ไทยจะเละแบบศรีลังกาหรือไม่
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
ไทยจะเละแบบศรีลังกาหรือไม่
บางชาติพินาศไปแล้วละครับ คือไม่แค่เละแบบธรรมดา ชาติที่ว่าก็คือ“ยูเครน”ที่พยายามกัดฟันสู้การรุกรานของรัสเซียจนทุกวันนี้
เพราะรัฐบาลยูเครน ไม่ยอมแพ้ หรือถอดใจยอมจำนนให้เสียศักดิ์ศรี ทหารยูเครนจึงต้องสู้ตายอย่างกล้าหาญ
ที่น่าสงสาร น่าสมเพทเวทนา ก็คือพลเรือน ที่ต้องตายตามไปด้วย เพราะการโจมตีโดยไม่แยกแยะเป้าทำลายของรัสเซีย จนน่าจะถูกดำเนินคดีฐานก่ออาชญกรรมสงคราม เพราะมีชาวบ้านตายนับเป็นหมื่นๆ(ข่าว”อัลญะซีรา”) สงคราม ไม่ปราณีใคร เมื่อตั้งใจทำลายแล้ว ต้องทำลายให้จนถึงที่สุด
แต่ชาติที่กำลังเละเทะตอนนี้ชัด ๆ โดยไม่เกิดสงคราม ก็คือศรีลังกา ที่ถูกปัญหาต่างๆ มะรุมมะตุ้ม รัฐบาลกุมสภาพเอาไว้ไม่อยู่
ประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาล ถึงกับปะทะกับเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรีพากันยกกระบวนลาออก เพราะเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงต่อเนื่อง มานานหลายเดือนแล้ว ที่ย่ำแย่มากก็คือขาดแคลนเชื้อเพลิง ต้องปิดจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นระยะๆ เพื่อประหยัดพลังงาน ชาวบ้านต้องเข้าแถวรอซื้อน้ำมันก๊าดกัน ในเขตเมืองหลวง
เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค ข้าวของแพงขึ้นราคา ชนิดจรดไม่ลง
หลังสุดรัฐบาล ประกาศระงับชำระหนี้ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว มูลค่า ๔,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมหนี้พันธบัตรรัฐบาล ๑,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐกำหนดไถ่ถอนได้ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้)ในขณะที่รัฐบาลมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่แค่เพียง ๑.๙๓ ล้านสหรัฐเท่านั้น
รัฐบาลศรีลังกาแถลงผ่านธนาคารกลาง ให้คำมั่นสัญญาไว้อย่างมั่นใจว่า เป็นการกระทำเพียงชั่วคราวจริงๆ และกระทำ เพื่อสำรองเงินไว้ เพื่อนำเข้าสินค้าที่จำเป็น
ส่วนหนทางแก้ไขนั้น ก็ต้องหาเงินกู้ จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ ไอเอ็มเอฟ ซึ่งคาดว่าจะลงมือเจรจาเงื่อนไขกันในสัปดาห์หน้า มุ่งหมายนำเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติให้จงได้
คาดว่าในการนี้ศรีลังกา ต้องปรับสภาพโครงสร้างทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นหลายด้าน เพื่อประกันว่าสภาวะเศรษฐกิจจะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้จริงๆ
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ศรีลังกาต้องตกอยู่สภาวะล้มละลาย ทางเศรษฐกิจเช่นนี้
ทางการศรีลังกาออกข่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ศรีลังกาต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะสองเรื่องใหญ่ ๆ คือ การแพร่ระบาดของ”โควิด 19”และสงครามยูเครน
แต่นั่นเป็นเพียงสาเหตุ ส่วนประกอบเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้น ชาติอื่นๆ ในโลก ก็ต้องพลอยผิดนัดการชำระหนี้ต่างประเทศกันทั้งหมดน่ะสิ
ประเด็นสำคัญก็คือรัฐบาลบริหารประเทศไม่เป็นท่า หรือจะว่ากันตรงๆ ก็คือ บริหารไม่เป็น
นี่เป็นประเด็นที่น่ากลัวมาก ซึ่งชาติต่างๆ สมควรจะเรียนรู้ ว่าจงอย่าเลือกเอาคนไร้ความรู้ความสามารถขึ้นบริหารประเทศเด็ดขาด ไม่ว่าจะในระบอบประชาธิปไตยหรือเผด็จการ
เพราะการเล่นพรรคเล่นพวกและการฉ้อราษฎร์บังหลวง คือหนทางแห่งความพินาศย่อยยับ
รัฐบาลศรีลังกาในปัจจุบัน นำประธานาธิบดี”โกฐอภัย ราชปักษา”(วัย ๗๒ ปี)ซึ่งเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐ หัวหน้าคณะรัฐบาลและผู้บัญชาการกองทัพ โดย มาจากการเลือกตั้งโดยตรงและดำรงตำแหน่งคราวละห้าปี ใช้อำนาจการบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรี”มหินทรา ราชปักษา”(๗๖ ปี)พี่ชาย
ในตำราวิชาว่า การเมืองระบุว่า ระบอบประชาธิปไตยของศรีลังกานั้นเข้าข่าย Flawed democracy หรือประชาธิปไตยบกพร่อง เพราะยังคงมีระบบการเล่นพรรคเล่นพวก อย่างเข้มข้น
ยกตัวอย่างรัฐบาลศรีลังกา ก่อนยกขบวนลาออก มีคนในตระกูล”ราชปักษา”เป็นรัฐมนตรีอีกสามคน รวมเป็นห้าตำแหน่ง หากนับเอาตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีเข้าไว้ด้วย
แต่การชุมนุมไล่ประธานาธิบดีไม่เป็นผล เพราะ”โกฐอภัย”ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้
นอกจากนั้น ความไม่ต่อเนื่องในการบริหารและการเมือง ก็เป็นสาเหตุที่นำความหายนะมาสู่ชาติ เมื่อแต่ละรัฐบาลต่างพรรค ยกเลิกโครงการใหญ่ของรัฐบาลก่อนหน้า โดยไม่พยายามสานต่อ เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึก “ฮัมบันโตตา”ที่กู้เงินจีนมาสร้างแล้วทำต่อไม่สำเร็จ
จนในที่สุด ก็”ติดกับดักหนี้สินจีน” ต้องยอมให้จีนได้กรรมสิทธิ์การบริหารด้วยการให้เช่าที่ ๙๙ ปีทำธุรกิจท่าเรือ จากศรีลังกา
ถามว่า ประเทศไทยมีโอกาส เผชิญกับภาวะข้าวยากหมากแพง จนเกิดจลาจล และขับไล่รัฐบาลหรือไม่ เพราะเราก็เจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจาก”โควิด 19”และ”สงครามยูเครน” จนต้องแจกเงินฟรีไปหลายครั้งแล้ว ตามนโยบายประชานิยม
ผมเองตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เอาเลย
ยังไง ๆ วาน”ท่านผู้รู้” ช่วยออกมาไขปัญหานี้ ให้ชาวบ้านอย่างพวกผม ได้รับทราบให้หายข้องใจ หน่อยเถิด
ขอบคุณครับ