INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

“ทรัมป์”มาเอเชียเพื่ออะไรกันแน่

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
“ทรัมป์”มาเอเชียเพื่ออะไรกันแน่
แปลกใจนะครับที่นายกรัฐมนตรี”อนุทิน ชาญวีรกูล”ไม่ฉวยโอกาสใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนประกาศ ให้ไทยเป็นผู้นำปราบปรามศูนย์สแกมเมอร์ ในขณะที่โลกล้อมกรอบกัมพูชาในเรื่องนี้อยู่
ดังนั้น แทนที่ไทยจะ”ได้ชื่อ”ก็เลย”ด้อยชื่อ”ไป ปล่อยให้ทั้งสามฝ่ายคือมาเลเซีย กัมพูชา และสหรัฐได้ประโยชน์สูงสุดไป จากการประชุมคราวนี้ นี้ดังที่รู้ๆ กันอยู่
คือมาเลเซียได้ชื่อว่าเป็นผู้นำอาเซียนในรอบ ๑๐ ปีที่ต้อนรับผู้นำอภิมหาอำนาจคือประธานาธิบดี”โดนัลด์ ทรัมป์”ได้อย่างมี”อัครฐาน”คือต้อนรับอย่างเยี่ยมยอดแลสมเกียรติยิ่ง
จนเป็นที่พออกพอใจของ”ทรัมป์”ต้องชมแล้วชมอีก
ในขณะที่กัมพูชาได้ชื่อว่า”รักสันติภาพ”ที่ลงนามกับไทยในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์เสมือนว่าไม่เคยโป้ปดตอแหลมาก่อนเลย
ส่วนสหรัฐนั้นสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งทุกคนไม่คาดหมาย คือการแอบลงนาม”บันทึกความเข้าใจ”ที่จะร่วมมือกันขุดเอา”แร่หายาก”ที่ทั้งสองชาติมี เพื่อขึ้นมาใช้ประโยชน์
สะท้อนว่า ที่ว่าจะมาเป็นสักขีพยาน ในการลงนามสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น แท้ที่จริงเป็นเพียงเรื่องประกอบหรือเรื่องรองๆ ไป
ทำไมจึงพูดเช่นนี้ เพราะว่า:-
จากนั้น”ทรัมป์”ก็บินปร๋อไป”โตเกียว”ตกลงกับนายกรัฐมนตรีสตรีของญี่ปุ่น”ซานาเอะ ทากาอิจิ”ที่ก็จะร่วมขุดเอา”แร่หายาก”ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโ นโลยีสมัยใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เอามาใช้
และทั้งหมดนี้คือการแสวงประโยชน์จากการเดินทางชนิดที่ไม่เสียเที่ยวของผู้นำสหรัฐในยามที่จีนนั้นครอบครองแหล่ง”แร่หายากไปแล้วถึง ๔๔ ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๗ และผลิตได้มากถึงร้อยละ ๖๐-๘๐ ของโลก แถมแปรรูปได้ถึงร้อยละ ๙๐
“ทรัมป์”ออกเดินทางจากสหรัฐมาเอเชียเที่ยวนี้ ในขณะที่การปิดหน่วยงานของสหรัฐดำเนินมาจวนจะครบหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันกว่า ๔๒ ล้านต้องเดือดร้อน ซึ่งก็คาดว่าจะลากยาวไปอีก เพราะสมาชิกวุฒิสภาอเมริกันในสังกัดพรรคเดโมแครตไม่ยอมร่วมมือลงมติกฎหมายงบประมาณโดยง่าย
แต่”ทรัมป์”ก็จะต้องใจเย็นทำหน้าที่ประธานาธิบดีต่อโดยไม่หยุดยั้ง ออกเดินทางไปทำงานต่อ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่การประชุม”เอเปก”ในเกาหลีใต้ที่เมือง”เกียงจู”ระหว่าง ๓๑ ตค.๖๗ ถึง ๑ พย.๖๘
ในการนี้“ทรัป์”มีเป้าประสงค์สำคัญใช้โอกาสนี้พบปะกับประธานาธิบดีจีน”สี จิ้นผิง”เพื่อหารือและต่อรองในเรื่อง”แร่หายาก”ด้วย ถ้าเดาไม่ผิด
และในการต่อรองนั้น ก็จะต้องหยิบยกเอาอาวุธสำคัญคือ”ภาษีตอบโต้”มาต่อรองโดยเดิมทีสหรัฐลดให้จีนที่ ๓๐ เปอร์เซ็นต์และกำลังจะหมดอายุลงในวันที่ ๙ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ซึ่งก็จะต้องดูกันว่า การต่อรองนี้จะลงเอยอย่างไรในที่สุด
นี่ครับ คืองานของผู้นำประเทศ ที่จะต้องแสวงหาและรักษาผลประโยชน์ของชาติตนซึ่งจะต้องเตือนใจตนเองว่า นั่นคือหน้าที่สูงสุด
ถามว่า ผู้นำสยามประเทศตอนนี้ ทำได้แค่ไหน………ฮา
Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *