คนไทยยังต้องฟันฝ่าปี ๒๕๖๘

สบาย สบาย สไตล์เกษม
คนไทยยังต้องฟันฝ่าปี ๒๕๖๘
ผมขออนุญาตท่านผู้อ่าน ส่งความสุขท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ตรงนี้เลยนะครับ
ก็ต้องขอบคุณที่ติดตามอ่าน จะไม่ว่ากัน ที่ใครเบื่อ แล้วหายหน้าไป พร้อมกันนี้ก็ขอขอบคุณท่านผู้อ่ านหน้าใหม่ ที่ค่อยทยอยกันเข้ามา ทีละคนสองคนครับ
ในโอกาสนี้ ผมใคร่ขอขอบคุณท่านที่เข้ ามาแสดงความคิดเห็น ทักท้วงหรือตักเตือน
ซึ่งล้วนให้คุณค่าแก่ผม ในแง่เพิ่มประสบการณ์ หรือนำไปปรับปรุงตนเอง ซึ่งยังจะต้องเสริมเติมจนกว่า ผมจะหยุดหายใจครับ
ต่อไปนี้ ก็เข้าประเด็ นในการมองไปในโลกกว้างครับ ว่าสำหรับปีนี้ที่ย่ำแย่อยู่แล้ ว ปีหน้าน่าจะเป็นอย่างไร
ก็ต้องมองทั้งในแง่เศรษฐกิ จและสังคมละครับ
เป็นความหวังว่าปีหน้าเศรษฐกิ จโลกจะดีขึ้น แต่มองไปโดยรวมแล้วยากมากครับ
โดยเฉพาะในชาติที่มีเศรษฐกิ จขนาดใหญ่ เช่นสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งแย่งกันเป็นผู้นำโลกอยู่อย่ างไม่หยุดไม่หย่อน
โดยสหรัฐทำท่าจะสู้จีนไม่ได้ ในการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยจีนใช้นโยบาย”หนึ่งแถบหนึ่ งถนน”รุกไปทั่วโลก แม้แต่ในละตินอเมริกาที่ไปเริ่ มแล้วในอาร์เจนตินา โดยมีชาติอื่นๆ ตามมา
สร้างความวิตกกับสหรัฐ ที่หลังสุด“โดนัลด์ ทรัมพ์”ประกาศทั้งๆ ที่ยังไม่ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ว่า จะเข้ายึด“คลองปานามา”กลับมาไว้ ในความดูแล
ทั้งนี้ หลังจากจีนขยับขยาย“หนึ่งแถบหนึ่ งถนน”ไปทั่วทั้งเอเชีย อาฟริกาและยุโรป
แม้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตช้ าลงเพราะแนวโน้มการบริโภคที่ ลดลงและจากการลดการลงทุนจากต่ างชาติก็จริง
แต่ในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจจีนจะเข้มแข็งกว่าสหรั ฐ ทั้งนี้เพราะจีนมีประชากรมากกว่ าสหรัฐถึงสี่เท่าตัว (สหรัฐมีประชากรกว่า ๓๐๐ ล้าน)
การเติบใหญ่ของจีนเช่นนี้ สร้างความกังวลต่อสหรัฐ ซึ่งในยุคของ”ทรัมพ์”ที่กำลั งจะมาถึงนั้น เพื่อสนองนโยบาย America First สหรัฐจะมุ่งเน้นการปกป้ องผลประโยชน์ของคนอเมริกัน การสร้างกำแพงภาษีนำเข้า
ซึ่งต้องเกิดสงครามเศรษฐกิ จการค้า กับจีนอย่างแน่นอนและจะกระทบถึ งโลก รวมทั้งส่งผลต่อไปไทยด้วย เพราะไทยได้เปรียบดุลการค้ากั บสหรัฐมาก สหรัฐก็ต้องหาทาง“จัดการ”กั บไทย
ก็จะต้องดูกันต่อไปว่า ไทยเราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ที่จะไม่กระทบต่อการส่ งออกของเรามากจนเกินเหตุ
