สำนักปรัชญามัชชาอียะฮ์ บนกระบวนทัศน์ อะบู อะลี อิบนุ สีน่า
สำนักปรัชญามัชชาอียะฮ์
บนกระบวนทัศน์ อะบู อะลี อิบนุ สีน่า
โดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิสลามศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
สำนักปรัชญาอิสลาม มัชชาอียะฮ์(Mashcha ‘e’yah)
หลังจากนั้นอัล-ฟารอบี (Al-Farabi)ได้เดินทางไปยังนครแบกแดด(อิรัก) และได้ศึกษาวิชาการด้านตรรกศาสตร์และปรัชญา หลังจากนั้นได้รู้จักมักคุ้นกับนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาระดับสูงของอิสลาม ทำให้อัลฟารอบีมีความเชี่ยวชาญและชำนาญการในศาสตร์ปรัชญาและตรรกศาสตร์อย่างหาตัวจับยาก จนทำให้เขาได้รับการเรียกขานฉายาว่า”บรมครูที่สอง” (معلم الثانی)
อัลฟารอบีได้ใช้ชีวิตในเมืองแบกแดดประมาณยี่สิบปี และได้นำศาสตร์ปรัชญามาอรรถาธิบายอย่างน่าชื่นชมและน่าทึ่งทีเดียว แนวปรัชญาของฟารอบีย์จัดอยู่ในแนวของกลุ่มเหตุผลนิยมจัด และถือว่าเป็นสำนักปรัชญาแรกของอิสลาม ซึ่งต่อมาผู้ที่นำแนวคิดทางปรัชญาของอัลขฟารอบีย์มาขยายความและเผยแพร่ต่อคือบรรดาสานุศิษย์ของเขาและหลังจากนั้น อะบูอะลี อิบนิ สีน่า และอิบนิรุชด์ ได้สร้างความสมบูรณ์ทางศาสตร์ปรัชญา จนถูกเรียกสำนักของอัลขฟารอบีว่า สำนักปรัชญามัชชาอียะฮ์مشائية) ) สำนักปรัชญาแนวเหตุผลนิยมจัด(Peripatetic Philosophy) จนเป็นที่โด่งดังและรู้จักไปทั่วโลกทั้งโลกมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม
นิยามปรัชญาอิสลาม
คำว่า “فَلْسَفَةٌ” (ฟัลสะฟะฮฺ)และคำว่า “ فَيْلَسُوْفْ(ฟัยละซูฟ) ทั้งสองคำมาจากภาษากรีกโบราณรากศัพท์จากคำว่า ฟัยลูส (فَيْلْوسْ) มีความหมายว่า คนทีรัก และคำว่า ซูเฟีย (سوفياً) หมายถึง ความฉลาดปราดเปรื่อง ดังนั้น ฟัยละสูฟ จึงมีความหมายว่า คนที่รักต่อความฉลาดปราดเปรื่องและคำว่า”ฟัลสะฟะฮฺ “จึงหมายถึง รักต่อความฉลาดปราดเปรื่อง
สำหรับคำว่า สูฟุส (سوفوس) หมายถึง คนที่มีความฉลาดปราดเปรื่องอย่างแท้จริง แต่เดิมคำนี้จะใช้กับทุกคนที่มีความสมบูรณ์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสติปัญญาหรือด้านวัตถุ
นี่คือรากศัพท์ของคำว่าฟัลซะฟะฮ์ ซึ่งนิยมเรียกในศาสตร์ปรัชญากันและนักปรัชญาบางท่านได้เรียกศาสตร์ปรัชญาว่า”อัลฮิกมะฮ์” เช่นท่านมุลลาศอ็ดรอได้เขียนตำราปรัชญาหลายเล่มใช้ชื่อว่า”อัลฮิกมะตุลมุตะอาลียะฮ์” ดังนั้นนักปรัชญาจึงถูกเรียกว่า”ฮะกีม”
อะบูอะลี อิบนุ สีน่า กับการนิยามปรัชญา
ปรัชญาคือวิชาสืบค้นหาความจริงแท้ของสิ่งที่มีอยู่ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ
ปรัชญา วิชาสอนให้รู้จักจิตและพัฒนาจิตไปสู่ความสมบูรณ์
ปรัชญาคือวิชาสอนให้เข้าถึงภาวะของภวันต์ทั้งหลาย
ปรัชญาคือ ศาสตร์ที่ใช้ตรรกะและเข้าถึงภวันต์ประเภทอรูปและอสสาร
ปรัชญาคือ วิชาที่สอนให้รู้จักปฐมเหตุแรกและให้รู้จักภวันต์จำเป็น(วายิบุลวุยูด)
ปรัชญาคือ วิชาที่สอนให้รู้จักความจริงสูงสุดและรู้จักองค์สัมบูรณ์
กระบวนทัศน์ทางปรัชญาของ อะบูอะลี อิบนุ สีน่า Avencina (370-428)
อิบนิสีน่า ถือว่าเป็นนักปรัชญามุสลิมที่มีความโด่งดังที่สุด และเป็นนักปรัชญาเมธีแห่งโลกอิสลาม โดยที่เขาได้จัดแบ่งประเภทของศาสตร์ปรัชญาให้เข้าที่เข้าทาง จัดระเบียบและหมวดหมู่ของศาสตร์ปรัชญาได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว ถึงแม้ว่าในตำราปรัชญาของเขาไม่มีหมวดว่าด้วยเรื่องญาณวิทยา เป็นหมวดหรือบทเฉพาะกาลไว้ก็ตาม แต่ทว่าเขามีแนวคิดทางปรัชญาว่าด้วยทฤษฎีความรู้ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว และเขาได้นำเรื่องญาณวิทยาเขียนไว้ในหลายบทและหลายหมวด โดยปะปนกับหมวดอื่นๆ และอิบนุสีน่า ได้นำเสนอทฤษฎีทางปรัชญาของนักปรัชญาเมธีแห่งนครรัฐกรีก อย่าง เพลโต้ หรืออริสโตเติ้ล อีกทั้งได้เสริมแนวคิดปรัชญาอิสลามของนักปรัชญายุคต้นๆ เช่น ท่านคินดีย์ ท่านฟารอบีย์
ประเด็นทางปรัชญาในมุมมองของ อิบนุ สีน่า ดังนี้
ก.ความรู้และความหมายและประเภทของความรู้
ข.เครื่องมือของการรู้และการรู้จัก
ค.จินตภาพที่เป็นสากล
ง.ความหมายของสติปัญญาและประเภทของมัน
จ.องค์ความรู้ประเภทสัญชาตญาณและองค์ความรู้ประเภทผัสสะ
ฉ.ความรู้ในระดับจิต
ช.ความรู้ต่อพระเจ้า
ซ.ความรู้ต่อโลกสสาร
ญ.ภวันต์แท้และภวันต์ทางจินตภาพ
ความหมายขององค์ความรู้และประเภทของความรู้
อิบนุ สีน่า ได้ให้ความหมายของความรู้หรือทฤษฎีความรู้ คือ “การปรากฏภาพหนึ่ง ณ ผู้ที่ได้สัมผัสรู้ต่อมัน”
หมายความว่า ความรู้ คือรูปภาพหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในปัญญาและคลังสมองของมนุษย์ เป็นภาพที่เกิดขึ้นด้วยกระบวนการของการคิดและการจินตภาพทางความคิด และอิบนุ สีน่าถือว่า อุปกรณ์ของการนำไปสู่องค์ความรู้ คือปัญญาและผัสสะ เพราะว่าความรู้แบ่งออกสองประเภท คือความรู้ที่เกี่ยวกับปัญญา และความรู้ที่เกี่ยวกับผัสสะ และความรู้ยังแบ่งออกเป็น ความรู้ที่เปิดเผยและความรู้ที่ซ่อนเน้น มีนัยยะ และอิบนุ สีน่าเชื่อว่าระหว่างผู้มีองค์ความรู้ กับความรู้นั้นแตกต่างกัน และระหว่างการเข้าถึงความรู้ประเภทผัสสะกับความรู้ประเภทเหตุผลก็มีความแตกต่างกัน นั่นหมายความว่า จะเข้าถึงในเนื้อแท้ของความรู้และจินตภาพของความรู้ และอิบนิ สีน่าได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง ความรู้ประเภทผัสสะ ความรู้ประเภทเหตุผล และความรู้ประเภทการเดาสู่มว่า แท้จริงความรู้ประเภทผัสสะจะได้รับมาจากภาพของสิ่งนั้นด้วยสื่อของประสาทสัมผัส ส่วนความรู้ประเภทการเดาสู่ม ได้มาจากการจินตภาพแค่บางส่วนของผัสสะ ส่วนความรู้ประเภทเหตุผล เป็นการเข้าถึงองค์ความรู้ที่เป็นทั้งจินตภาพและตัวตนนั้น เป็นการเข้าถึงสารัตถะขององค์ความรู้
อิบนุสีน่าเชื่อว่า ความรู้ประเภทเหตุผล เป็นความรู้ที่ดีที่สุดและแข็งแรงที่สุด และอิบนุ สีน่าได้เชื่อ ว่าความรู้ แบ่งออกเป็น ก. ความประเภทการผัสสะรู้ผ่านการเรียนรู้ ข.ความรู้ประเภทการประจักษ์รู้ และความรู้ประเภทผัสสะแบ่งออกได้เป็น
๑.ความรู้ด้วยประสาทสัมผัส
๒.ความรู้ประเภทการเดาสุ่ม
๓.ความรู้ประเภทเหตุผล
และความรู้ประเภทผัสสะ แบ่งออกเป็น ผัสสะภายนอกและผัสสะภายใน ดังนั้นมนุษย์จะมีองค์ความรู้แตกต่างกัน อีกทั้งจะมีระดับความรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน และความรู้ที่ถือว่าดีเลิศที่สุดคือความรู้ที่ได้มาจากเหตุผลเท่านั้น
การรู้จักพระเจ้า
อิบนุสีน่าได้นำข้อพิสูจน์ในการรู้จักพระเจ้าและการเข้าถึงพระเจ้าด้วยหลายวิธีและหลายเหตุผลและหนึ่งจากหนทางในการเข้าถึงพระเจ้าและการรู้จักพระเจ้าคือด้วยวิธีของพิสูจน์และอ้างเหตุผลและอิบนุสีน่าได้นำเหตุผลและทฤษฎีทางปรัชญามาอ้างอิงการมีอยู่พระเจ้าและหลักคุณานุภาพแห่งพระเจ้าได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว
ข้อพิสูจน์หรือทฤษฎีทางปรัชญาที่โด่งดังที่สุดในการพิสูจน์พระเจ้าชื่อข้อพิสูจน์แห่งบรรดาสัจจะ”(บุรฮาน ซิดดีกีน) หรือ ที่รู้จัก”ข้อพิสูจน์ภวันต์แท้และนวภวันต์”(บุรฮานอิมกาน ว่า วุยูบ) ดังนี้
หนึ่ง ทุกๆสิ่งหรือทุกสิ่งที่มีขึ้นมานั้น อาจจะสมมติฐานว่า เป็นภวันต์แท้ หรือนวภวันต์
สอง ถ้าเรากล่าวว่า ทั้งหมดคือภวันต์แท้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ คือ เกิดขึ้นมาเอง ไม่พึ่งพายังปัจจัยเหตุอื่น เพราะว่าภวันต์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่ และมีภาวะพึ่งพา ดังนั้นจะต้องมีภวันต์หนึ่งภวันต์ที่อยู่ในฐานะไม่พึ่งพา เป็นปฐมเหตุของทุกๆสิ่ง
สาม ถ้าเรากล่าวว่า ทั้งหมดคือ นวภวันต์ คือ มีภาวะเป็นสิ่งใหม่ พึ่งเกิดมามาใหม่ ดังนั้นจะต้องพึ่งพายังภวันต์หนึ่งที่มันไม่ต้องพึ่งพาต่อภวันต์ใดอีกแต่ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นการเข้าสู่หลักที่หาจุดกำเนิดไม่พบ เมื่อไม่มีจุดกำเนิด ก็ไม่มีจุดจบ ย่อมเป็นไปไม่ได้ในทางตรรกะ
สี่ ดังนั้นจะต้องไปหยุดอยู่ณภวันต์หนึ่งซึ่งเป็นภวันต์แท้ซึ่งนั่นคือพระเจ้าในทฤษฎีทางปรัชญานี้ ทำให้อิบนุสีน่าสามารถแก้ปัญหาทางปรัชญาอื่นๆและแม้แต่ปัญหาทางเทววิทยาได้อย่างน่าทึ่งทีเดียวและถือว่าเป็นการเข้าถึงแก่นแท้แห่งภวันต์และการพิสูจน์ถึงนวภวันต์ของสรรพสิ่งได้อย่างแหลมคมมาก
บรรณานุกรม
ภาษาต่างประเทศ
فلسفه فلسفه اسلامی : عبد الحسین خسروپناه قم- ايران 1392
آموزش فلسفه : آیه الله مصباح یزدی قم- ايران 1387
کلام عرفان وحکمت عملی : شهید مطهری قم- ايران-1382
تاریخ فلسفه اسلامی : هانری کوربن قم- ايران1388
در جستجوی عرفان اسلامی : مصباح یزدی قم- ايران 1391
فلسفه اخلاق : مصباح یزدی قم- ايران1389
تاريخ فلسفه اسلامي :حسن معلمي و,,,, -مركزجهان اسلامي –قم- ايران -1385
بداية الحكمة -علامة طباطبائي –قم- ايران 1418 ق
اصول فلسفه وروش رئاليسم–قم- ايران 1374 ش
ตำราภาษาไทย
อายาตุลลอฮ์ มุเฏาะฮารี แปลโดย มัรฮูมเชคยูซุฟ กูดีหวา 2555. เทววิทยา รหัสยวิทยา และปรัชญาภาคปฎิบัติ กรุงเทพฯ. สถาบันการแปล มหาวิทยาลัยนานาชาติอัลมุศตอฟา แห่งอิหร่าน ประจำกรุงเทพฯ
อัลลามะฮ ฎอบะฎอบาอีย์ แปลโดย เชคชะรีฟ ฮาดีย์ 2553 สำนักคิดชีอะฮ์ กรุงเทพฯ :ศูนย์วัฒนธรรมอิสลาม สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำกรุงเทพฯ
ดร.อิมรอน มะลูลีม 2539 ปรัชญาอิสลาม กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์อิสลามิคอคาเดมี