โครงการแกะมงคล สร้างรายได้สองทาง

ที่มาของโครงการ
แกะและแพะเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจชุมชน เลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ ผสมติดง่าย ให้ลูกได้อย่างน้อยปีละ 2-3 ตัว โดยในประเทศไทยมีการเลี้ยงทั่วไป โดยเฉพาะในภาคใต้ที่มีชนชาวมุสลิมอยู่มาก  การเลี้ยงเป็นแบบรายย่อยประมาณครอบครัวละ 8-10 ตัว  เพื่อเป็นอาชีพเสริมจากการที่เกษตรกรมีรายได้หลักจากการปลูกข้าว พืช ผักผลไม้  เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่ที่เป็นที่ว่างและมีหญ้าที่ขึ้นตามธรรมชาติที่เป็นอาหารแกะแพะได้อย่างดี หากเกษตรกรปรับแนวคิดให้มีรายได้สองทาง จากอาชีพหลัก เช่น ปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ร่วมกับการเลี้ยงสัตว์ที่สามารถให้รายได้อย่างดี
แนวทางการทำโครงการ เพื่อให้เกษตรกรมีอาชีพการเลี้ยงแกะแพะเพิ่มขึ้น เป็นรายได้เสริม ป้องกันความเสี่ยงจากการขาดรายได้จากประกอบอาชีพเพียงอย่างเดียวเดี่ยวเพียงอาชีพเดียว โดยการที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำวิจัยใช้ได้จริง ด้านการผสมเทียมและการย้ายฝากตัวอ่อนแพะแกะ สามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้รวดเร็วกว่าการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ  ซึ่งเทคโนโลยีทั้งสองเป็นนวัตกรรมที่สามารถนำมาปรับใช้ในการสร้างสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับประเทศไทย  จึงเห็นควรที่ปรับเทคโนโลยีนี้มาใช้กับการสร้างรายได้แก่เกษตรกรในรูปวิสาหกิจชุมชนผ่านการใช้นวัตกรรมสมัยใหม่

เงื่อนไขของการทำโครงการ
1.    รวมกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการเลี้ยงแกะเป็นอาชีพเสริม แล้วทำการคัดเลือกเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการอย่างจริงจังและจริงใจในโครงการจำนวน 10 ราย
2.    จัดตั้งคณะกรรมการบริการโครงการฯ ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่โครงการที่มอบหมาย และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 3-5 คน
3.    เกษตรกรควรมีพื้นที่ในการเลี้ยงแพะแกะประมาณ 10 ไร่ เพื่อสามารถปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และหากเหลือสามารถนำไปจำหน่าย เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
4.    เกษตรกรจะได้รับการอบรมด้านการเลี้ยง และการดูแลสุขภาพจากโครงการฯ ที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์และผู้เชื่ยวชาญก่อนเริ่มเลี้ยง
5.    ทางโครงการฯ จะให้ยืมแกะแม่พันธุ์ติดท้องจำนวนครอบครัวละ  2 ตัว ทั้งนี้เกษตรกรจะต้องให้ความสนใจดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งทำสัญญาเช่ายืมจากโครงการฯ สัญญานี้ถือเป็นข้อผูกมัดในการปฏิบัติในข้อต่อไปในเงื่อนไข   ทั้งนี้ทางโครงการฯ จะจัดสรรพ่อพันธุ์ที่มีพันธุกรรมสูง จำนวน 2 ตัว โดยมอบหมายให้หัวหน้ากลุ่มเกษตรกรเป็นผู้เลี้ยงดู เพื่อใช้ในการผสมพันธุ์
6.    เมื่อครบ 1 ปี   หากได้ผลผลิตเป็นลูกแกะเพศเมีย เกษตรกรจะต้องส่งลูกแกะเพศเมียให้แก่โครงการเมื่ออายุ  6 เดือน เพื่อแลกกับแม่พันธุ์ของโครงการ ที่จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรรายนั้นๆ โดยลูกแกะเพศเมีย จะนำไปกระจายให้แก่เกษตรกรรายใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการ หากเป็นแกะเพศผู้ เกษตรกรสามารวเก็บไว้สำหรับตนเอง โดยจะจำหน่ายหรือเลี้ยงต่อ ทั้งนี้ควรแจ้งให้ทางคณะกรรมการโครงการ
7.    หากแกะที่ยืมไปมีปัญหาเจ็บป่วย ต้องถูกคัดทิ้งหรือตาย จะต้องแจ้งให้กับทางผู้จัดการหรือหัวหน้าโครงการที่ได้รับการมอบหมายจากโครงการฯ เพื่อรับทราบ กรณีที่ไม่มีเหตุผลของการตายหรือคัดทิ้งหรือหาย ทางคณะกรรมการโครงการฯ จะร่วมกันพิจารณาเพื่อจัดสรรให้เพิ่ม หรือไม่เพิ่ม หรือเอาแกะที่ให้ยืมกลับคืน
8.    เกษตรกรไม่มีสิทธิที่จะย้ายแม่พันธุ์ของโครงการฯ ออกนอกพื้นที่ หรือย้ายไปให้ผู้อื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาชิก หากไม่ปฏิบัติ คณะกรรมการฯ อาจขอคืนแม่พันธุ์ของโครงการฯ
9.    เกษตรกรที่แจ้งความจำนงจะเลิกเลี้ยง สามารถทำได้ โดยจะต้องคืนแกะที่เป็นแม่พันธุ์เดิมให้แก่โครงการฯ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการ
10.    เกษตรกรที่ร่วมต้องจดบันทึกข้อมูล เพื่อการตรวจสอบ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง อาหารที่ให้ วันที่แกะถูกผสม เพศ และน้ำหนักของลูกแกะ ราคาที่ขายได้

ผลประโยชน์ที่จะได้รับ
1.    เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถนำไปใช้จุนเจือครอบครัว
2.    เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่าของตนเองในการเพิ่มอาชีพเลี้ยงแกะ
3.    หากเป็นไปได้อย่างดี จะเป็นแหล่งพันธุ์แกะที่ดีของประเทศ

หมายเหตุ 

มาอบรมให้เกษตรกรที่ลพบุรี ผู้เลี้ยงแพะเข้มแข็งมาก มีรายได้จากการเลี้ยงแพะกว่าแสนบาทต่อปีครับ เขารวมตัวเป็นสหกรณ์ และได้รับพ่อแม่พันธุ์จากรัฐ ในช่วงแรก. รายละ 10 แม่

ติดต่อคุณจันทร์เพ็ญ 081-870-8493 ครับ