jos55 instaslot88 Pusat Togel Online บทเรียนจากการสอบ”ทรัมพ์”ฐานทำลายประชาธิปไตย - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

บทเรียนจากการสอบ”ทรัมพ์”ฐานทำลายประชาธิปไตย

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

บทเรียนจากการสอบ”ทรัมพ์”ฐานทำลายประชาธิปไตย

 

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ“โดนัลด์ ทรัมพ์”ในตอนนี้ โดนวิบากกรรมไล่ล่าอยู่สองเรื่องคือ “หลีกเลี่ยงเสียภาษี”กับ”พยายามโกงเลือกตั้ง”ในการช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ครั้งที่ผ่านมา (๓ พฤศจิกายน ๒๐๒๐)

หากพิสูจน์ได้ในที่สุด ตามกฎหมายว่าผิด “ทรัมพ์”ก็จะต้องเจอบทลงโทษแน่

ไม่มีทางรอดไปได้

วันนี้ จะหยิบยกเอาเฉพาะเรื่อง”พยายามโกงเลือกตั้ง”มานำเสนอครับ ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร

ล่าสุด เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๐๒๒ คณะกรรมมาธิการพิเศษที่เรียกว่า Select Committee ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เปิดรับฟังคำให้การครั้งที่ ๔ (หลังตั้งกรรมาธิการมาเกือบจะครบปี) ในการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อเนื่อง ว่ากรณีกลุ่มฝูงชนบ้าคลั่งผู้สนับสนุน”ทรัมพ์”บุกเข้ายึดและทำลายทรัพย์สินตึกที่ทำการรัฐสภาสหรัฐ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี  เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๐๒๑ (มีผลต่อเนื่องทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยห้าคน) เพื่อขัดขวาง ส.ส. มิให้ลงมติรับรองชัยชนะของ”โจ ไบเดน”นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

โดยคณะกรรมาธิการดังกล่าว(ทำหน้าที่เสมือน”อัยการ”)ตั้งข้อหา”ทรัมพ์”อย่างรุนแรงฐาน “พยายามก่อรัฐประหาร”

เที่ยวนี้ มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการเลือกตั้ง จากรัฐแอริโซนาและรัฐจอร์เจียถูกเรียกตัวไปสาบานตนและให้ปากคำ ครับ

ทำให้รู้ว่า กลุ่มผู้สนับสนุน”ทรัมพ์”คุกคามเจ้าหน้าที่และครอบครัวอย่างไร เมื่อพวกเขายืนกรานปฏิเสธที่จะ  ”เพิกถอน”หรือ”ยกเลิก”ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ที่ทำให้”ทรัมพ์”พ่ายแพ้ให้แก่”โจ ไบเดน”ในรัฐทั้งสอง

“การคุกคาม ยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้” ประธานที่ประชุมสภาแห่งรัฐแอริโซนา”รัสตี โบเวอร์ส”แถลงยืนยัน ในการให้การต่อคณะกรรมาธิการ

“เราได้รับ …๒๐,๐๐๐ ข้อความทางอีเมล์ ข้อความเสียงและอื่นๆอีกหลายหมื่น ท่วมท้นเสียจน พวกเราไม่สามารถทำงานได้ อย่างน้อยก็ในการสื่อสาร”

เหล่านี้ ล้วนเป็นข้อความคุกคาม หรือหมิ่นประมาท ในขณะที่ตัวเขาเอง(รัสตี โบเวอร์ส)ถูกกลุ่มคนตามไปประท้วงถึงบ้าน ทำให้ชื่อเสียงเขาแปดเปื้อน โดยพยายามกล่าวหาเขาว่าเป็นพวก”ตุ๋ยเด็ก”(ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก)

“รัสตี โบเวอร์ส”(เคยช่วย”ทรัมพ์”รณรงค์หาเสียง)เปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการว่า ทนายส่วนตัวของ”ทรัมพ์”คือ”รูดี จิอูลิอานี”ได้พูดเปรยๆกับเขาว่า “มีหลายทฤษฎีที่ทำให้พ่ายแพ้ เพียงแต่เราขาดหลักฐานเท่านั้น”

ตีความได้ว่า “จิอูลิอานี”พยายามชี้ชวนให้เขาช่วย “หาหลักฐาน” มายกเลิกความพ่ายแพ้ของ”ทรัมพ์” แต่เขาไม่เล่นด้วย

อีกสองรายที่ให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการคือ “เชย์ มอสส์”และมารดาของเธอ “รูบี ฟรีแมน”ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่เลือกตั้งในเขต”ฟูลตัน เคาน์ตี้” รัฐจอร์เจีย

สองคนนี้ ตกเป็นเป้าคุกคามตามคำบอกเล่าด้วย”ทฤษฎีสมคบคิด”ดังนี้ ครับ

“มอสส์”บอกว่า”ทรัมพ์”ประณามเธอและมารดา ว่าเป็น”นักหลอกลวง-กะหรี่” (มีหลักฐานคือเสียงที่บันทึกไว้) ฐานที่ไปหลอกชาวบ้าน ให้ช่วยพรรคเดโมแครต

“เสียหมด ชื่อเสียงดิฉัน แล้วก็รู้สึกไม่ปลอดภัยด้วย” นาง”ฟรีแมน”ผู้มารดาให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการผ่านวีดิโอ

”มอสส์”ให้การต่อว่า “หลายคำขู่ แช่งให้ดิฉันตายไปซะ นั่นคือการคุกคาม ที่มาพร้อมการแบ่งแยกผิวสี ซึ่งส่งให้ชีวิตดิฉันตกต่ำ”

“ดิฉันไม่ให้นามบัตรใครอีกแล้ว ไม่อยากให้ใครรู้จักชื่อ”

เธอบอกว่า ไม่อยากออกไปไหน แม้แต่ซูเปอร์มาร์เกต เลยทำให้น้ำหนักเพิ่ม ๒๗ กิโลกรัม

“มอสส์”เล่าว่ากลุ่มนิยม”ทรัมพ์”พากันยกขบวน ไปยังบ้านมารดาของเธอ หวังใช้ระบบ”ศาลเตี้ย”จัดการ

ในโอกาสนี้ คณะกรรมาธิการ ยังได้ฟังคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกัน(ที่”ทรัพ์”สังกัด)แห่งรัฐจอร์เจียด้วยว่า ประสบความยากลำบากมาก ในการขจัดการหลอกลวง

“เหมือนเอาโพงวิดน้ำออกจากมหาสมุทร เพื่อทำให้แห้ง”

“ในคดีความกล่าวหาว่า มีการสวมชื่อคนตายไปลงคะแนนถึง ๑๐,๓๑๕ ชื่อ แต่เมื่อตรวจสอบจริงๆ แล้ว ก็มีแค่เพียงสี่ชื่อเท่านั้น” “แบรด รัฟเฟนสเปอร์เกอร์” มนตรีแห่งรัฐ ของรัฐจอร์เจีย ซึ่งถูก”ทรัมพ์”กดดันให้เสาะหาคะแนนเสียงเพิ่ม เพื่อทำให้ชนะ กล่าวในการให้ปากคำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ การให้ปากคำ เพื่อแสวงหาหลักฐานของฝ่ายกล่าวหาและฝ่ายแก้ต่างครั้งนี้ ก็นับว่าเสมอภาพกัน

การสอบปากคำทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อจะเอาผิด”ทรัมพ์” หมายจรรโลงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ตามหลักการประชาธิปไตยสหรัฐ ซึ่งจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าไร ครอบคลุมแค่ไหนนั้น

คงอยู่ที่วิจารณญานของคณะกรรมาธิการ

เท่าที่หยิบยกเรื่องนี้มาเขียน ก็ด้วยหวังว่า จะเป็นตัวอย่างที่ดี ถึงการตรวจสอบการคานอำนาจ อย่างโปร่งใส ต่อผู้ที่สนใจศึกษาระบอบประชาธิปไตยเสรี

โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ชอบใช้วิธีข่มขู่ เรียกร้องความเป็นเสรีอิสระ ด้วยการคุกคามสถาบันกษัตริย์ เพราะคิดเอาเองว่า เป็นอุปสรรคเกะกะขวางทาง

ขนาดพรรคประชาชนกัมพูชา(“ฮุนเซน”เป็นหัวหน้าพรรค) ซึ่งผันแปรมาจากพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา เขายังต้องรักษาสถาบันไว้เลย เพราะตระหนักว่า เป็นหลักเป็นประธานแห่งสามัคคีธรรมภายในชาติ

ขอให้สำนึกว่า การเป็นประชาธิปไตยนั้น ไม่ใช่การตะบี้ตะบัน เรียกร้องอิสระเสรีภาพ เพียงเท่านั้น

แต่ต้องฟังเสียง ฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วย

เพียงแต่ประชาธิปไตยเรา ยังต้องเรียนรู้ แก้ไขและปรับปรุงอีกมาก โดยค่อยๆ แซะรัฐบาลที่หวังยืดอำนาจ รัฐบาลใดจริงใจต่อประชาธิปไตย เราต้องหนุน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า  ไม่จริงใจ ก็ค่อยๆ แซะไป

ซึ่งต่อๆไป เราก็ต้องปรับปรุงฝ่ายนิติบัญญัติของเรา ให้สามารถคานอำนาจกับฝ่ายบริหาร แต่ต้องใช้เวลาและหาโอกาส

จึงต้องใจเย็นเข้าไว้ อย่าเอาแต่ฟาดหัวฟาดหาง

“หักพร้าด้วยเข่า”เมื่อไรก็ป่วน

สุ่มเสี่ยงต่อการ”สิ้นชาติ”เมื่อนั้น

ปล. ขอขอบคุณ สำนักข่าว บีบีซี ที่ได้อาศัยเรื่อง Capitol riot hearing: Vote workers detail death threats เอามาเป็นหลัก ในการเขียนครั้งนี้ ครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *