jos55 instaslot88 Pusat Togel Online “คิม จอง อึน”คงอยากเจรจากับ”โจ ไบเดน” - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

“คิม จอง อึน”คงอยากเจรจากับ”โจ ไบเดน”

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

“คิม จอง อึน”คงอยากเจรจากับ”โจ ไบเดน”

สำนักข่าว”เคซีเอ็นเอ”ของเกาหลีเหนือแพร่ภาพข่าวการยิงทดสอบขีปนาวุธจากเรือใต้น้ำ(SLBM)เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคมที่ผ่านมานี้ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ นำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อสร้างความสนใจให้เกิดกับชาวโลก อีกแล้วละครับ

SLBM หรือ Submarine-launched ballistic missile นี่คืออาวุธปล่อย(จากเรือใต้น้ำ)ที่สามารถบังคับทิศทางสู่เป้าหมายได้ ซึ่งนับว่าร้ายแรงมาก

ถ้าถามผมว่า น่าตื่นเต้นไหม

โดยส่วนตัว ขอตอบว่า ไม่ตื่นเต้นอะไรครับ เพาะไทยไม่ได้เป็นคู่แข่งขัน หรือ”ข้าศึก”ของเกาหลีเหนือ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ หลังจากที่ดูจะเงียบหายไปพักหนึ่ง ทั้งก่อนหน้าและหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๐๒๐)ซึ่งปรากฏว่า “โดนัลด์ ทรัมพ์”ตกกระป๋อง “โจ ไบเดน”ขึ้นแทนที่

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๐๒๑ เกาหลีเหนือก็ได้ทดลองขีปนาวุธเร็วเหนือเสียง ที่เรียกว่า Hwasong-8 ไปครั้งหนึ่งแล้ว

หมายความว่า หากใช้ขีปความเร็วกว่าเสียงชนิดนี้โจมตี ก็ยากจะยิงสกัดเอาไว้ได้

ก่อนหน้านั้น (ราวต้นปีที่ผ่านมา) ท่านผู้นำโสมแดง”คิม จอง อึน”เคยแถลงเอาไว้ว่า ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ว่านี้ สามารถติดหัวรบชนิด”ร่อน”และ”เลือกเป้า”ได้ด้วยนะ

ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่เพียงไร แต่ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน ไม่ค่อยจะเชื่อน้ำยา”คิม”เท่าใดนัก เพราะขีปนาวุธที่ดีมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องใช้เวลาพัฒนานานมากหลายปี กว่าจะใช้งานได้อย่างแม่นยำจริงๆ

แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เกาหลีเหนือพัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง มาเพียงไม่กี่ปีนี่เอง

แต่กระนั้น เกาหลีเหนือ ก็สามารถคุกคาม ก่อกวนและยั่วเย้า ความรู้สึกของสหรัฐ ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดมา

ข้อสังเกตก็คือ ทั้งหมดที่เกาหลีเหนือกระทำไป ด้วยการทดลองอาวุธต่างๆ ในการสำแดงความก้าวหน้านั้น ก็เพื่อหวังได้เจรจาต้าอ่วยกับสหรัฐมากกว่า

เมื่อเห็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ “โจ ไบเดน”ทำเป็นไม่สนใจที่จะ สานงานต่อจาก”โดนัลด์ ทรัมพ์”ก็ยิ่งดิ้นรน สำแดงความเก่งกล้าให้ปรากฏ ชัดเจนขึ้นทุกทีๆ

คงจะจำกันไม่ได้นะครับว่า ผลการประชุมที่มีการลงนามกันในการเจรจาระหว่าง”ทรัมพ์”กับ”คิม”ในปี ๒๐๑๘ ที่สิงคโปร์นั้น ระบุไว้อย่างไร

จึงขอทบทวนความจำให้ ดังนี้ครับ

๑.สหรัฐและสาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลีตกลงที่จะสถาปนาความสัมพันธ์กันใหม่ ตามเจตนารมณ์ของประชาชนสองฝ่าย อันจะนำไปสู่สันติภาพและความมั่งคั่ง

๒.สหรัฐและสาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลีจะร่วมกันในความพยายามสร้างระบบการปกครองอันยั่งยืนและมั่นคงขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี

๓.ยืนยันตามประกาศปันมุนจอมเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๐๑๘ ว่าสาธารณรัฐประชาชนประชาธิไตยเกาหลีจะเดินหน้าต่อเพื่อยุติการสร้างอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ บนคาบสมุทรเกาหลี

๔.สหรัฐและสาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลีตกลงที่จะค้นหาซากศพเชลยศึกและผู้สูญหายในสงครามและพร้อมส่งคืนกลับในทันทีที่พิสูจน์ทราบ

แต่การณ์กลับปรากฏว่า ในบางข้อ เกาหลีเหนือหาได้ปฏิบัติตามที่ได้ลงนามไม่ โดยเฉพาะในข้อที่ ๓ ซึ่งยังคงมีการทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชนิดที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ ส่อเจตนาว่า ยังไม่คิดที่จะเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ตามคำมั่นสัญญา

แต่กลับยืนกรานว่า ที่กระทำไปนั้น เพียงเพื่อใช้ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ สหรัฐทำอย่างไร ในขณะที่ทางทำเนียบขาวกำลังว้าวุ่นหนัก กับภาระหน้าที่ ในความพยายามลดการแพร่ระบาดของโรค”โควิด 19” เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่ง ไม่ยอมร่วมมือ ในมาตรการต่างๆ ที่ออกมาสกัด

ถึงกับหลายแห่ง มีการประท้วงมาตรการสวมหน้ากากป้องกัน  ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ โดยประท้วงกันต่อเนื่องมา ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ยอดการติดเชื้อรายใหม่ๆ ไม่ลดลงง่ายๆ

ท่าทีของเกาหลีเหนือที่ไม่ยอมหยุดพัฒนาขีปนาวุธดังกล่าว ทำให้ชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐและสหราชอาณาจักรเริ่มเคลื่อนไหว ในสหประชาติอีกครั้ง ในเร็ววันนี้ เพื่อนำหารือในคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการลับว่า เป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือไม่

หรืออาจพิจารณาในประเด็นอื่นใด นอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังไม่ปรากฏชัด

ใคร่ขอย้ำว่า ท่าทีของเกาหลีเหนือในขณะนี้ เป็นไปได้ว่า ต้องการให้”โจ ไบเดน”สนใจ หันกลับมาเจรจาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหลักๆ ของเกาหลีคือปัญาความอดอยากขาดแคลนและการผ่อนคลายมาตรการแซงค์ชั่น ซึ่งเป็นเรื่องเก่าๆ

ไม่เช่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์อย่าง”โรเบอร์ต เคลลี”แห่งมหาวิทยาลัยปูซานในเกาหลีใต้ คงไม่พูดว่า “เกาหลีเหนืออาจมองหาสิ่งอื่นๆ จากสหรัฐเพิ่ม”

อ่านเกมได้ว่า น่าจะเป็นลูกไม้เดิมๆ ที่”คิม จอง อึน”อยากจะขอให้”โจ ไบเดน”ช่วย ในยามยากอีกก็ได้ ครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *