ก่อนขุดคลองไทยให้ศึกษาคลองปานามา และคลองสุเอซ

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
ก่อนขุดคลองไทยให้ศึกษาคลองปานามา และคลองสุเอซ
ที่พูดถึงการศึกษาคลองปานามา และคลองสุเอซ มิได้หมายความถึงปัญหาทางเทคนิคในการขุดคลอง เพราะการขุดคลองไทยนั้น ไม่ว่าจะเอาแนวไหนมันจิ๊บจ้อยมาก เมื่อเทียบกับคลองทั้ง 2 แต่ที่อยากให้ศึกษาผลกระทบทางด้านยุทธศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์เอาไว้ตลอดจนผลกระทบด้านอื่นๆก่อนตัดสินใจ เพราะเวลานี้กำลังมีขบวนการเข้าไปล็อบบี้ ขุนทหารระดับบิ๊กๆเพื่อผลักดันให้มีการขุดคลองไทย
ขอเริ่มจากการเรียนรู้จากคลองปานามาก่อน คลองานามาเป็นคลองเดินเรือสมุทรความยาว 77 กิโลเมตร สร้างขึ้นบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา ซึ่งถือว่าเป็นประเทศใต้สุดของทวีปอเมริกาเหนือ หรือบางทีก็จัดว่าเป็นประเทศอเมริกากลาง คลองนี้เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิก กับ มหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรก และแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้คิดเป็นระยะทางกว่า 22,500 กิโลเมตร
เมื่อเปิดใช้ก็ได้มีการทำสัญญากันโดยสหรัฐฯเป็นผู้ควบคุมการบริหารคลองและพื้นที่ชายคลองทั้งหมดตลอดแนว โดยมีกำลังทหารสหรัฐฯคอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดแนว และมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ทั้งนี้เพราะสหรัฐฯสนับสนุนปานามาให้แยกตัวเป็นรัฐอิสระจากโคลัมเบีย จึงถือว่ามีบุญคุณต่อประเทศปานามา สนธิสัญญาการเช่าคลองจึงมีลักษณะที่เอารัดเอาเปรียบ และรุกล้ำอธิปไตยของปานามาอย่างมาก
ในระบบต่อมาสหรัฐฯก็เริ่มมองหาผู้นำคนใหม่ ที่จะสามารถพูดคุยได้ง่าย จึงให้ CIA สนับสนุนเด็กปั้นขึ้นมาเป็นผู้นำ ดังนั้นในปีค.ศ.1983 โดยการสนับสนุนของ CIA นายพลนอริเอก้า จึงขึ้นมาครองอำนาจ แต่นายพลคนนี้มีความคิดบรรเจิดในการหารายได้ให้ตัวเอง ด้วยการส่งเสริมการค้าขายที่ผิดกฎหมายทั้งปวง รวมทั้งการค้ายาเสพติด โดยเป็นตัวกลางส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และตลาดใหญ่ก็อยู่ที่ไมอามีสหรัฐนั่นเอง นอกจากนี้นอริเอก้ายังทำให้ปานามาเป็นแหล่งซ่องสุม และฝึกอาวุธให้สหรัฐฯในการส่งกองกำลังไปรุกรานเพื่อนบ้านตามนโยบายของสหรัฐฯ แม้แต่การส่งกองกำลังไปช่วยฝ่ายต่อต้านรัสเซียในอาฟกานิสถาน ซึ่งทำให้นอริเอก้าได้เงินพิเศษเข้ากระเป๋าตนเองอีกทางหนึ่ง ที่น่าทึ่งคือ นอริเอก้าทำตัวเป็นนกสองหัวคอยขายข่าวให้กับคู่กัดในสงครามเย็นคือ ค่ายสหรัฐฯ และค่ายรัสเซีย-จีน และหันไปค้าขายกับจีนในธุรกิจผิดกฎหมาย
ทั้งนี้รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จีนต้องการมาก แต่สหรัฐฯถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามสูงสุด
ปานามาในช่วง ค.ศ.1985 ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารของนอริเอก้า จึงเต็มไปด้วยการทำธุรกิจผิดกฎหมาย และการกดขี่ประชาชน มีการใช้อำนาจข่มขู่ ลอบสังหารและอุ้มฆ่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ทำให้ประชาชนเพิ่มความไม่พอใจมากขึ้น เพราะนอกจากจะกดขี่ข่มเหงประชาชน และมีการแพร่ระบาดของการคอร์รัปชั่นจากงบประมาณแผ่นดิน ตลอดจนรายได้จากการให้สัมปทานแก่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก แต่ประเทศทรุดโทรมไม่ได้รับการทำนุบำรุงเท่าที่ควร เกิดการรวยกระจุกในหมู่ขุนทหารที่แวดล้อมผู้นำ และนายทุนชาติขนาดใหญ่ ที่มีทั้งค้าขายโดยปกติกับค้าขายธุรกิจ ผิดกฎหมายภายใต้การคุ้มครองของนอรริเอก้า
ในที่สุดสหรัฐฯโดยฝ่ายการเมืองก็ทำการสั่งการให้ CIA ดำเนินการเพื่อให้นอริเอก้าพ้นจากอำนาจ โดยให้ลี้ภัยไปอยู่ที่อื่น และจัดให้มีการเลือกตั้ง ในขณะที่ประชาชนและสื่อในสหรัฐฯเริ่มตั้งคำถามต่อรัฐบาลมากขึ้น โดยเฉพาะการพัวพันของนอริเอก้ากับยาเสพติดที่แพร่ระบาดในสหรัฐฯ
เมื่อสหรัฐฯกดดันมากๆ นอริเอก้าก็เริ่มแผลงฤทธิ์ด้วยการก่อม็อบที่ตนเองจัดตั้งเล่นงานธุรกิจของสหรัฐฯ ตลอดจนคุกคามว่าจะส่งกำลังทหารเข้ายึดคลองปานามาคืน
มาถึงจุดนี้รัฐบาลสหรัฐฯเห็นว่าจะรอต่อไปไม่ไหวแล้วจึงส่งกองทหารทั้งบก เรือ อากาศ และหน่วยจู่โจมบุกเข้าปานามาและจับนอริเอก้ามาขังคุกในสหรัฐฯด้วยข้อหาการค้ายาเสพติด โดยประธานาธิบดีบุช เป็นผู้สั่งการ
ปัจจุบันคลองปานามาอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลปานามา และมีรายได้มหาศาลเข้าประเทศ แต่องค์กรภาคประชาชนต้องการให้มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และกระจายรายได้นี้ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างสูงสุด
อย่างไรก็ตามแม้สหรัฐฯจะมิได้บริหารคลองปานามา และไม่มีกำลังทหารตามแนวชายคลองแล้วก็ตาม แต่สหรัฐฯถือว่าคลองปานามาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯ นอกเหนือจากการเป็นเส้นทางขนส่งที่เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจ ดังนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้น อันจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของคลองสหรัฐฯย่อมจะเคลื่อนกำลังทหารเข้าไปเพื่อปกป้องและครอบครองได้ภายใน 24 ชม.
อีกคลองหนึ่งที่มีความสำคัญ ทั้งทางยุทธศาสตร์ และภูมิศาสตร์ คือ คลองสุเอซ คลองนี้ดำเนินการขุดโดยนายช่าง ชาวฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาได้ไปเป็นผู้นำในการจุดคลองปานามา แต่ไม่สำเร็จ เพราะแพ้ไข้มาลาเรียที่ระบาดมากในปานามา คลองสุเอซ มีความยาวทั้งสิ้นถึง 193 กิโลเมตร และคลองนี้มีความสำคัญที่ทำให้การเดินเรือจากทวีปยุโรปไปยังทวีปเอเชียสั้นลงอย่างมาก เพราะไม่ต้องไปอ้อมทวีปอาฟริกาทั้งทวีป โดยผ่านแหลมกู้ดโฮป
ดังนั้นมหาอำนาจในยุโรป คือ อังกฤษ และฝรั่งเศส จึงถือว่าเป็นเส้นทางสำคัญ ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์และในแง่การขนส่ง ซึ่งมีผลประโยชน์อย่างมากต่อการที่ยุโรปจะส่งสินค้ามาขาย และขนวัตถุดิบกลับจากเอเชียที่สำคัญทั้งอังกฤษ และฝรั่งเศสมีเมืองขึ้น และผลประโยชน์อยู่มากในเอเชีย จึงถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างยิ่งยวด
ต่อมาเมื่อประธานาธิบดีนัสเซอร์ ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศอียิปต์ก็ได้มีการปลุกระดม เรื่องความเป็นชาตินิยมของชนชาติอาหรับขึ้น เพราะมีความขัดแย้งในเรื่องการตั้งประเทศอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ ด้วยการสนับสนุนของมหาอำนาจตะวันตก คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และมีสหรัฐฯหนุนหลัง
จนในที่สุดนัสเซอร์ได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดคลองสุเอซ ซึ่งอังกฤษ และฝรั่งเศสยังมีสัมปทานอยู่ ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันทางทหารระหว่างกองทัพอียิปต์ ที่ท้าต่อกรกับกองทัพอิสราเอล อังกฤษ และฝรั่งเศส ทั้งนี้นัสเซอร์ได้สั่งให้จมเรือถึง 40 ลำเพื่อปิดกั้นการเดินเรือระหว่างทวีป จนในที่สุดสหรัฐฯและโซเวียดต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย และจัดตั้งกองกำลังสหประชาชาติ มารักษาสันติภาพตามแนวชายคลอง
จะเห็นได้ว่าคลองนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยุโรป จึงทำให้มหาอำนาจทั้งหลายให้ความสนใจและกังวลใจอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญต่อยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ
แม้ในปัจจุบันการผ่านเข้าออกคลองก็ยังเป็นจุดสำคัญหากเกิดสงครามอิหร่าน-สหรัฐ เพราะอิหร่านอาจส่งกองกำลังไปเยเมน เพื่อคอยถล่มกองเรือลำเลียงได้ที่ช่องแคบในทะเลแดงก่อนเข้าคลอง
จากเรื่องย่อของคลองทั้ง 2 ที่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์ และเป็นชนวนให้เกิดการคุกคามต่อประเทศเจ้าของคลอง เราจึงควรหันมาพิจารณาเรื่องคลองไทย ซึ่งปัจจุบันจะกลายเป็นทางออกสำคัญให้จีนได้เปิดเส้นทางลำเลียงออกสู่มหาสมุทรอินเดีย และเป็นการเสริมกำลังที่จีนได้ไปสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ศรีลังกา และที่ปากีสถาน ในขณะที่สหรัฐฯถอยไปตั้งแนวปิดล้อมที่ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และอินเดีย การขุดคลองไทยจึงจะเป็นจุดหนึ่งที่กลายเป็นจุดที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ 2 ขั้ว คือ สหรัฐฯ และจีน หากเกิดความขัดแย้งกันถึงขั้นมีการเผชิญหน้ากับทางทหารจุดนี้ก็จะกลายเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการโจมตี
ยิ่งไปกว่านั้นการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ฝั่งทะเลตะวันออกของไทย (EEC) ยังมีแผนจะสร้างเครือข่ายการขนส่งทางรถไฟลงไปทางใต้ เพื่อเชื่อมต่อกับมาเลเซีย อันมีเมืองมะละการิมฝั่งช่องแคบมะละกา ที่เป็นเส้นทางสำคัญในการเดินเรือจากยุโรปและตะวันออกกลางมาเอเชียตะวันออก ซึ่งรวมทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี
ดังนั้นจีนจึงให้ความสนใจทั้งการขยายฐานอุตสาหกรรมมาไทย และขยายเครือข่ายการขนส่งลงใต้ เพื่อออกมหาสมุทรอินเดียอีกทางหนึ่ง หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจากับพม่าในเรื่องท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย
จุดนี้จึงเป็นความสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการไปก่อให้เกิดความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์การทหาร อันเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดภัยสงครามหรือการรุกรานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่คลองปานามา และคลองสุเอซ
แม้คลองไทยจะมีระยะสั้น และย่นระยะเวลาเดินทางได้ประมาณ 3 วัน ค่าบริการก็คงเก็บแพงไม่ได้ แต่ความสำคัญอยู่ที่การกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ระหว่าง 2 มหาอำนาจ จะทำให้ไทยต้องมีความเสี่ยงมากขึ้น