ในแง่สังคมนั้น ภาวะสงครามที่เกิดขึ้นทั่วโลกยั งคงบ่อนทำลายความมั่ นคงและเศรษฐกิจของชาติต่างๆ โดยทั่วไปครับ
โดยเฉพาะสงครามยู เครนและสงครามตะวันออกกลาง( เน้นที่สงครามกาซา)ที่ยังไม่ จบลงง่ายๆ ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานที่ แพงขึ้นๆไปไม่หยุด
สงครามยูเครน ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียหดตัวลง ทั้งในแง่รายได้และกำลังซื้อใช้ ที่อ่อนตัว
ซึ่งทำให้ชาติต่างๆ ที่ผลิตพลังงานออกขายเช่น ตะวันออกกลาง ออสเตรเลียและแคนาดาร่ำรวยขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาติเล็กๆ ที่ต้องพึ่งพาพลังงานต่างชาติ รวมทั้งไทยก็ต้องเดือดร้อนตาม
โดยคนไทยเรา ต้องเดือดร้อนซ้ำซ้อนจากภาวะข้ าวของ”แพงทั้งแผ่นดิน”ทั้งนี้ก็ เพราะราคาน้ำมันไทย ไปอิงราคาสิงคโปร์นั่นแหละครับ เชื้อเพลิงทุกชนิดและการขนส่งจึ งแพงไปด้วย
แม้เราจะผลิตน้ำมันดิบและก๊ าซธรรมชาติได้เอง
และที่คนไทยเดือดร้อนนั้นเหตุ ผลเกิดจากนักการเมืองและกลุ่มทุ น ร่วมกันผูกขาดอุตสาหกรรมปิ โตรเลียมของไทยมาตลอด แต่แรกครับ
เวลานี้ รัฐบาลโดยรัฐมนตรีพลังงาน(“พี ระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”)พยายามแก้ไขปั ญหาราคาพลังงานอยู่ ด้วยวิธีการต่างๆ แต่กลับสร้างความไม่พอใจต่อ”ทั กษิณ”ออกมาขู่เชิงขับไล่
แต่พรรคเพื่อไทยแกนนำรั ฐบาลผสมก็ไม่เอาด้วยกับ“พีระพั นธุ์”แถมยังเดินหน้า หมายแอบขายแหล่งพลังงานใต้ทะเล ทั้งๆที่ผิดกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุ นด้วยกันครับ
คาดว่าปีหน้า เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นร้อน ที่อาจเกิดลุกฮือขึ้นต่อต้ านนโยบายของรัฐบาลได้ด้วย
มองกลับเข้าในเมืองไทย ปีใหม่นี้ ต่อกรณี“ทักษิณ”แถลงว่ารัฐบาลซึ่ งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตถึง ๕ เปอร์เซ็นต์
ซึ่งแม้เป็นไปได้ตามที่“ทักษิณ” ว่า (จะด้วยวิธีใดนั้นผมยังมองไม่ เห็น)
แต่ก็ใคร่ถามว่า ประชาชนหรือกลุ่มทุน จะได้ประโยชน์จากตรงนั้นครับ
ยังจะแก่ไขปัญหา“แพงทั้งแผ่นดิ น”ได้ไหมครับท่าน
หากจะแก้ ก็ต้องแก้ตรงปัญหาหลัก คือต้องลดราคาพลังงานลงมาเป็ นเรื่องแรกๆใช่ไหมเล่าครับ
ถ้าค่าพลังงานไม่ลด ปัญหาความยากจนข้นแค้น ก็จะไม่บรรเทาลงได้
แม้จะได้รับ ๑๐,๐๐๐ บาทซ้ำอีก ก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก แค่เอาไปใช่หนี้ ก็หมดแล้ว
สวัสดีปีใหม่ครับ
Facebook Comments