งกับอดอฟ ฮิตเลอร์ และเบนนิโต มุสโสลินี ด้วย

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *