INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

อัลเบิรตสันส์ ยักษ์ใหญ่สีฟ้า

อัลเบิรตสันส์ ยักษ์ใหญ่สีฟ้า

กลุ่มธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกกลุ่มมีเรื่องราวต้นกำเนิดอย่างถ่อมตัว และ
อัลเบิรตสัน ไม่มีข้อยกเว้น การลุกขึ้นขึ้นของร้านเพียงแห่งเดียวภายใน
บอยส์ ไอดาโฮ ไปสู่ผู้นำของร้านขายของชำลูกโซ่ใหญ่ที่สุดภายในประเทศ เป็นเรื่องราวความกล้าหาญที่บันดาลใจของธุรกิจเสรี และความ
สำเร็จจากการเริ่มต้นอย่างถ่อมตัว มันเป็นเรื่องราวคลาสสิคของความฝัน
ชาวอเมริกัน เด็กชายจากเมืองเล็กทำดี เหน็ดเหนื่อยภายในความเป็นจริง
โจ อัลเบิรตสัน เกิดภายในโอคลาโฮมา แต่ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปไอดาโฮ เมื่อเขาเป็นเด็กอยู่
ร้านขายของชำอัลเบิรตสันแห่งเเรกไดู้กเปิดโดยโจ อัลเบิรตสัน ภายในบอยส์ ไอดาโฮ เมื่อ ค.ศ 1939 การโฆษณาภายในหนังสือพิมพ์ไอดาโฮ
สเตรทส์แมน ได้โน้มน้าวร้านแห่งแรกของอัลเบิรตสันเป็น “ร้านอาหารใหญ่ที่สุดเเละดีที่สุดของไอดาโฮ” มันได้สัญญาชั่วโมงที่สะดวก ที่จอดรถยนต์ฟรี ก ารรับประกันเงินคืน และเเม้แต่ร้านไอสครีม ร้านได้บรรลุความสำเร็จ อย่างมาก อัลเบิรตสัน
ได้เจริญเติบโตยอดขายของบริษัทมากกว่า 1 ล้านเหรียญเมื่อสิ้น ค.ศ
1941 อัลเบิรตสัน คุ้นเคยกับชาวไอดาโฮ เป็นร้านด้วยยักษ์ใหญ่สีฟ้า โจ
อัลเบิรตสัน ได้กล่าวว่า ภายในช่วงเวลาที่ดีหรือไม่ดี บุคคลต้องกิน ดังนั้น
ผมคิดว่ามันเป็นธุรกิจที่ดี
ผู้บุกเบิกภายในอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ตสร้างร้านขายของชำใหญ่
ที่สุดแห่งหนึ่ง โจเซฟ อัลเบิรตสัน เป็นตัวอย่างที่ดีของวิถีทางมุ่งลูกค้าต่อ
การค้าปลีกอาหาร
ประสบการณ์ของอัลเบิรตสันเป็นผู้บริหารพื้นที่ของเซฟเวย์ แต่เขามุ่งหมายที่จะเปิดร้านค้าของเขาเอง เขาออมเงินไว้ 5,000 เหรียญ และยืมอีก 7,500 เหรียญจากป้าของภรรยาของเขา ร่วมกับหุ้นส่วน เเอล เอส สเเคกก์
และทอม คัทเบิรท เปิดร้านแห่งแรกของเขา เรียกว่า “อัลเบิรตสัน’ส ฟูด
เซ็นเตอร์”
ร้านอัลเบิรตสันแห่งแรกแตกต่างภายในวิถีทางบางอย่างจากเซฟเวย์ และร้านขายของชำอื่น ณ เวลานั้น มันเป็นตลาดการซื้อสินค้าจุดเดียว มันใหญ่
โตมาก พื้นที่ 10,000 ตารางฟุต ประมาณแปดเท่าของร้านขายของชำอื่น
ร้านขายของชำบรรลุความสำเร็จอย่างมาก และอัลเบิรตสันได้ลงทุนใหม่
กำไรของเขากลับไปสู่ธุรกิจ ร้านใหม่ได้ถูกเปิดภายในเมืองเพื่อนบ้านทาง
ตะวันตก นามพา และคาลด์เวลล์ และเอ็มเมตต์ ก่อนสงครามเพิรล ฮาร์เบอร์ ภายในปลาย ค.ศ 1941 บริษัทได้เจริญเติบโตอย่างมั่นคงภายในปีตามหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เมื่ออัลเบิรตสันพิจารณาสร้างร้านใหม่ภายในเมือง เขาจะขับรถยนต์รอบ
เมืองและมองหาการเป็นเพื่อนบ้าน ด้วยเสื้อผ้าเด็กจำนวนมากเเขวนบน
ราวตากผ้า เขารู้ว่าการเป็นเพื่อนบ้านเหล่านี้อยู่ตรงที่่เขาต้องการที่จะสร้าง
ร้านใหม่ของเขา
อัลเบิรตสัน’ส อิงค์ กลายเป็นบริษัทมหาชนเมื่่อ ค.ศ 1959 และบริษัทยังคง
เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเปิดร้านที่หนึ่งร้อยของพวกเขาภายใน
ซีแอตเติลเมื่อ ค.ศ 1962 เมื่อ ค.ศ 1969 อัลเบิรตสันส์ ได้เป็นหุ้นส่วนกับสเเคกก์
ดรัก เซ็นเตอร์ สร้างการรวมกันครั้งแรกของร้านอาหารและยา อัลเบิรตสัน
้เริ่มต้นที่จะขยายตัวอย่างหนักภายใน ค.ศ 1990 เมื่อ ค.ศ 1998 อัลเบิรตสันส์ ทำการซื้อบริษัทยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา อเมริกัน สโตรส์ คอมพานี
“คุณต้องให้สินค้าที่ลูกค้าต้องการ ณ ราคาที่พวกเขาสามารถรับภาระได้
พร้อมด้วยการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ” โจ อัลเบืรตสัน
ปรัชญาที่เรียบง่ายนี้นำทางโจ อัลเบิรตสัน เมื่อเขาได้เปิดร้านขายของชำ
แห่งแรกของเขา โจ เชื่อมั่นภายในการรับฟังลูกค้าของเขา และวางความ
ต้องการของพวกเขาไว้ลำดับแรก ร้านค้าของเขาได้นำหน้าเวลาของมัน
โจ อัลเบิรตสัน เป็นนักนวัตกรรม พยาายามที่จะบริหารร้านค้าลูกโซ่ทุกแห่ง
ของเขา ด้วยระดับของบริการที่สูงอย่างเดียวกันที่เขานำมาสู่ร้านค้าแห่งแรก ผู้บุกเบิกภายในอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ต โจ เป็นตัวอย่างที่ดี
ชองวิถีทางมุ่งลูกค้าต่อการค้าปลีกอาหาร
จากสำนักงานใหญ่ภายในบอยส์ ไอดาโฮ ตรงที่เขาก่อตั้งร้านค้าใช้ชื่อของ
เขาภายใน ค.ศ 1939 อัลเบิรตสันมุ่งอย่างไม่ลดละเอาใจลูกค้าของเขา วิถีทาง
ของเขาได้ให้ความสำเร็จแก่เขา จนเขากระตือรือร้นกลับคืนให้แก่ชุมชน
ด้วยความกระตือรือร้นอย่างเดียวกัน เขาได้สร้างนวัตกรรมใหม่ภายใน
การค้าปลีกอาหาร ปรัชญาของโจคือ อะไรก็ตามที่คุณทำ ดูแลลูกค้า เพราะ
ว่าพวกเขาทำให้เราบรรลุความสำเร็จ
อัลเบิรตสัน เป็นผู้นำที่อบอุ่น มุ่งบุคคล ด้วยการช่วยเหลืออย่่างมีจิตใจของความรู้สึกธุรกิจสมัยเดิม เขามีความสนใจอย่างเข้มแข็งภาบในการให่บริการใหม่และน่าสนใจ ทำให้ร้านของเขาแตกต่าง และสร้างประสบการณ์ตื่นเต้นมากขึ้นแก่ลูกค้าของเขา
สไตล์การบริหารของเขาได้สะท้อนภายในร้านแห่งแรกของเขา เพื่อความ
สมบูรณ์ เรานำเสนอรายการทั้งหมดสิ่งแรกของร้านค้า ร้านขนมปังทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ชั้นวางนิตยสาร เครื่องทำข้าวโพดครั่ว เครื่องทำโดนัทอัตโนมัติ และเราทำไอสครีมของเราเองด้วย
บริษัทยังคงเป็นเหนือชั้นของการค้าปลีกอาหารอยู่หลายทศวรรษ กลายเป็นผู้รับเอาไว้เริ่มแรกของรูปแบบรวมกันของอาหารและยา และผู้บุกเบิกของการตั้งร้านค้าใหญ่ภายในศูนย์การค้าชานเมือง
ด้วยการนำหน้าเวลาของเขา เขาถามอยู่เสมอเกี่ยวกับสิ่งใหม่ อัลเบิรตสันอ้าง
ถึงลูกค้าอยู่เสมอเป็น “หล่อน” เขามักจะถามทีมของเขา คุณกำลังทำสิ่งใหม่
และตื่นเต้นอะไรแก่หล่อน
การเผชิญเริ่มแรกของอัลเบิรตสันกับการแข่งขันทางราคาอย่างรุนแรง
เมื่อเขาเปิดร้านแห่งแรกให้พิมพ์เขียวแก่ผู้ขายของชำสมัยสมัยใหม่ การ
แข่งขันถูกมองเห็นตั้งแต่เรายังไม่เริ่มต้น และผลลัพธ์คือสงคราม
ราคาอย่างร้ายแรง แม้ว่ามันยากลำบากต่อเรา เราได้ถูกต้องกับมันและทำงานเอาความกลัวออกไปด้วยร้านไอสครีม ร้านขนมปัง และร้านขายเนื้อ
ก่อนการเปิดร้านของเขาเอง อัลเบิรตสันได้ทำงานอยู่ที่เซฟเวย์ 12 ปี
ช่วยให้ร้านได้ขยายตัวภายในแคนซัส มันเป็นที่นี่ที่เขาได้เริ่มต้นระบุ
ปรัชญามุ่งลูกค้าของเขา ในที่สุดเมื่อ ค.ศ 1939 เขาได้วางปรัชญาการค้าปลีก
ของเขาต่อการทดสอบ และเข้าสู่ธุรกิจด้วยตัวเขาเอง การรวมเงินออม
ของเอง 5,000 เหรียญกับเงินกู้ 7,500 เหรียญจากป้าของภรรยาของเขา
และเงินลงทุนจากหุ้นส่วน เเอล เอส สเคกก์ ผู้บริหารดิวิชั่นของเซฟเวย์ ก่อนหน้านี้และทอม คัทเบริท นักบัญชีของสเคกก์ เปิดร้านแห่งแรกของเขาเรียกว่า อัลเบิรตสัน ฟูด เซ็นเตอร์ ภายในบอยส์ ไอดาโฮ
เมื่อ ค.ศ 1945 อัลเบิรตสัน ได้ละลายการเป็นหุ้นส่วน และรวมธุรกิจเป็นบริษัท
เป็นอัลเบิรตสันส์ อิงค์ พวกเขาทำกำไรภายในปีแรกของพวกเขา และเปิดร้านสองแห่งเพิ่มขึ้น เมื่อสิ้น ค.ศ 1951 พวกเขามีร้านค้า 17 แห่ง ภายในร้านขาย
ของชำ อัลเบิรตสัน ยังคงผลักดันเพื่อนวัตกรรม และเมื่อ ค.ศ 1951 อัลเบิรตสัน
ได้เปิดการรวมกันครั้งแรกของร้านอาหารและยา ซุปเปอร์สโตร์ 60,000
ตารางฟุต พวกเขาได้เข้าสู่ตลาดหุ้นเริ่มแรกเมื่อ ค.ศ 1959
โจ อัลเบิรตสัน เป็นผู้ขายของชำทำงานหนัก เขาทำงานจนถึงตีหนึ่ง ณ
ร้านแห่งแรก และกลับมาที่ประตูตีห้า พร้อมเพื่อวันใหม่ ทุกครั้งเมื่อเรา
อภิปรายความคิดใหมเพื่อร้านของเรา เขาถามอยู่เสมอ จะกระทบต่อหล่อน
อย่างไร หล่อนเป็นผู้ซื้อสินค้าของเรา เขานำด้วยตัวอย่าง และเขาไม่
เพียงแต่สร้างร้านที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น เขามีอิทธิพลต่อผู้นำค้าปลีกจำนวนมาก
ภายในช่วงชีวิตของเขา โจ อัลเบิรตสัน คงจะภูมิใจว่าบริษัทที่เขาเริ่มต้น
ในขณะนี้เป็นเจ้าของบริษัทที่เขาเริ่มต้นทำงานครั้งแรก เซฟเวย์ อัลเบิรต
สันส์ ได้รวมบริษัทกับเซฟเวย์เมื่อ ค.ศ 2015
โจ อัลเบิรตสัน เป็นผู้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างสงคราม
โลกครั้งที่สอง ร้านของเขาได้ส่งเสริมพันธบัตร และสนับสนุนเศษซากรวบ
รวมจากอลูมิเนียม เหล็ก ไขมัน และกระดาษ เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ มัน
ได้เสริมสร้างชื่อเสียงของเขาต่อความเมตตาและการมีส่วนช่วยชุมชน
ตลอดหลายปีเขาและภรรยาของเขา แคทเธอรีน มุ่งความพยายามการกุศลของพวกเขามากขึ้นกับการศึกษา
โจ อัลเบิรตสัน ได้คว้าโอกาสบนร้านขายชำไอดาโฮนานกว่าครึ่งศตวรรษ
ที่ผ่านมา และปฏิรูปมันไปสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตลูกโซ่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของ
ประเทศ เสียชีวิตเมื่อ ตอนกลางคืน ณ บ้านของเขาภายในบอยส์ เขาอายุ
83 ปี บริษัทที่เขาสร้าง อัลเบิรตสัน’ส อิงค์ กล่าวว่าเขาเสียชีวิตภายหลัง
เจ็บป่วยมายาวนานเท่านั้น อัลเบิรตสัน’ส ไม่ได้วิจารณ์ต่อสาเหตุของการ
เสียชีวิต
“โจ ไม่ต้องการให้เราร้องไห้เพื่อเขา ผู้ว่าการรัฐไอดาโฮ กล่าว เขาเป็นหนึ่งของยักษ์ใหญ่ไม่กี่คนที่สร้างรัฐนี้”
ในขณะนี้อัลเบิรตสันดำเนินร้าน 651 แห่งภายใน 19 รัฐทางใต้และตะวันตก และบุคคล 70,000 คน ด้วยยอดขายต่อปีมากกว่า 10 พันล้านเหรียญ
บริษัทป็นผู้ค้าปลีกอาหารและยาใหญ่ที่สุดลำดับหกภายในประเทศ ความ
มั่งคั่งของอัลเบิรตสันเองก้าวไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของบริษัทของเขา
วารสารฟอร์บ ได้ประมาณว่าเขาเป็นชาวอเมริกันรวยที่สุดลำดับที่แปดสิบ
ด้วยมูลค่าสุทธิ 930 ล้านเหรียญ การเริ่มต้นอาชีพของเขาเป็นเสมียน ณ ร้านเซฟเวย์เมื่อ ค.ศ 1927 เขาได้เลื่อนตำแหน่งจนกระทั่งเขาได้ควบคุมร้านเซฟเวย์ 16 แห่ง
ต่อจากนั้นเมื่อ ค.ศ 1939 เขาได้รวบรวมเงินทุนของเขาเอง และกู้ยืมจากป้า
ของภรรยา และพร้อมด้วยหุ้นส่วนสองคน เปิดร้านขายของชำภายใน
บอยส์ มันเป็นการเริ่มต้นของอัลเบิรตสัน’ส บริษัทได้กำไร 10000 เหรียญภายในปีเเรก และเปิดร้านสองแห่งเพิ่มขึ้นทันทีภายในเมืองของไอดาโฮ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อัลเบิรตสันได้ก้าวต่อไปที่จะสร้างบริษัทไปสู่อาณาจักร ผู้ยึดติดคนหนึ่งกับคุณภาพ คุณค่า และบริการ เขาได้ช่วยแนะนำอเมริกาต่อแนวคิดของซุปเปอร์มาร์เก็ตจุดเดียวจบ บริการตัวเอง เมื่อ ค.ศ 1960 อัลเบิรตสัน’ส ได้เจริญเติบโตเป็นผู้ค้าปลีกอาหารใหญ่ที่สุดลำดับที่ยี่สิบห้าของประเทศ อัลเบิรตสันได้เลิกการเป็นประธานกรรมการของบริษัทเมื่อ ค.ศ 1976 แต่ยังคงมีส่วนช่วยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นคนสำคัญจนกระทั่งการเสียชีวิตของเขา
อัลเบิรตสันเกิดภายในยูคอน โอคลาโฮมา เมื่อ ค.ศ 1906 แต่ครอบครัวของเขาสามปีต่อมาได้ย้ายไปไอดาโฮ ตรงที่อัลเบิรตตสันใช้ความเป็นเด็กของเขา เขาศึกษาธุรกิจสองปี ณ คอลเลจ ออฟ ไอดาโฮ ภายในคาลด์เวลล์ และเริ่มต้นทำงานกับเซฟเวย์ในขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย
ตามเจ เอ แอนด์ แคทเธอรีน อัลเบิรตสัน ฟาวเดชั่น อัลเบิรตสัน และภรรยาของเขาก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 1966 เป็นวิถีทางที่จะบริหารการให้การกุศลของพวกเขาเอง อัลเบิรตสันเริ่มแรกได้สร้างชื่อเสียงต่อความเมตตาและการมีส่วนช่วยชุมชน มูลนิธิของพวกเขาได้ให้มากกว่า 500 ล้านเหรียญแก่ชุมชนและการศึกษาของไอดาโฮ พวกเขามุ่งการให้ของพวกเขาพื้นฐานบนการศึกษา มันสำคัญต่อโจและเเคทเธอลีน อัลเบิรตสัน เพราะว่ามิฉะนั้นแล้วทั้งสองไม่สามารถจบมหาวิทยาลัยระหว่างการตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้
แคทเธอรีน และโจเซฟทั้งสองชื่นชมอะไรที่พวกเขาทำได้สำเร็จ แต่มันไม่ได้ระบุพวกเขา พวกเขาเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ให้โดยไม่ขออะไรก็ตามกลับคืน บ่อยครั้งแม้แต่ไม่ยอมให้บุคคลรู้ของขวัญมาจากที่ไหน
เรามีบุคคลจำนวนมากเข้ามาภายในสำนักงานชองเขาขอเงินจากเขา และเขาไม่เคยกล่าวว่า ไม่ ต่อใครก็ตาม เขาเพียงแค่ต้องการช่วยบุคคลทุกคนที่เขาสามารถ แต่เขาไม่ต้องการได้การยกย่องใดก็ตามต่อมัน
อัลเบิรตสันเป็นบุคคลที่มุ่งมั่นและดื้อดึง เขาได้ปิดประตูห้องของเขาที่จะสูบบุหรี่ ทั้งที่การมีอาคารห้ามสูบบุหรี่ เขาพูดกับบุคคลหนึ่งของบริษัท ไม่มีใครสูบบุหรี่ภายในอาคารนี้เว้นแต่ผม แต่ผมยอมให้สูบบุหรี่ที่นี่ได้ เพราะว่าผมเริ่มต้นบริษัทห่วยนี้
ประสบการณ์ความสุขมากที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิตของผม คือ การดำเนิน
ร้านแห่งแรก อยู่ที่นี่ตลอดเวลาและรู้จักชื่อลูกค้าทุกคน ผมสนุกสนานอย่าง
แท้จริง เรียนรู้ความชอบไม่ความไม่ชอบของพวกเขา ความต้องการของ
พวกเขา ผมสนุกสนานการทำธุรกิจกับพวกเขา และให้บริการแก่พวกเขา

อัลเบิรตสันทำได้ดีมาก นับตั้งแต่ร้านเริ่มแรกเปิดภายในบอยส์ ไอดาโฮ
เมื่อ ค.ศ 1939 อัลเบิรตสันส์ คอมพานี่ส์ อิงค์ เป็นธุรกิจที่รู้จักกันในขณะนี้ ดำเนินเป็นผู้ค้าปลีกอาหารและยาใหญ่ที่สุดรายหนึ่งภายในประเทศ แต่อะไรเป็นความหวานคือ อัลเบิรตสันได้ยึดติดกับต้นกำเนิดชาวไอดาโฮอย่างไร ตัวอย่างเช่น บริษัทยังคงมีสำนักงานใหญ่ภายในบอยส์ ไอดาโฮ
ณ จุดสูงสุดของพวกเขา อัลเบิรตสันว่าจ้างบุคคลระหว่าง 5000 และ 6000
คนภายในพื้นที่บอยส์เท่านั้น
แต่น่าสนใจมากขึ้นอย่างหนึ่งคือ ความพยายามของอัลเบิรตสันรักษา
ความจริงต่อต้นกำเนิดของชาวไอดาโฮคือ การหมุนเวียนกลับไปสู่ที่ตั้งของ
ร้านเริ่มแรกนั้น เมื่อ ค.ศ 2013 บริษัทได้เปิดร้านสร้างใหม่บนที่ตั้งของร้านแห่ง
แรก ในขณะโฮมเมด ไอสครีม โคน “บิ้กโจ” และเครื่องทำโดนัทได้หายไปนานแล้ว
เรารู้จักกันเป็นร้านขายของชำด้วยยักษ์ใหญ่สีฟ้า อัลเบิรตสันทำงานอย่าง
แน่นอนบนภาพพจน์ของพวกเขาตลอดหลายทศวรรษ ชื่อที่เป็นทางการของบริษัทคือ อัลเบิรตสัน’ส จน ค.ศ 2002 จากนั้นอโพสโทรฟี เอส ได้ทิ้งไป
อัลเบิรตสันส์ คอมพานีส์ ดำเนินประมาณ 20 ผืนธงของชำที่มีชื่อเสียง
นอกจากชื่อของมันเองแล้้ว อัลเบิรตสันอิสระจากอพอสโทรฟีแล้ว บริษัท
อื่นมีทั้ง จีเวล-ออสโค ชอวส์ แอคมี เเรนดอลส์ เป็นต้น
อัลเบิรตสันอาจจะเป็นบริษัทที่แตกต่างกัน แต่ปรัชญาของมันได้ถูกรักษา
ไว้ต่่อต้นกำเนิด เราประยุกต์ใช้โมเดลที่เราใช้นับตั้งแต่โจ อัลเบิรตสัน เปิด
ร้านเเห่งแรกของเขาเมื่อ ค.ศ 1939 นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการ ณ ราคาที่พวกเขาเต็มใจจ่าย ด้วยการดูแลเอาใจใส่พิเศษ เพื่อที่จะดูแลลูกค้าของเราอย่างดีที่สุด เราต้องทำการตัดสินใจใกล้ชิดที่สุดต่อพวกเขา ไม่ใช่ ณ สำนักงานรวมอำนาจที่สะดวกต่อเรา เรามีโมเดลการดำเนินงานกระจาย
อำนาจ
อัลเบิรตสันส์ คอมพานี เป็นผู้ค้าปลีกอาหารและยาใหญ่ที่สุดรายหนึ่งภาย
ในอเมริกา ด้วยร้านค้ามากกว่า 2,200 แห่งภายใน 34 รัฐและดิสทริค ออฟ
โคลัมเบีย ร่มธงที่มีชื่อเสียงของเรามีทั้ง อัลเบิรตสันส์ เซฟเวย์ วอนส์ ชอวส์
แอคมี เป็นต้น เราสนับสนุนร้านของเราด้วยศูนย์กระจายสินค้า 22 แห่ง และ
โรงงานผลิต 19 แห่ง บุคคล 290,000 คนของเรามีความลุ่มหลงต่อบริการที่
ยิ่งใหญ่และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าของเรา
บริษัทรุ่นก่อนของพวกเขา อัลเบิรตสันส์ อิงค์ ได้ถูกปรับปรุงเป็นอัลเบิรต
สันส์ แอลเเอลซี และขายแก่ เอบี แอคควิสซิชั่น พวกเขาได้ประกาศเปลี่ยน
ชื่อของมันเป็น อัลเบิรตสันส์ คอมพานีส์ อิงค์ เมื่อ ค.ศ 2015

ความสำเร็จทางการเงินเป็นสิ่งหนึ่ง การใช้ความร่ำรวยเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
และโจ อัลเบิรตสันคะเเนนสูงทั้งสองอย่าง เขาได้ให้เงินอย่างไม่เปิดเผย
หลายล้านเหรียญแก่การกุศล ตลอดหลายปี รวมทั้ง 35 ล้านเหรียญแก่คอลเลจออฟ ไอดาโฮ ภายในคาลด์เวลล์ตรงที่เขาพบกับภรรยาของเขา
ในขณะที่พวกเขาเป็นนักศึกษาทั้งสองคน เปลี่ยนชื่อเป็น อัลเบิรตสัน คอลเลจ ออฟ ไอดาโฮเมื่อ ค.ศ 1991 เขาได้บริจาคที่ดิน 14 เอเคอร์ข้าง
บอยส์ รีเวอร์เเก่เมืองภายใน ค.ศ 1989 ต่อสิ่งที่กลายเป็นแคทเธอลีน อัลเบิรตสัน พาร์ค ชื่อเพื่อภรรยาของเขาอายุ 60 ปี
โจ และเเคทเธอลีน อัลเบิรตสัน เชื่อมั่นว่าเมี่อคุณบรรลุความสำเร็จ คุณควรจะให้มันกลับคืนไป ทั้งคู่ได้ให้กลับคืนอย่างมีเหตุผลภายใน ค.ศ 1960 แก่รัฐตรงที่พวกเขามีชีวิตอยู่ รัก ทำงาน และเลี้ยงดูครอบครัว บ่อยครั้งจุดมุ่งของการให้ของพวกเขาเป็นการศึกษา พวกเขาเชื่อว่าการศึกษาเปิดประตูไปสู่โอกาส
โจ อัลเบิรตสัน คงจะภูมิใจว่าบริษัทที่เขาเริ่มต้น ในขณะนี้เป็นเจ้าของบริษัทที่เขาเริ่มต้นทำงานครั้งแรก เซฟเวย์ อัลเบิรตสันส์ ได้รวมบริษัทกับเซฟเวย์เมื่อ ค.ศ 2015 เซฟเวย์ เป็นบริษัทลูกของอัลเบิรตสันภายหลังถูกซื้อโดยบริษัทลงทุนนำโดยเซอร์เบอรัส แคปปิตอล แมเนจเม้นท์
เอส เอ็ม สแคกส์ ได้มองเห็นว่าขาวนาภายในชุมชนของอเมริกัน ฟอลล์
ไอดาโฮ ของเขา ยากจน พึ่งพาร้านขายของชำทัองที่ของพวกเขา ไม่มีเงิน
เว้นแต่ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว อำนาจซื้อของพวกเขาลดลงด้วยการใช้เงินเชื่อจากเจ้าของร้าน ยิ่งกว่านั้นความหลากหลายและคุณภาพของของผลิต
ภัณฑ์ไม่ดี ทำให้เกิดความไม่พอใจของลูกค้าอย่างมาก ในฐานะของพระสอนศาสนา
สแคกส์ สนใจภายในการแก้ปัญหาเหล่านี้ เขาได้ขอเงินกู้จากธนาคารท้องที่
และเปิดร้านขายของชำของเขาเองขึ้นมา
เซฟเวย์ ต้นกำเนิดเป็นร้านของชำเล็กเริ่มต้นโดย เอส เอ็ม สเเคกส์ ภายใน
อเมริกัน ฟอลล์ ไอดาโฮ เมื่อ ค.ศ 1915 บริษัทได้ทุ่มเทภายในการสร้าง
ปริมาณขายด้วยการรับเอากำไรที่ต่ำ ปรัชญาการดำเนินงานที่ยังคงเดินตามโดยบริษัท ต่อมาลูกชายของเขา เอ็ม บี สแคกส์ ได้ซื้อร้านขายของชำ
ของเขา 1,088 เหรียญ กลยุทธ์ธุรกิจของเอ็ม บี ให้คุณค่าแก่ลูกค้าของเขา และขยายตัวด้วยการรักษากำไรที่ต่ำ และดำเนินการระบบช่วยตัวเองแก่ลูกค้า เลือกขอวชำของพวกเขาเองโดยไม่มีความช่วยเหลือจากพนักงาน
ได้พิสูจน์บรรลุความสำเร็จอย่างมาก
เมื่อ ค.ศ 1926 เขาได้เปิดร้านสแคกส์ 428 แห่งภายใน 10 รัฐ ภายใต้ชื่อ
สเเคกก์ ยูไนเต็ด สโตรส์ หนุนหลังโดยบริษัทลงทุน เมอร์ริลล์ ลินซ์
สเเคกกส์ ได้ก่อตั้งเป็นบริษัืทเมื่อ ค.ศ 1926 ซื้อร้านขายของชำเซฟเวย์
322 แห่ง ก่อตั้งโดยเเซม ซีลิก พวกเขาได้รักษาชื่อของเซฟเวย์ไว้ ชื่อตรา
สินค้าที่เข้มแข็งบนฝั่งตะวันตก เอ็ม บี สแคกส์ ได้รวมร้านของเขากับ
ร้าน 322 แห่งของเเซม ซีลิก คอมพานี และก่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ภายใต้
ชื่อ เซฟเวย์ อิงค์
เอ็ม บี เกือบจะเพิ่มขนาดธุรกิจของเขาเป็นสองเท่าภายในปีนั้น เมื่อเขาได้รวมบริษัทของ
เขากับร้านเซฟเวย์ 322 แห่ง – ก่อนหน้านี้เป็นเซลิก และก่อตั้งเป็นบริษัท
เซฟเวย์ อิงค์ ป้ายได้ขอให้ลูกค้านำถุงของพวกเขาเองมาในขณะอยู่จุดเก็บ
เงินเมื่อ ค.ศ 1974
ภายในต้น ค.ศ 1920 ธนาคารได้เริ่มต้นนำเสนอทางเลือกสินเชื่อผู้บริโภค
ด้วยการลดเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ร้านขายของชำ ได้รับเอาสินเชื่อภายในร้าน หมายความว่าลูกค้าซื้ออาหารมากกว่า
ที่พวกเขาสามารถรับภาระที่จะจ่ายได้ การกระตุ้นการสะสมหนี้สินต่อหลาย
ครอบครัว สินเชื่อบริโภคกระทบทางลบต่อชีวิตของบุคคลของร้านขายของชำด้วย พวกเขาต้องรอจนลูกค้าชำระใบเสร็จของพวกเขา ก่อนที่พวก
เขาจะได้รับค่าจ้างการทำงาน
ครอบครัวของสแคกส์ มองผลกระทบทางลบที่สินเชื่อนั้นมีต่อชุมชนไอดาโฮของพวกเขา เอส เอ็ม สแคกส์ เชื่อว่าระบบทำให้ลูกค้าพึ่งพา
ผู้ขายของขำเกินไป เขาอ้างว่าระบบนี้เป็น ความชั่วที่เจริญเติบโตของการซื้อผ่อนส่ง ดังนั้นสเเครกกซ์ ได้ใช้กฏขายเงินสดภายในร้านของเขา ลูกค้าต้องจ่ายเงินสดกับการซื้อสินค้าเท่านั้น
ปรัชญานี้ได้ถูกรำลึกภายในชื่อเอ็ม บี สเคกส์ เลือกเพื่อการเจริญ
เติบโตอาณาจักรร้านขายของชำของเขา “เซฟเวย์” ชื่อเเสดงนโยบายไม่มี
สินเชื่อของครอบครัว ด้วยการเสนอแนะเเก่ลูกค้าว่า การซื้อสินค้าด้วย
เงินสดเป็น “วิถีทางที่ปลอดภัย”ต่อร้าน
เซฟเวย์ชัดเจนเป็นบริษัทด้วยเคล็ดลับของนวัตกรรม และถอดรหัสอะไรที่
ลูกค้าต้องการ โมเดลบริการตัวเองของพวกเขาหมายความว่าลูกค้าสามารถ
พอใจราคาที่ต่ำ และช่วยตัวพวกเขาเองต่อผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาต้องการ ไม่ใช่มีทุกสิ่งทุกอย่างข้างหลังเคาน์เตอร์
เซฟเวย์เป็นร้านขายของชำเเห่งเเรกที่ขายผลิตภัณฑ์โดยน้ำหนัก เมื่อ ค.ศ
1930 เซฟเวย์ได้แนะนำขายตามวันที่บนผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ดังนั้นลูกค้ารู้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างอยู่บนชั้นวางนานแค่ไหน ลูกค้าเพียงแค่รู้
ว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสดแค่ไหน
ทำนองเดียวกับซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่ เซฟเวย์มีการเริ่มต้นอย่างถ่อมตัว แต่มันไม่ได้หมายความว่าอิทธิพลของร้านขายของชำสำคัญน้อย เซฟ
เวย์ รับผิดชอบการแนะนำนวัตกรรมหลายอย่างภายในอุตสาหกรรมร้านขายของชำ ผู้ก่อตั้งเซฟเวย์ เอ็ม บี สเคกส์ เชื่อว่าลูกค้าควรจะช่วยตัวพวก
เขาเองให้มากเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ใช่ไปขึ้นอยู่กับพนักงานมากเกินไป มันกลายเป็นเซฟเวย์ ผู้ส่งเสริมเริ่มแรกของโมเดลธุรกิจบริการตัวเองอย่างไร ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายบนชั้นวาง พวกเขาหยิบมัน ณ
ข้างหน้าร้านใส่ตระก้าก่อนไปชำระเงิน
เรามองว่าเซฟเวย์นำไปสู่การสร้างอัลเบิรตสันส์ โจ อัลเบิรตสัน เปิดร้านขายของชำแห่งเเรกของเขาเมื่อ ค.ศ 1939 อาชีพของเขาภายในอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มต้นมาก่อนหน้านี้ เมื่อ ค.ศ 1930 เขาทำงาน ณ ไอดาโฮ เซฟเวย์ เป็นพนักงาน ต่อมาเขาได้กลายเป็นผู้บริหาร
เขตของเซฟเวย์ควบคุมร้านมากกว่าสิบสองแห่ง มันเป็น ณ จุดนี้ภายใน
อาชีพของเขา เขาได้ตัดสินใจไปสู่ธุรกิจเพื่อตัวเขาเอง และสร้างร้านขาย
ของชำของเขาเอง
อัลเบิรตสัน ได้เรียนรู้หลายสิ่งจากประสบการณ์ของเขา ณ เซฟเวย์ เนื่อง
จากโฆษณาของหนังสือพิมพ์ท้องที่เรียกธุรกิจใหม่ของเขาว่า “ร้านอาหารใหญ่ที่สุดและดีที่สุดของไอดาโฮ” อัลเบิรตสัน ได้แสดงค่านิยมเหมือนเซฟเวย์ เช่น ราคาที่ยุติธรรม คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และบริการลูกค้าที่ดี
อัลเบิรตสันส์ ได้เจริญเติบโตกลายเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญต่อเซฟเวย์
เมื่อต้น ค.ศ 2014 อัลเบิรตสันส์ และเซฟเวย์ ได้ประกาศว่า บริษัทลงทุน
หนุนหลังอัลเบิรตสัน เซอร์เบอรัส แคปปิตอล แมเนจเม้นท์ ได้ซื้อเซฟเวย์ 9.2 พันล้านเหรียญ และในที่สุดเอฟทีเอ ได้เห็นชอบการรวมบริษัทเมื่อ
ค.ศ 2015

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *