INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

เดวิดและโกไลแอธ เวอร์จิ้น กร็ุป

ภายในหนังสือเล่มใหม่ของเขา “David and Goliath” มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ได้กล่าวว่าบุคคลส่วนใหญ่ได้เข้าใจเรื่องราวเดวิดและโกไลแอธจากคัมภีร์ไบเบิ้ลไมุถูกต้อง เพราะว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดว่าใครจะมีข้อได้เปรียบอย่างแท้จริง มันจะเป็นเพราะว่าขนาดและการเลือกอาวุธที่ผิดธรรมดาของเดวิด เขาสามารถฆ่ายักษ์ที่อุ้ยอ้ายได้ ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่งบุคคลส่วนใหญ่จะประเมินความสำคัญของความรวดเร็วและคววามว่องไวของเดวิดต่ำเกินไป ความเข้าใจผิดอย่างเดียวกันที่เกิดขึ้นภายในการต่อสู้ของเดวิดและโกไลแอธได้เกิดขึั้นภายในธุรกิจ มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ได้ยืนยันด้วยกรณีศึกษาจำนวนมากภายในหนังสือเล่มนี้ของเขาบุคคลส่วนใหญ่ได้ล้มเหลวที่จะรับรู้ข้อได้เปรียบของตราสินค้าที่เป็นรองเมื่อมันได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งขันที่เข้มแข็ง ใหญ่ และมั่งคั่ง และนั่นคือทำไมบริษัทที่เริ่มต้นอย่างถ่อมตัวด้วยคำตอบใหม่แก้ปัญหาเก่ามักจะชนะโกไลแอธได้มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ได้กล่าวว่า เดวิดและโกไลแอธจะเป็นเรื่องราวคลาสสิคภายในโลกธุรกิจ สิ่งเดียวกันที่ทำให้บริษัทที่น่ากลัว – ขนาดและทรัพยากรของพวกเขา – จะเป็นอุปสรรคเมื่อพวกเขาได้ถูกบังคับให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กฏกำลังเปลี่ยนแปลง ความว่องไว ความยืดหยุ่น และการปรับตัว จะเป็นคุณลักษณะที่ดีกว่า เดวิดจะมีความว่องไว เขาได้เปลี่ยนแปลงกฏ เขามีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าเชือกเหวี่ยงหินของเดวิดจะเป็นอาวุธทำลายล้างอย่างหนึ่ง มันจะเป็นอาวุธที่น่ากลัวมากที่สุดอย่างหนึ่งภายในโลกโบราณ ก้อนหินที่เหวี่ยงจากเชือกของเขาจะมีพลังการหยุดยั้งเทียบเท่าลูกกระสุนจากปืน .45 มันจะเป็นอาวุธที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เชื่อว่าโกไลแอธจะทรมานกับฮอร์โมนโกรธสูงมากที่ทำให้เราเจริญเติบโต ยักษ์ใหญ่จะมีฮอร์โมนโกรธสูงมาก มันจะมีผลกระทบข้างเคียงคือมันทำให้การมองเห็นอย่างจำกัด โกไลแอธภายในเรื่องราวไบเบิ้ลจะเหมือนกัน เขาดูแล้วคล้วยกับบุคคลที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้ดังนั้นโกไลแอธจะใหญ่โตและอุ้ยอ้ายหนักด้วยเสื้อเกราะ เขาจะไม่สามารถมองเห็นไกลออกไปสองสามฟุตข้างหน้าของเขา เดวิดกำลังวิ่งมาที่เขาด้วยเชือกเหวี่ยงก้อนหิน เดวิดจะมีข้อได้เปรียบหลายอย่างเรื่องราวของเดวิดและโกไลแอธจากคัมภีร์ไบเบิ้ลสามพันปี เรื่องราวของผู้เป็นรองที่รู้จักกันดีที่สุดภายในโลก โกไลแอธจะเป็นนักรบยักษ์ใหญ่ต่อสู้กับเด็กเลี้ยงแกะตัวเล็ก เดวิดได้ใช้เชือกเหวี่ยงก้อนหินยิงตรงไประหว่างตาโกไลแอธ โกไลแอธได้ล้มลงและเดวิดได้ฆ่าเขาทันที เรื่องราวของเดวิดและโกไลแอธ จะเป็นเรื่องราวที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดเรื่องหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิ้ลเดวิดและโกไลแอธจะเป็นบทเรียนของความกล้าหาญและความเชื่อ การเอาชนะสิ่งที่ดูเหมือนกับเป็นไปไม่ได้ เดวิดจะเป็นลูกคนเล็กสุดของลูกสิบสองคนของเจสสี วันหนึ่งอิสราเอลได้ทำสงครามกับฟิลลิสทิน พี่ชายของเดวิดต้องไปทำการรบ ณ หุบเขาอีลาห์ กองทัพของอิสราเอลกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพของฟิลลิสทินมานานถึงสี่สิบวัน วันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะอยู่บนยอดเขาคนละฝั่งของหุบเขาลึก แต่ละฝ่ายไม่ยอมบุกเข้าหากัน เพราะว่าฝ่ายบุกจะเสียเปรียบจากการผ่านหุบเขาที่เป็นพื้นที่ต่ำ กองทัพของฟิลิสทินจะมีนักรบยักษ์ใหญ่ชื่อโกไลแอธ เขามาจากเกธ โกไลเอธสูงเกือบเก้าฟุต เขาใส่หมวกเหล็กทองแดงและเสื้อเกราะน้ำหนักเสื้อเกราะทองแดงของเขาแปดสิบกิโลกรัม เขาจะใส่สนับแข้งทองแดงที่ขา และใช้หอกยาวสามเมตรเป็นอาวุธ ทุกวันโกไลแอธจะยืนร้องตะโกนท้าทายทุกเช้าและเย็นตลอดสี่สิบวัน ด้วยการเรียกร้องให้ทหารอิสราเอลมาต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว ถ้าทหารอิสราเอลชนะและฆ่าเขาได้พวกเขาจะยอมเป็นทาสของอิสราเอล แต่ถ้าเขาชนะและฆ่าทหารอิสราเอลได้อิสราเอลจะต้องยอมเป็นทาสของพวกเขาสี่สิบวันวันผ่านไปไม่มีทหารอิสราเอลคนไหนกล้าหาญที่จะต่อสู้กับโกไลแอธ วันหนึ่ง เจสซี่ ได้บอกแก่เดวิดว่า ” นำข้าวโพดและขนมปังก้อนไปให้พี่ชายของเจ้า” เดวิด เด็กเลี้ยงแกะหนุ่ม ได้เดินทางมาที่แนวหน้าของกองทัพ ตามคำสั่งของพ่อเพื่อที่จะนำอาหารมาให้และหาข่าวการสู้รบจากพี่ชายสามคนของเขาภายในกองทัพ เดวิดได้ยินการเยาะเย้ยอิสราเอลและพระเจ้าของพวกเขาจากโกไลแอธ เดวิดจะเป็นเด็กกล้าหาญและได้อาสาสมัครที่จะต่อสู้กับโกไลแอธ เขาได้เข้าเฝ้ากษัตรย์ซาอูลของอิสราเอลที่จะขอต่อสู้กับโกไลแอธ ตอนแรกซาอูลจะลังเลใจว่าเด็กเลี้ยงแกะที่ไม่เคยรบและจับอาวุธเลยจะต่อสู้กับโกไลแอธได้อย่างไร เขาได้พูดว่า เจ้าไม่สามารถต่อสู้กับโกไลแอธได้ เจ้าเป็นเด็กคนหนึ่งเท่านั้น โกไลแอธได้ทำการต่อสู้มานานหลายปี แต่เดวิดได้พูดกับซาฮูลว่า ข้าเคยต่อสู้กับสิงห์โตและหมีที่จะคุ้มครองแกะของพ่อข้ามาแล้ว พระเจ้าได้ได้รักษาให้ข้าปลอดภัย ในที่สุดกษัตรย์ซาอูลต้องยอมให้เดวิดไปต่อสู้กับโกไลแอธ และได้ใส่เสื้อเกราะที่หนักให้แก่เดวิดที่จะคุ้มครองเขาจากโกไลแอธ แต่เดวิดได้ถอดออกมันจะหนักเกินไปทำให้เดินยาก และเดวิดรู้ว่าพระเจ้าจะคุ้มครองเขาจากอันตราย เขาได้พูดว่าความเข้มแข็งของเขาจะมาจากพระเจ้าไม่ใช่จากอาวุธเดวิดได้เดินไปเผชิญหน้ากับโกไลแอธด้วยเสื้อผ้าที่ใส่มา และเชือกเหวี่ยงก้อนหินที่ใช้ป้องกันฝูงแกะจากหมาป่าเท่านั้น เดวิดได้เดินไปที่ลำธารและเก็บก้อนหินห้าก้อนใส่ไว้ภายในย่ามรอบเอวของเขา เมื่อเดวิดเดินเข้ามาใกล้โกไลแอธ โกไลแอธได้มองเห็นเดวิดและคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก โกไลแอธเชื่อว่าเขาสามารถชนะเดวิดได้ง่าย มันน่าหัวเราะที่ซาอูลส่งเด็กเล็กมาต่อสู้กับเขาโกไลแอธได้ร้องตะโกนว่า เข้ามาเลยเจ้าเด็กน้อย ข้าจะเอาเนื้อของแกให้นกบนฟ้าและสัตว์ป่ากิน เดวิดได้ร้องตะโกนกลับไปว่า เจ้าใช้ดาบและหอกต่อสู้กับข้า แต่ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยพระเจ้า พระเจ้าจะมีพลังมากกว่าดาบและหอกของเจ้า และวันนี้บุคคลทุกคนจะรู้ว่าเราจะมีพระเจ้าที่แท้จริงบนดินแดนแห่งนี้ โกไลแอธไม่ได้สนใจว่าเดวิดได้พูดอะไร เมื่อการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น เดวิดได้ล้วงเอาก้อนจากย่ามของเขา ใส่ก้อนหินที่เชือกยิงของเขา และยิงก้อนหินไปยังโกไลแอธ ก้อนหินได้พุ่งตรงไปยังหน้าผากของโกไลแอธอย่างแรง โกไลแอธได้เริ่มต้นสูญเสียการทรงตัวของเขาทันที เขาได้ล้มลงทันที เดวิดได้วิ่งเข้าไปหา ดึงดาบออกจากฝัก และตัดคอโกไลแอธ พาลิสทินได้เกิดความกลัว หันหลังกลับและวิ่งหนี เมื่อพวกเขาได้มองเห็นโกไลแอธถูกฆ่าตาย อิสราเอลได้ชนะการสู้รบเนื่องจากเด็กหนุ่มที่มีความเชื่อต่อพระเจ้าเรื่องราวนี้ได้แสดงถึงความไม่หมาะสมของกษัตรย์ซาอูลที่จะปกครองอิสราเอล เพราะว่าเขาเองควรจะต่อสู้กับโกไลแอธเพื่ออิสราเอลถ้อยคำ “เดวิดและโกไลแอธ” ไดัถูกนำมาใช้แสดงความหมายที่นิยมแพร่หลายหลายอย่าง การแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เป็นรอง การแข่งขันของคู่แข่งขันเล็กกว่าและอ่อนแอกว่าต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่ใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่า เดวิดได้กลายเป็นวีรบุรุษต่อบุคคลทุกคนภายในอิสราเอลเดวิดได้ฆ่าโกไลแอธได้ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่โกไลแอธไม่ได้คาดหวังไว้ แทนที่จะเป็นการต่อสู้กับโกไลแอธภายในวิถีทางดั้งเดิม การต่อสู้ด้วยดาบและเสื้อเกราะ เดวิดไ้ด้ใช้เชือกเหวี่ยงและก้อนหินล้มโกไลแอธ มันจะเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งที่มัลคอล์ม แกลดเวลล์ ได้ใช้กับการเขียนหนังสือเล่มล่าสุดของเขา ชื่อ David and Goliath หนังสือที่ได้กล่าวถึงความสำเร็จของผู้เป็นรองตลอดทั้งเล่ม และมันจะเป็นบทเรียนที่ธุรกิจสามารถเรียนรู้ได้การมีความสามารถที่ดีที่สุดจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อบริษัทของเราคือ “เดวิด” แข่งขันกับ “โกไลแอธ” ที่ยึดครองตลาดอยู่ เพื่อที่จะชนะการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมนี้ เราต้องการความสามารถที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่างที่โกไลแอธไม่ได้กระทำเรื่องราวเก่าแก่ของเดวิดและโกไลแอธจะเกี่ยวกับผู้เป็นรอง – ผู้ท้าทายจะอยู่ภายในฐานะที่อ่อนแอกว่า – สามารถเอาชนะศัตรูได้ คัมภีร์ไบเบิ้ลนี้จะมีอายุสามพันปีแล้ว จนปัจจุบันนี้เรายังคงสามารถเรียนรู้ได้อย่างมากจากเรื่องราวของมันเราจะมองเห็นเดวิดต่อสู้โกไลแอธภายในโลกของธุรกิจอยู่เสมอ ตราสินค้าที่รู้จักกันดีจะนำอุตสาหกรรมอยู่ทั่วโลก และบางครั้งดูแล้วจะไม่มีที่แก่ตราสินค้ารายเล็ก แต่มันไม่เป็นความจริง ตราสินค้าที่ท้าทายได้กลายเป็นพลังที่เข้มแข็งต่อสู้กับตราสินค้าที่ยิ่งใหญ่ภายในธุรกิจภายใต้การปรากฏขึ้นของการแข่งขันบนพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต การต่อสู้ของเดวิดและโกไลแอธ – เด็กน้อยผู้ฆ่ายักษ์ – ระหว่างบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่ ได้กลายเป็นธรรมดามากขึ้น คู่แข่งขันรายใหม่ที่รวดเร็วและคล่องตัวกำลังแข่งขันกับบริษ้ทที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่จะอยู่ภายในอุตสาหกรรมไฮเทคเหมือนเช่นซอฟท์แวร์เท่านั้น แต่จะอยูภายในอุตสาหกรรมโลว์เทคเหมือนเช่นการค้าปลีกด้วยตัวอย่างที่รู้จักกันดีจะมีทั้งความขัดแย้งระหว่างผู้ขายหนังสือ อเมซอน ดอทคอม และบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ผู้ค้าปลีกของเล่น อีทอยส์ และทอยส์ อาร์ อัส และเนตสเคป ผู้ผลืตอินเตอร์เนต ซอฟท์แวร์ ที่เพิ่งจะเริ่มต้น และไมโครซอฟท์ ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก คู่แข่งขันเหล่านี้จะใช้วิถีทางการแข่งขันที่เดวิด ยอฟฟี่ นักวิชาการธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียกว่ากลยุทธ์ยูโด เดวิด และโกไลแอธกำลังต่อสู้เพื่อตลาดกาแฟของจีน ลักคิน คอฟฟี่ เดวิด กำลังต่อสู้อย่างเปิดเผยกับโกไลแอธสตาร์บัคส์ เพื่อการยึดครองตลาดกาแฟภายในจีน ลักคินิคอฟฟี่ได้ประกาศแผนที่จะเปิดร้านใหม่ 2,500 แห่ง ภายใน ค.ศ 2019ลักคิน คอฟฟีที่เพิ่งจะเริ่มต้นจะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญ การจัดหาทุนอย่างต่อเนื่องสามารถเพิ่มมูลค่าได้สูงมากถึงสองพันล้านเหรียญ การสร้างพวกเขาเป็นเดวิด ต่อสู้โกไลแอธสตาร์บัคส์ การแข่งขันที่รุนแรงได้ทำให้สตาร์บัคส์เริ่มต้นมีรายได้ลดลงภายในจีนภายใต้ร้านค้าใหม่ 2500 แห่ง ค.ศ 2019 ลักคิน คอฟฟี่กำลังกำลังต่อสู้กับสตาร์บัคส ยักษใหญ่กาแฟคู่แข่งขัน เพื่อการยึดครองตลาดกาแฟภายในจีน ลักคินได้คุกคามสตารบัคส์ด้วยการฟ้องร้องทางกฏหมาย การระดมยิงล่าสุดจะเป็นการประชาสัมพันธ์เรื่องราว “เดวิด ต่อสู้ โกไลแอธ” จากลักคิน คอฟฟี่ นักวิเคราะห์คนหนึ่งได้กล่าวว่ามันอาจจะไม่ชัดเจนทุกอย่างว่าใครคือเดวิด และใครคือโกไลแอธ เมื่อวิถีทางการขยายตัวอย่างระเบิดของลักคินดูแล้วจะคล้ายกับบริษัทอินเตอร์เน็ตมากกว่าร้านกาแฟสมัยเดิม ลักคิน คอฟฟี่มุ่งหมายที่จะกลายเป็นตราสินค้าลูกโซ่กาแฟใหญ่ที่สุดของจีนภายในสิ้นปี 2019 ดังที่ซีอีโอของลักคินได้แถลงต่อสื่อภายในปักกิ่งว่า การนำหน้าสตารบัคส์ด้วยจำนวนถ้วยที่ขายและจำนวนร้าน เราส่วนใหญจะรู้เรื่องราวของเดวิดและโกไลแอธ โกไลแอธจะเป็นนักรบยักษ์ใหญ่ที่พ่ายแพ้เด็กหนุ่มเดวิด ภายในโลกของธุรกิจ อุตสาหกรรมทุกอย่างจะมีโกไลแอธ ผู้นำตลาดสามารถเจริญเติบโตจากจุดแข็งไปสู่จุดแข็ง ด้วยงบประมาณมหาศาลและทรัพยากรที่นับไม่ได้ คู่แข่งขันรายเล็กที่เข้ามาใหม่ได้พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะดำรงอยู่ แต่บางโอกาสเราจะระลึกถึงได้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะพลิกกลับโต๊ะ เราสามารถเป็นเดวิดผู้ฆ่ายักษ์ได้ ตั้งแต่การเริ่มต้นอย่างถ่อมตัวของพวกเขา บริษัทหลายบริษัทได้ต่อสู้การรบขึ้นเนินไปสู่ยอดเขา ด้วยนวัตกรรม ความไม่ย่อท้อ และแรงขับเคลื่อนทำสิ่งที่ดีกว่า พวกเขาสามารถต่อสู้กับโกไลแอธได้แอปเปิ้ลได้ปฏิรูปจากเดวิดเป็นโกไลแอธ สตีฟ จ้อปได้กำเนิดเแอปเปิ้ลเป็นเดวิดต่อสู้กับโกไลแอธไอบีเอ็มหรือไมโครซอฟท์ การวางตำแหน่งแอปเปิ้ลอย่างฉลาดด้วยการเป็นรอง แอปเปิ้ลไม่ได้เล่นตามกฎ พวกเขาได้สร้างกฏใหม่ แอปเปิ้ลได้ประยุกต์ใช้สิ่งที่บุคบางคนเรียกกันว่าการคิดแบบเดวิดกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โกไลแอธจะเล่นตามกฏ เดวิดเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงกฏที่เป็นจุดแข็งของเขาไม่ใช่โกไลแอธ กฎของโกไลแอธคือการต่อสู้ตัวต่อตัว โกไลแอธจะมีทักษะทางการรบและเข้มแข็งย่อมจะชนะอย่างแน่นอน เดวิดไม่ยอมต่อสู้ตามตามกฏของเขา บริษัทเล็กจะต้องไม่เล่นตามกฏที่กำหนดโดยบริษัทใหญ่ บริัษัทเล็กควรจะค้นหาวิถีทางที่จะทำลายฐานะเดิมและกระทำด้วยวิถีทางที่แตกต่างกัน

การคิดแบบเดวิดจะเร้าใจที่สุดและประหลาดใจเมื่อโกไลแอธกระทำคล้ายกับเดวิด แม้ว่าไนกี้จะเป็นยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรม ไนกี้ได้พยายามจะรวมจิต
วิญญานของการเป็นรองเข้าไว้ ดังที่ ฟิลไนท์ ซีอีโอ ได้เสนอแนะว่า “มันดีแล้วที่จะเป็นโกไลแอธ แต่จะต้องกระทำให้เหมือนกับเดวิดอยู่เสมอ” ในที่สุดบางครั้งเดวิดได้กลายเป็นโกไลแอธได้ แอปเปิ้ลจะเป็นยักษ์ใหญ่ภายในดนตรีด้วยไอพอดและไอทูนส์ แต่เดวิดที่กลับไปเป็นโกไลแอธจะเสี่ยงภัยการทำความผิดพลาด ด้วยการสร้างข้อได้เปรียบแก่คู่แข่งขันที่พุ่งพรวดขึ้นมา ปัจจุบันนี้แอปเปิ้ลจะเป็นทั้งเดวิดและโกไลแอธขึ้นอยู่กับตลาดครั้งแรกที่มองเห็น เดวิดไม่สามารถจะชนะโกไลแอธได้ เขาจะตัวใหญ่และเข้มแข็งกว่าใครทุกคน ตรงกันข้ามเดวิดจะรวดเร็วและว่องไว แม้ว่าเขาไม่สามารถจะชนะโกไลแอธต่อความเข้มแข็งที่โหดร้ายได้ ข้อได้เปรียบทางความรวดเร็วจะช่วยให้เขาตอบสนองต่อการโจมตีของโกไลแอธ บริษัทเล็กจะต้องใช้ข้อได้เปรียบของความรวดเร็วด้วยการเรียนรู้ความล้มเหลวและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก่อนคู่แข่งขันรายใหญ่ของพวกเขาไอวาน อาร์เรกวีน ทอฟ นักรัฐศาสตร์ ได้ค้นพบว่าทุกสงครามที่ต่อสู้กันเมื่อสองร้อยปีที่แล้วระหว่างคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็งและคู่ต่อสู้อ่อนแอ เขาได้พบว่าโกไลแอธชนะ 71.5% เดวิดชนะเกือบ 30% เมื่อเล่นตามกฏของคู่ต่อสู้ของเขา แต่เมื่อเดวิดได้เลือกที่จะไม่เล่นตามกฏของโกไลแอธ ร้อยละของชัยชนะของเดวิดได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 28.5% เป็น 63.6%

เวอร์จิ้น กรุ็ป ก่อตั้งโดยริชาร์ด แบรนสัน ผู้ประกอบการชาวอังกฤษ เมื่อ ค.ศ 1970 พวกเขาจะมีบริษัทมากกว่า 400 บริษัท เวอรจิ้นได้เริ่มต้นจากบริษัทแผ่นเสียงจนกลายบริษัทข้ามชาติอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ของโลก ริชาร์ด แบรนสันและหุ้นส่วนของเขาได้คิดชื่อตราสินค้าว่า “เวอร์จิ้น” เราไม่เคยเข้ามาสู่โลกของธุรกิจ ดังนั้นพวกเขาจะมองตัวเองว่าบริสุทธ์อยู่ภายในธุรกิจ และนั่นคือที่มาของชื่อริชาร์ด แบรนสัน ได้เปลี่ยนแปลงเวอรจิ้นให้เป็นบริษัทแผ่นเสียงที่บรรลุความสำเร็จ เพราะว่าเขาได้เริ่มต้นขายแผ่นเสียงทางไปรษณีย์ ในขณะที่ตราสินค้าอื่นภายในธุรกิจจะยังขายแผ่นเสียงภายในร้านค้า เวอรจิ้นจะเป็นเดวิดภายในอุตสาหกรรมแผ่นเสียง พวกเขาจะเป็นตราสินค้ารายเล็กที่ต้องการทำสิ่งที่แตกต่างกัน และได้กลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญริชาร์ด แบรนสัน จะเป็นตราสินค้าของบุคคลคนเดียวที่ชอบการผจญภัยกับธุรกิจ เขาจะชอบความสนุกสนาน ริชาร์ด แบรนสันได้ถล่าวถึงตัวเขาเองว่าถ้าผมได้ทำสิ่งนี้อย่างสนุกสนาน ผมเชื่อบุคคลอื่นจะสนุกสนานกับการทำสิ่งนี้ด้งนั้นความสนุกสนานได้กลายเป็นเครื่อกรองของเขา ผมควรจะเข้าไปสู่มันหรือไม่ ริชาร์ด แบรนสัน ได้เขียนไว้ภายในหนังสือเล่มหนึ่งของเขาชื่อ The Virgin Way ว่าความสนุกสนานจะเป็นส่วนผสมที่สำคัญอย่างหนึ่ง – และประเมินค่าต่ำไป – ภายในการลงทุนที่บรรลุความสำเร็จ ถ้าเราไม่มีความสนุกสนาน จากนั้นมันน่าจะเป็นเวลาที่เลิกกับมัน และพยายามอย่างอื่นต่อไป เมื่อเขาได้บอกซีอีโอของเวอรจิ้น มิวสิค ครั้งแรกว่าเขาต้องการใช้หนึ่งในสามของกำไรของบริษัทที่จะเริ่มต้นสายการบิน เพราะว่ามันจะเป็นความสนุกสนาน แต่พวกเขาไม่ได้สนุกสนาน ริชาร์ด แบรนสัน ไม่ได้เบื่อหน่าย เขาสามารถบรรลุความสำเร็จและร่ำรวยได้ เพราะว่าเขาสนุกสนานตัวเขาเองริชาร์ด แบรนสัน ได้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งภายในอังกฤษ ภายในห้าทษวรรษของการสร้างอาณาจักรเวอร์จินที่บรรลุความสำเร็จ เขาจะมีความมั่งคั่งสุทธิ 4.9 พันล้านเหรียญ ความมั่งคั่งเกือบสิบเท่ากว่าของควีน อลิซาเบธ ความมั่งคั่งส่วนบุคคลของเธอได้ถูกประมาณไว้เท่ากับ 510 ล้านเหรียญ เมื่อ ค.ศ 2012ความลับของความสำเร็จของริชาร์ด แบรนสัน จะเป็นตราสินค้าเวอร์จิ้น เขาได้พยายามสร้างทีละน้อยให้เป็นตราสินค้าหนึ่งที่ถูกยอมรับมากที่สุดภายในโลกนับตั้งแต่การก่อตั้งเวอร์จิ้น เรคคอร์ด เมื่อ ค.ศ 1970 เขาได้เปลี่ยนแปลงชื่อ “เวอรจิ้น” ให้เป็นวัวเงินที่สร้างเงินสดอย่างมากมายริชาร์ด แบรนสัน ได้เริ่มต้นสร้างอาณาจักรของเขาภายในธุรกิจดนตรี เมื่อ ค.ศ 1970 เขาได้สร้างธุกิจแผ่นเสียงขายทางไปรษณีย ปีต่อมาเขาได้เปิดร้านเวอรจิ้น เรคคอร์ด ภายในลอนดอน และเมื่อ ค.ศ 1973 เขาได้เปิดตัวค่ายเพลงสนับสนุนธุรกิจการค้าปลีกของเขาศิลปินคนแรกของค่ายเพลงเวอรจิ้น เรคคอร์ด คือ ไมค์ โอลฟิลด์ ได้บันทึกแผ่นเสียงซิงเกิ้ลของเขา ” ทูบูลาร์ เบลล์” เมื่อ 1973 เพลงได้กลายเป็นยอดนิยมทันที และติดลำดับของ ยู เค ชาร์ตนาน 247 สัปดาห์ ด้วยการใช้แรงเหวี่ยงความสำเร็จของไมค์ โอลฟิลด์ พวกเขาได้ลงนามกับวงดนตรีอื่น เช่น เซ็กซ์ พิสทอลส์ คัลเจอร์ คลับ รอลลิ่ง สโตนส์ การช่วยทำให้เวอรจิ้น มิวสิคเป็นบริษัทบันทึกเสียงของหกลำดับสูงสุดภายในโลกริชาร์ด แบรนสัน ได้ขยายความพยายามทางผู้ประกอบการของเขาไปสู่ธุรกิจหลายอย่าง แต่กระนั้นความสำเร็จของเขาไม่ได้ทำนายได้เสมอไป และเมื่อ ค.ศ 1992 เวอรจิ้นต้องดิ้นรนที่จะลอยตัวทางการเงิน และพวกเขาต้องขายเวอร์จิน มิวสิค แก่ ธอร์น อีเอ็มไอหนึ่งพันล้านเหรียญ ริชาร์ด แบรนสัน จะได้เงินเข้ากระเป๋าประมาณ 695 ล้านเหรียญจากการขายบริัษัทที่เขาได้เริ่มต้นตอนวัยรุ่นและได้ใช้เป็นหลักสำคัญต่ออาณาจักรความเป็นผู้ประกอบการของเขาเงินนั้นได้เข้าไปสู่สิ่งที่ริชารด แบรนสัน เรียกว่า “ความรักใหม่” ของเขา รวมอยู่ที่ เวอรจิ้น แอตแลนติค แอรเวย์การซื้อเวอร์จิน เรคคอร์ด จะยกธอรน อีเอ็มไอ เป็นบริษัทสามบริษัทลำดับสูงสุดในแง่ของส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งโพลีแกรม และวอร์เนอร์ มิวสิค กรุ้ปเมื่อริชาร์ด แบรนสัน ได้ขายเวอร์จิ้น เรคคอร์ด หนึ่งพันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 1992 เขาได้ร้องให้ และไม่ใช่น้ำตาแห่งความสนุกสนาน ภายหลังจากที่เขาได้บอกแก่บุคคลของเขาว่าเขาได้ขายบริษัทไปแล้ว ริชาร์ด แบรนสัน ได้กลับไปบ้านของเขาที่ลอนดอน เขาได้กล่าวภายในการสัมภาษณ์ว่า น้ำตาของผมไหลลงมาที่หน้าริชาร์ด แบรนสัน อายุ 63 ปี ก่อตั้งเวอร์จิน เรคคอร์ดเมื่อ ค.ศ 1972 ด้วยบุคคลสามคน ได้เจริญเติบโตจากร้านแผ่นเสียงรายเล็กที่บรรลุความสำเร็จจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ภายในอุตสาหกรรมดนตรี การช่ายนำขบวนการของโพรเกสซิฟร้อคของ ค.ศ 1970 และคลื่นลูกใหม่ภายใน ค.ศ 1980 บริษัทได้ถูกซี้อโดยธอรน อีเอ็มไอ ราคาหนึ่งพันล้านเหรียญ เงินส่วนหนึ่งจะใช้เป็นทุนของสายการบินเวอรจิ้น แอตแลนติคริชาร์ด แบรนสัน ได้กล่าวแก่รอยเตอร์ ภายในลอนดอน ณ วันครบรอบปีที่ 40 ของการขายเวอรจิ้น เรคคอร์ค ว่าแน่นอน มันจะยากมาก มันจะคล้ายกับการขายเด็กของคุณผมหมายความว่า เราสร้างบางสิ่งบางอย่างจากความยากลำบาก เราเพิ่งจะลงนามกับเจเน็ต แจ็คสัน เราเพิ่งจะลงนามกับรอลลิ่ง สโตนเมื่อเราได้ขายมัน น้ำตาได้ไหลงมาที่หน้าของผมด้วยเช็คหนึ่งพันล้านเหรียญเมื่อสิ้นสุดทษวรรษ เวอร์จิ้น เรคคอร์ด ได้กลายเป็นพลังที่สำคัญภายในอุตสาหกรรมดนตรี เมื่อ ค.ศ 1984 ริชาร์ด แบรนสัน ได้แสดงพลังของตราสินค้าเวอร์จิ้น ด้วยการเข้าไปสู่อุตสาหกรรมสายการบิน เวอร์จิ้น แอตแลนติต ได้กลายเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญต่อบริติช แอรเวย์ การได้ชัยชนะส่วนแบ่งตลาดด้วยการบริการลูกค้าที่เหนือกว่า นับตั้งแต่นั้นมา ริชาร์ด แบรนสัน ได้กระจายไปสูธุรกิจหลายอย่าง เช่น เวอรจิ้น มีเดีย เวอรจิ้น มันนี่ และเวอรจิ้น โมบายริชาร์ด แบรนสัน ได้สร้างบริษัทมากกว่า 400 บริษัทภายใต้ชื่อตราสินค้าเวอรจิ้น แต่กระนั้นเวอรจิ้น กรุ้ป จะมีธุรกิจหลายอย้างที่ล้มเหลว ณ เวลาของความล้มเหลว ริชาร์ด แบรนสัน จะกล่าวถึงการยอมรับข้อผิดพลาดและการฟื้นตัวจะเป็นทักษะที่สำคัญต่อผู้ประกอบการแม่ของผมจะบอกผมตั้งแต่เด็กว่าไม่ควรจะใช้เวลามากกับความเสียใจในอดีต ผมได้พยายามจะนำระเบียบวินัยนั้นมาใช้กับธุรกิจของผม ทีมของผมและผมจะไม่ยอมให้ความผิดพลาด ความล้มเหลว หรือโชคร้ายทำให้เราคุกเข่าลงแม้แต่เมื่อธุรกิจได้ล้มเหลวลง เราจะพยายามมองหาโอกาสใหม่อยู่เสมอริชาร์ด แบรนสัน ได้เปิดตัว เวอรจิ้น โคล่า เมื่อ ค.ศ 1994 เวอรจิ้น โคล่า จะเป็นการขยายตัวทางตราสินที่สำคัญอย่างหนึ่ง และเป็นธุรกิจที่ล้มเหลวของเวอรจิ้นที่ถูกเผยแพร่มากที่สุด น้ำอัดลมที่เปิดตัวภายในเครื่องบินและโรงภาพยนตร์ของเวอร์จิ้น และได้สร้างส่วนแบ่งตลาดได้น้อยแต่มีนัยภายในอเมริกา 0.5% การผลิตน้ำอัดลมได้หยุดลงเมื่อ ค.ศ 2012 ภายหลังจากยักษ์น้ำอัดลมของอเมริกาได้ต่อสู้กลับแต่กระนั้นริชาร์ด แบรนสันจะสนุกสนานกับความล้มเหลว ผมจะต้องขับรถถังเข้าไปที่ไทม์ สแควร์ และสร้างขวดที่น่าอายด้วยรูปร่างของนางแบบพาเมล่า แอนเดอร์สัน ธุรกิจนั้นได้สอนผมว่าเราต้องไม่ประเมินพลังของผู้ผลิตน้ำอัดลมแนวหน้าของโลกต่ำไป ผมจะไม่เคยทำความผิดอีกครั้งหนึ่งของการคิดว่าบริษัทที่ยิ่งใหญ่และยึดครองกำลังหลับอยู มันจะไม่เป็นเพียงแต่เวอรจิ้น โคล่าแต่เครื่องดื่มเวอรจิ้นทั้งหมดได้ล้มเหลว เช่น เวอรจิ้น วอดก้า และเวอรจิ้นไวน์ริชาร์ด แบรนสัน ชอบไม่มีอะไรที่มากกว่าความท้าทายที่กล้าหาญ เขาจะมองความเป็นไปไม่ได้ว่าเป็นเพียงโอกาสทางธุรกิจอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น ใครก็ตามแต่ถ้าริชาร์ด แบรนสัน เขาได้รับเอาบทบาทของเดวิดไว้อย่างฉลาด ต่อสู้กับโกไลแอธเหมือนเช่น บริติช แอร์เวย์ อีเอ็มไอ มิวสิค และโคคา โคล่า ด้วยความมุ่งมั่นของกลายเป็นดีที่สุดแทนที่จะใหญ่ที่สุด และเขาจะบริหารภายใต้สมมุติฐานว่าเราจะมีกำไรที่สูงภายในส่วนตลาดที่เล็กของตลาดที่ใหญ่ริชารด แบรนสันจะมีเรื่องราวเดวิดต่อสู้โกไลแอธของเขาเองตั้งแต่ ค.ศ 1984 เมื่อเขาได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นสายการบินใหม่ เวอร์จิ้น แอตแลนติค ผู้เชี่ยวชาญต่างคิดว่าเราบ้า – และบางทีเราบ้า เขายอมรับ แต่เขาเชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่จะฆ่ายักษ์ ถ้าเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างเพียงแต่การใช้ราคา จากนั้นมันยากที่จะอยู่รอดได้ ถ้าเราสร้างบริษัทบนพื้นฐานของคุณภาพและตราสินค้า จากนั้นมันจะยากขึ้นต่อบริษัทใหญ่ที่จะกำจัดเราออกไปจากธุรกิจ ถ้าเราจะเป็นเดวิดต่อสู้โกไลแอธ เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างอย่างมากที่จะนำเสนอ เมื่อบริติช แอร์เวย์ ได้เปิดตัวการรณรงค์อุบายที่สกปรก ลูกค้าจะยืนอยู่ข้างเรา เพราะว่าเวอร์จิน จะมีเครื่องบินและการบริการลูกค้าที่ดีกว่าเรื่องราวของสิ่งที่บันดาลใจให้ริชาร์ด แบรนสันเริ่มต้นเวอรจิ้น แอตแลนติค ค่อนข้างจะน่าสนใจ ริชาร์ด แบรนสันได้เล่าถึงการกำเนิดของเวอร์จิ้น แอตแลนติค มงกุฏเพชรของเวอร์จิ้นว่า เขาไม่เคยมุ่งหวังจะเริ่มต้นสายการบิน ครั้งหนึ่งเขาตองการจะไปพบผู้หญิงที่สวยงามกำลังรอเขาอยู่ที่บริติช เวอร์จิน ไอซ์แลนด์ อเมริกัน แอร์ไลน์ ได้ยกเลิกเที่ยวบินตอนเย็นจากเปอรโตริโก ไปบริติช ัเวอร์จิ์น ไอร์แลนด์ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่เพียงพอดังนั้นผมได้จ้างเหมาลำเครื่องบินลำหนึ่ง แต่เขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัางเครื่องบินเหมาลำ แต่ริชาร์ด แบรนสัน ไม่ยอมแพ้และความคิดได้เกิดขึ้นภายในใจเขา เขาได้ยืมกระดานดำและเขียนว่า “เวอรจิ้น แอรไลน์ 29 เหรียญ” เที่ยวเดียวไปบริติช เวอร์จิน ไอซ์แลนด์ บุคคลที่ต้องการจะไปเกาะได้ซื้อตั๋วจากเขา และเขาได้ใช้เงินที่รวบรวมได้เช่าเครื่องบินไปยังเวอร์จิ้น ไอซ์แลนด์ ริชารด แบร์นสัน ได้ใช้ชื่อเครื่องบินที่จะนำไปเขาไปเกาะว่า “เวอร์จิ้น แอร์ไลน์” และชื่อนี้ได้บันดาลใจเขาที่จะเริ่มต้นสายการบินของเขาที่รู้จักวันนี้ว่า เวอรจิ้น แอตแลนติคเมื่อเครื่งงบินได้บินลงแล้ว ผู้โดยสารคนหนึ่งได้กล่าวแก่ผมว่า เวอร์จิน แอร์เวย์ ไม่เลวเลย การบริการดี และคุณสามารถอยู่ภายในธุรกิจได้แม้ว่าผมจะหัวเราะ เขาจะมีประเด็น การบริการของสายการบินสม้ยนั้นจะน่ากลัว ผมจะบินบ่อยครั้งในขณะที่บริหารเวอรจิ้น เรคคอร์ด และมักจะตกใจจากที่นั่งไม่สบาย การขาดความบันเทิง อาหารที่ไม่ดี และการพูดที่ไม่สุภาพ ผมต้องการจะให้บางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างและดีกว่าแก่ลูกค้า ผมคิดว่าถ้าเวอรจิ้นมีสายการบิน เราสามารถนำความสนุกสนานกลับมาสูการบินได้ และการนำความสวยงามกลับไปสู่ท้องฟ้าดังนั้นผมได้ติดต่อไปที่โบอิ้งและกล่าวว่าผมต้องการซื้อเครื่องบินมือสอง 747 พวกเขาถามว่าผมทำอะไร ผมตอบว่าผมบริหารเวอร์จินอยู่ เมื่อโบอิ้งมองว่าผมจริงจัง พวกเขาได้ตกลงกับข้อเสนอเมื่อ ค.ศ 2004 ริชาร์ด แบรนสันและเวอรจิ้น กรุ้ป ได้้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยานอวกาศด้วยการเปิดตัว เวอร์จิน กาเเลคติก บริษัทเที่ยวบินอวกาศ พวกเขาจะมุ่งนำบุคคลไปสู่อวกาศ ณ ราคาที่ต่ำ 200, 000 เหรียญ ระดับของความไว้วางใจต่อริชาร์ด แบรนส้นและกลุ่มของเขาจะวัดได้จากข้อัเท็จจริงว่าเมื่อ ค.ศ 2014 บุคคลมากกว่าห้าร้อยคนได้ซื้อบัตรโดยสารแล้วเพื่อการเดินทางริชาร์ด แบรนสัน ได้ท้าทายตัวเขาเองให้ก้าวขั้นต่อไปของความเชื่อว่าเขาไม่เพียงแต่สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญเท่านั้น เขาสามารถทำงานของพวกเขาได้ดีกว่าด้วย ธุรกิจเวอรจิ้นส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยริชาร์ด แบรนสัน เขาจะท้าทายต่อโกไลแอธยักษใหญ่ภายในอตสาหกรรมที่แตกต่างกัน และการเอาชนะพวกเขาด้วยเกมของเขาเอง

ริชาร์ด แบรนสัน ได้สรุปกลยุทธ์ของเวอรจิ้น กรุ้ป ด้วยคำพูดว่า “โอกาสทางธุรกิจจะคล้ายกับรถโดยสาร เราจะมีรถโดยสารอีกคันหนึ่งตามมาอยู่เสมอ” โดยพิ้นฐาน เวอร์จิ้นจะพิจารณาอุตสาหกรรมที่มีอยู่ เพื่อที่จะดูว่าถ้าพวกเขาสามารถนำเสนอบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่าบริษัทที่มีอยู่และมีความหลงพึงพอใจ ตัวอย่างเช่น รถไฟ สายการบิน หรือธนาคาร เวอรจิ้น กรุ้ป จะกระจายไปสู่ธุรกิจมากกว่า 200 อย่าง และพวกเขาจะเข้าไปควบคุมทุกอย่างเวอรจิ้น จะเป็นตราสินค้าหนึ่งที่ยากจะต่อต้านได้ของโลก พวกเขาได้ขยายตัวไปสู่ธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่การเดินทางไปถึงโทรคมนาคม สุขภาพไปถึงธนาคาร และดนตรีไปถึงการพักผ่อน ปัจจุบันนี้เราจะมีบริษัทเวอรจิ้นมากกว่า 400 บริษัททั่วโลก การว่าจ้างบุคคลประมาณ 7,100 คนภายใน 35 ประเทศ เวอร์จิ้น ได้เริ่มต้นจากการเป็นผู้ค้าปลีกแผ่นเสียงเมื่อ ค.ศ 1970 ริชาร์ดแบรนสัน ได้ก่อตั้งเวอรจิ้น เรคคอร์ด และเปิดเป็นร้านแผ่นเสียงบนถนนอ็อกฟอร์ด ลอนดอน ธุรกิจทุกอย่างภายในเวอร์จิ้น กรุ็ป จะมีเป้าหมายทางกลยุทธ์มุ่งไปสู่อาณาจักร “ห้าเสา” ที่ริชาร์ด แบรนสัน ได้สร้าง เสาเหล่านี้คือ การเดินทาง การพักผ่อน โทรศัพทมือถือ ความบันเทิง และการค้าปลีก ภายใต้ธุรกิจทุกอย่างของอาณาจักร ผู้บริหารจะมีความเป็นอิสระภายในการตัดสินใจเพื่อการเจริญเติบโต การทำให้พวกเขารู้สึกถึงระดับความเป็นเจ้าของและค่านิยมอย่างเดียวกันจุดสำคัญของการกระจายธุรกิจคือการระบุอุตสาหกรรมที่มีโอกาสทำกำไรสูง และบริษัทมีความสามารถภายในที่จะช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การเข้าไปสู่ตลาดของเวอรจิ้น แอตแลนติคเมื่อ ค.ศ 1980 จะเป็นตัวอย่างที่ดี ณ เวลานั้น เมือการบริการลูกค้าที่ดีจะเป็นคุณภาพที่หายากภายในอุตสาหกรรมสายการบิน การยกเลิกเที่ยวบิน เที่ยวบินล่าช้า และสัมภาระสูญหาย จะมีอยู่เสมอ ความสามารถภายในของเวอร์จิ้นของการให้การบริการลูกค้าที่ดีทั่วทั้งกลุ่มธุรกิจได้สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันแก่พวกเขา สายการบินอื่นยากที่จะลอกเลียนแบบได้ เวอร์จิ้น จะตัวอย่างที่ดีของการกระจายธุรกิจแบบไม่เกี่ยวพันกัน เวอร์จิ้นได้ใช้ตารางของอิกอร์ แอนซอฟท์ ด้วยการใช้กลยุทธ์การกระจายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่หลายอย่าง ตารางแอนซอฟท์ ได้แสดงการกระจายธุรกิจจะเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งของกลยุทธ์สี่อย่างที่ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากกลยุทธ์สามอย่างคือ การเจาะตลาด การพัฒนาตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ริชาร์ด แบรนสันได้ใช้ข้อได้เปรียบของตราสินค้าเวอร์จิ้น และได้กระจายไปสู่ธุรกิจที่หลากหลาย แรงขับเคลื่อนเบื้องหลังความสำเร็จของตราสินค้าคือริชาร์ด แบรนสัน ความสำเร็จของการกระจายธุรกิจด้วยการใช้ตราสินค้าร่วม เวอร์จิ้น กรุ้ป ได้รับการยกย่องสูงมาก “เวอร์จิ้น” ได้ถูกรับรู้ว่าเป็นตราสินค้าที่มีชื่อเสียง เมื่อ ค.ศ 1992 เวอร์จิ้นจะเป็นหนึ่งตราสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เวอร์จิ้นได้ถูกสร้างเป็นรากฐานของตราสินค้าความบันเทิงและการเดินทางของบริษัทอิกอร์ แอนซอฟท์ บิดาของการบริหารเชิงกลยุทธ์ ได้พัฒนาตารางแอนซอฟท์ ขึ้นมาเมื่อ ค.ศ 1957 และได้กลายเป็นผลงานที่โด่งดังไปทั่วโลก ตารางแอนซอฟท์ไดัถูกพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเป็นบทความชื่อ Strategies for Diversification ภายในวารสารของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตารางแอนซอฟท์คือ เครื่องมีอของการวางแผนการตลาดอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะเพิ่มยอดขายของบริษัทให้สูงขึ้นตารางแอนซอฟท์ได้เสนอแนะกลยุทธ์การตลาดสี่ทางเลือกคือ การเจาะตลาด บริษัทที่ใช้การเจาะตลาดจะเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นด้วยการขายผลิตขายผลิตภัณ์เดิมภายในตลาดเดิม เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่สามรายของโลก ยูนิลีเวอร์ พรอคเตอร์ แอนแกมเบิ้ล และคอลเกต ปาล์มโอลีฟ นักการตลาดที่เชี่ยวชาญการโฆษณาและการส่งเสริมการตลาด ได้ใช้การเจาะตลาดเพิ่มยอดขายอยู่เสมอ การพัฒนาตลาด บริษัทที่ใช้การพัฒนาตลาดจะเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นด้วยการขายผลิตภัณฑ์เดิมภายในตลาดใหม่ เช่น โคคาโคล่า ได้ใช้การพัฒนาตลาดเพิ่มยอดขายด้วยการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาทั่วโลก วิสัยทัศน์ของโค้กคือ “เราจะเอาโค้กใส่มือ แล้วยื่นไปยังบุคคลทุกคนทั่วโลก” การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทที่ใช้การพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นด้วยการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในตลาดเดิม เช่น โตโยต้า ได้ใช้การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มยอดขายด้วยการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเฉลี่ยทุกสองปี การกระจายธุรกิจ บริษัทที่ใช้การกระจายธุรกิจจะเพิ่มยอดขายให้สูงขึันด้วยการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในตลาดใหม่ เช่น เป้ปซี่ ได้ใช้การกระจายธุรกิจเพิ่มยอดขายด้วยการเข้าไปสู่ธุรกิจ เช่น ธุรกิจร้านอาหารเคเอฟซี และพิซซ่า ฮัท มาแล้ว

ริชาร์ด แบรนสัน ได้กล่าวว่า สไตล์ความเป็นผู้นำของเขาจะเป็นผู้ทำลายกฏ ผมไม่เคยเรียนรู้กฏตอนเริ่มแรก การเปลี่ยนแปลงเกมจะอยู่ที่หัวใจการยืนหยัดของเวอร์จิ้น ดังนั้นวัฒนธรรมของบริษัทจะเป็น ” อย่าไปเหนื่อยกับมัน กฏจะต้องถูกทำลาย” อยู่เสมอสิ่งที่ทำให้ริชาร์ด แบรนสันเป็นผู้นำที่บรรลุความสำเร็จสูงโดยปรกติจะเป็นถ้อยคำทีเชื่อมโยงกับชื่อของเขาที่มีทั้ง ความสนุกสนาน ความอบอุ่น ความเป็นมิตร ความรวดเร็ว การแข่งขัน นักผจญภัย นักเสี่ยงภัย ผู้ฉวยโอกาส และผู้บ้างาน ตามแนวคิดของความเป็นผู้นำทางคุณลักษณะแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้ทุกคำจะสร้างผู้นำที่ดีเมื่อ ค.ศ 1910 โทมัส คาร์ไลย์ นักประวัติศาสตร์ ได้กล่าวว่า เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของโลกเกิดขึ้นจากความสำเร็จของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ของโลกเป็นชีวประวัติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ การสะท้อนความเชื่อของเขาว่า วีรบุรุษได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยคุณลักษณะส่วนบุคคลและแรงบันดาลใจ พวกเขาได้กระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ชีวิตของเรา เช่น อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีอเมริกา ได้มีการยกเลิกทาส รากฐานทางทฤษฎีบุคคลที่ยิ่งใหญ่จะอยู่ที่การระบุคุณลักษณะทางร่างกาย สังคม และบุคลิกภาพส่วนบุคคลโดยธรรมชาติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ราล์ฟ สต็อกดิลล์ ผู้บุกเบิกคนหนึ่งของความเป็นผู้นำเชิงคุณลักษณะ ได้พิมพ์บทความเรื่อง Personal Factors Associated with Leadership ภายในวารสารจิตวิทยา เขาได้เริ่มด้วยการยอมรับการสำรวจคุณลักษณะของความเป็นผู้นำทางทหาร ภายใต้การวิจัยของราล์ฟ สต็อกดิลล์ ที่ไม่ใช่ผู้นำทางทหาร เขาได้พบว่าคุณลักษณะเป็นปัจจัยเดียวเท่านั้นที่เชื่อมโยงกับความเป็นผู้นำราล์ฟ สต็อกดิลล์ ได้ทบทวนการวิจัยความเป็นผู้นำเชิงคุณลักษณะตั้งแต่ ค.ศ 1948 เขาได้ระบุคุณลักษณะของความเป็นผู้นำไว้ต่อไปนี้คือ คุณลักษณะทางร่างกาย ภูมิหลังทางสังคม สติปัญญา บุคลิกภาพ และคุณลักษณะทางสังคมริชาร์ด แบรนสันจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ดี เขาจะปฏิบัติต่อบุคคลของเขาด้วยความเสมอภาค ความเคารพ และความเป็นครอบครัว เขาจะมีการเชิญบุคคลมางานเลี้ยงภายในบ้านของเขาเอง ริชาร์ด แบรนสันจะยินดีต่อการป้อนกลับและข้อเสนอแนะจากบุคคลของเขา เขาจะให้ความเป็นอิสระแก่บุคคลที่จะสร้างสรรค์ องค์การของเขาจะไม่มีระเบียบวิธีการปฏิบัติงาน และบุคคลจะทำงานอยู่ภายในโครงสร้างที่แบนและไม่มีสายการบังคับบัญชาริชาร์ด แบรนสัน จะมีสไตล์ความเป็นผูนำแบบมีส่วนร่วม เขาเชื่อว่า ไม่มีบุคคลใดสามารถบรรลุความสำเร็จได้โดยคนเดียว และเราไม่สามารถเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้โดยไม่มีบุคคลที่ยิ่งใหญ่จะนำ ด้งนั้นสไตล์ความเป็นผู้นำของเขาได้แสดงถึงการดูแลบุคคลของเขา เขาจะเชื่อมั่นต่อศิลปของการมอบหมายงาน การค้นหาบุคคลที่เหมาะสมและการให้ความเป็นอิสระแก่พวกเขา
ริชาร์ด แบรนสันได้กล่าวถึงหลักการความเป็นผู้นำลำดับสูงสุดสามข้อของเขา
1 การรับฟัง การรับฟังจะเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ใครก็ตามสามารถมีได้ การรับฟังจะเป็นคุณลักษณะของเวอรจิ้น การรับฟังจะทำให้เราสามารถเรียนรู้จากระหว่างกัน จากตลาด และจากความผิดพลาด ผมได้เรียนรู้อย่างมากจากลูกค้าและบุคคลของเรา
2 การเรียนรู้ การเรียนรู้และความเป็นผู้นำจะไปด้วยกัน การยกย่องมากเกินไปที่ให้กับผมต่อสิ่งที่เราได้บรรลุความสำเร็จ ณ เวอรจิ้น แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นจากการทำงานและการเรียนรู้กับบุคคลที่บันดาลใจด้วย
3 การหัวเราะ กฏหมายเลขหนึ่งของผมภายในธุรกิจและชีวิตคือ การสนุกสนานกับสิ่งเราทำ การทำธุรกิจจะเกี่ยวข้องกับชั่วโมงที่ยาวนานและการตัดสินใจที่ยากลำบาก ถ้าเราไม่มีความลุ่มหลงต่อสิ่งที่เราทำอยู่ ธุรกิจของเราน่าจะล้มเหลว ถ้าเราไม่สนุกสนานกับสิ่งที่เราทำอยู่ เราไม่ควรจะทำมัน
ริชาร์ด แบรนสัน จะใช้ความล้มเหลวเป็นสไตล์ภายในการบริหารของเขา เพราะว่าเขารู้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และบุคคลไม่ควรจะกลัวความล้มเหลว เนื่องจากความล้มเหลวจะเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ บุคคลที่กลัวความบ้มเหลวจะไม่เคยบรรลุความสำเร็จภายในการสร้างอะไรก็ตามของชีวิต ริชาร์ด แบรนสัน บรรลุความสำเร็จสูงมาก เพราะว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์ความล้มเหลวของเขาเพื่อความสำเร็จ เขาได้พยายายามจะเป็นบุคคลแรกบินภายในบอลลูนแปดครั้งที่ไม่บรรลุความสำเร็จ แต่ในที่สุดเขาสามารถทำมันได้เป็นบุคคลแรกที่ข้ามแอตแลนติคและแปซิฟิคตามมุมมองของริชาร์ด แบรนสัน ความล้มเหลวเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารควรจะใช้เป็นสไตล์ของการบริหารรับไว้เพื่อความสำเร็จของเขา ความล้มเหลวจะเป็นครูคนหนึ่งภายในชีวิต ดังนั้นเมื่อบุคคลหนึ่งได้ล้มเหลว เขาควรจะยืนขึ้น ปัดฝุนตัวเอง และเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง การขาดการยืนขึ้นภายหลังความล้มเหลวภายในบางสิ่งบางอย่างคือสิ่งที่ทำให้บุคคลบางคนกลายเป็นผู้แพ้ภายในสนามนั้นริชาร์ด แบรนสัน จะเป็นบุคคลที่มีอิทธพลและบรรลุความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งภายในโลกของธุรกิจ เขาจะมีชื่อเสียงภายในโลกต่อการมีส่วนช่วยต่อเศรษฐกิจและนวัตกรรมเขาเกิดภายในเซอร์เรย์ อังกฤษ เมื่อ ค.ศ 1950 ตั้งแต่เด็กเขาต้องต่อสู้กับโรคความบกพร่องทางการอ่าน การทำให้ชีวิตภายในโรงเรียนของเขายากลำบากเมื่อริชารด แบรนสัน ได้ออกจากโรงเรียน ครูใหญ ได้กล่าวแก่เขาว่า ครูทำนายว่า ถ้าเธอไม่ติดคุก เธออาจจะได้เป็นมหาเศรษฐี – เขาได้เป็นทั้งสองอย่าง การติดคุกอยู่หนึ่งคืนจากการหนีภาษีตอนวัยรุ่น และความมั่งคั่งของเขาได้ถูกประมินไว้ 5.1 พันล้านเหรียญ – และเขาไม่เคยกลัวที่จะโอ้อวดริชาร์ด แบรนสัน ได้เริ่มต้นแสดงความกล้าหาญของการเป็นผู้นำของเขาเมื่ออายุ 16 ปี เขาได้ลาออกจากโรงเรียนและได้เริ่มต้นทำนิตยสารที่มุ่งวัยหนุ่มสาวชื่อ “สติวเด้นท์” ภายในการพิมพ์ฉบับบแรก สิ่งตีพิมพ์ของริชาร์ด แบรนสันได้ขายการโฆษณามูลค่าถึง 80,000 เหรียญ เขาได้ลาออกจากโรงเรียน เพื่อที่จะทุ่มเวลาให้กับนิตยสารของเขา ครูใหญ่ได้แสดงความยินดีแก่เขา

กลยุทธ์การกระจายธุรกิจของบริษัทอาจจะแบ่งได้เป็นการกระจายธุรกิจที่เกี่ยวพันกัน และการกระจายที่ไม่กี่ยวพ้นกัน การกระจายธุรกิจแบบเกี่ยวพันกันจะเป็นการการกระจายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจเดิมของบริษัท การเชื่อมโยงนี้จะอยู่บนรากฐานของการใช้การผลิต การตลาด และเทคโนโลยีร่วมกัน การกระจายธุรกิจแบบไม่เกี่ยวพันกันจะเป็นการกระจายธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่ไม่เชื่อมโยงกับธุรกิจเดิมของบริษัทบริษัทที่ใช้กลยุทธ์การกระจายธุรกิจจะมีระดับของการกระจายธุรกิจและการเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจของพวกเขาแตกต่างกันไป ริชาร์ด รูเมลท์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ ไ้ด้แบ่งการกระจายธุรกิจได้เป็นห้าระดับคือ บริษัทที่ใช้กลยุทธ์ธุรกิจอย่างเดียวจะกระจายธุรกิจน้อยที่สุด บริษัทที่ใช้กลยุทธ์การกระจายธุรกิจที่ไม่เกี่ยวพันกันจะกระจายธุรกิจมากที่สุด ริชารด รูเมลท์ ได้ใช้แหล่งที่มาของรายได้จากการขายพิจารณาระดับของการกระจายธุรกิจบริษัทที่มีระดับการกระจายธุรกิจต่ำจะมุ่งธุรกิจอย่างเดียวหรือธุรกิจที่สำคัญ บริษัทที่มีธุรกิจอย่างเดียวจะมีรายได้จากธุรกิจอย่างเดียวมากกว่า 95% ของรายได้รวม บริษัทที่มีธุรกิจที่สำคัญจะมีรายได้จากธุรกิจที่สำคัญระหว่าง 70% และ 95% ของรายได้รวมบริษัทที่มีระดับการการกระจายธุรกิจปานกลางและสูง บริษัทที่มีรายได้มากกว่า 30% ของรายได้รวมนอกเหนือจากธุรกิจที่สำคัญ หรือน้อยกว่า 70% ของรายได้รวมจะมาจากธุรกิจที่สำคัญ และธุรกิจจะมีการเชื่อมโยงระหว่างกันด้วยวิถีทางบางอย่าง บริษัทจะมีการกระจายธุรกิจแบบเกี่ยวพันกันมาก แต่ถ้าบริษัทมีการเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจน้อย บริษัทจะมีการกระจายธุรกิจที่เกี่ยวพันกันและไม่กี่ยวพันกันผสมกัน บริษัทที่มีระดับการกระจายธุรกิจสูงมาก เมื่อบริษัทมีการกระจายธุรกิจที่ไม่เกี่ยวพันเลย การเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจจะไม่มี และมากกว่า 30% ของรายได้รวมนอกเหนือจากธุรกิจที่สำคัญ หรือน้อยกว่า 70% ของรายได้รวมจะได้มาจากธุรกิจที่สำคัญริชาร์ด รูเมลท์ เป็นนักวิชาการทางกลยุทธ์คนแรกที่ได้ค้นพบการเชื่อมโยงทางสถิติระหว่างการกระจายธุรกิจและการทำกำไร เขาได้ชี้ให้เห็นว่าบริษัท ที่มีการกระจายธุรกิจปานกลางจะทำกำไรดีกว่าบริษัทที่มีการกระจายธุรกิจมาก

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *