INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ซีเรีย​-ปาเลสไตน์​ : จากแผ่นดินโบราณสู่สัญญาณ​แห่งวันสิ้นโลก​ (25)

ซีเรีย​-ปาเลสไตน์​ : จากแผ่นดินโบราณสู่สัญญาณ​แห่งวันสิ้นโลก​ (25)

โดย​ อดุลย์​ มานะจิตต์

ไม่มา

อิมาม อัศศอดิกกล่าวไว้ว่า อิสมาอีลเป็นบุตรของศาสดาองค์ หนึ่ง เขาสั่งสอนผู้คนเกี่ยวกับอัลลอฮ์ และพระบัญชาต่างๆของพระองค์ แต่พวกเขาต่างพากันปฏิเสธในคำสอนของเขา พวกเขาต่างตั้งตน เป็นศัตรูกับเขา มีครั้งหนึ่งผู้คนต่างหวดดีเขาและทำให้หนังที่ศีรษะ และใบหน้าของเขาเปิดออกจนขาดวิ่น อัลลอฮ์ทรงส่งทวยเทพ มายังเขา เทพองค์นั้นจึงกล่าวว่า “อัลลอฮ์ทรงส่งความรำลึกมายัง ท่านและให้สอบถามท่านถึงเรื่องของผู้คนที่ปฏิบัติอย่างทารุณโหดร้ายต่อท่าน และทรงถามท่านว่าจะให้พระองค์ลงโทษพวกเขาในแบบ ใดกัน” เขากล่าวตอบว่า “เขาไม่ต้องการที่จะแก้แค้นใดๆในโลกนี้ เขามีความอดทนเสมือน อิมาม อัลฮุเซน หลานชายของศาสดามุฮัมมัด มุสฎอฟา”

 

ตามรายงานวจนะอีกบทหนึ่งกล่าวว่า ครั้งหนึ่ง บารีด อจาลี ถาม อิมาม อัศ ศอดิก ว่า ผู้คนต่างพากันเชื่อว่าเขาเป็นบุตรของ อิบรอฮีม แต่อิสมาอีลผู้ได้รับสมญานามว่า “ผู้รักษาสัญญา” เป็นบุตรของ อิบรอฮีม หรือคนอื่น อิมามกล่าวตอบว่า “อัลลอฮ์ทรงประทาน ความเป็นศาสนทูตให้กับเขาต่อหน้าของอิบรอฮีม เขาเป็นศาสดาใน สมัยนั้น ถ้าหากมีศาสดาองค์หนึ่งแล้วบนโลก ก็จะมีศาสดาอีกองค์ หนึ่งในขณะเดียวกันไม่ได้ ศาสดาอิบรอฮีมเป็นนบี แต่ไม่ได้เป็นรอซูล

 

อัลลอฮ์ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานว่า “เขาเป็นบุตรของฮิซคิล อัลลอฮ์ทรงมอบการเป็นศาสนทูตให้กับเขาในหมู่ผู้คน พวกเขาพากัน ปฏิเสธเขา และปฏิบัติต่อเขาอย่างโหดร้ายยิ่ง จนทำให้ผิวหนังที่ใบหน้า และศีรษะของเขาฉีกออก อัลลอฮ์ทรงพิโรธอย่างยิ่งและจึงส่งเทพองค์ หนึ่งมายังเขาชื่อ ชะตาตะอีล เขาจึงสอบถามศาสดาองค์นี้ว่า หากท่าน ประสงค์ให้ข้าฯทำให้ผู้คนต้องได้รับการลงโทษในแบบต่างๆกัน ข้าฯจะ กระทำให้ได้” แต่ศาสดาองค์นั้นกล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้มีการลงโทษ ใดๆ อัลลอฮ์ตรัสถามว่า “เจ้ามีเจตนาอย่างไร” ศาสดากล่าวตอบว่า “โอ้อัลลอฮ์ พระองค์ทรงสัญญาแล้วว่าในวาระของการ รอจอะฮ์ อิมาม อัล ฮุเซนจะมาสู่โลกนี้อีกวาระหนึ่งและจะมาแก้แค้นเอากับบรรดา ฆาตกรของเขา ในความปรารถนาของฉันก็จะเป็นเช่นนั้น อัลลอฮ์ ทรงยอมรับและให้สัญญากับเขาดังว่า ข้าจะส่งเจ้ามาพร้อมกับ อิมาม ฮุเซน ในวาระของการรอจอะฮ์”

 

ท่านศาสดากล่าวไว้ว่า เป็นการดีกว่าที่จะดูแลผู้คนด้วยกับ คำพูดที่ดี ขจัดการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเขาและทำประโยชน์ ให้กับมุสลิม “ในหมู่ชาวอิสราเอลมีชายคนหนึ่งเป็นคนเคร่งครัดในศาสนาอย่างยิ่งและชอบช่วยเหลือผู้อื่น ครั้งหนึ่งเขาจำต้องเข้าเฝ้า กษัตริย์เพื่อให้คำปรึกษาถึงเรื่องบุคคลบางคน เขาเกิดไปพบกับ อิสมาอีล บิน ฮิซคิล ในระหว่างทาง เขาจึงขอร้องให้ศาสดาอิสมาอีล รอเขาอยู่จนกว่าเขาจะกลับมา เมื่อเขาเข้าเฝ้ากษัตริย์แล้วเขาลืมที่จะ กลับมาหาศาสดา อิสมาอีลจึงรอคอยเขาอยู่โดยไม่ยอมกลับไป และ รอคอยอยู่ ณ จุดนี้โดยไม่ไปไหนเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีด้วยกับความ กรุณาปรานีของอัลลอฮ์ มีต้นไม้และผักขึ้นมาปกคลุมอยู่ ณ สถานที่นั้นให้กับศาสดาได้เก็บกิน และมีลำธารน้ำไหลผ่านซึ่งใช้ดื่มกิน และมีเมฆลอยมาปกคลุมให้ร่มเงากับท่าน​ กษัตริย์เสด็จผ่านมาทางนั้น​ ชายคนนั้นตามเสด็จมาด้วย เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงสถานที่นั้น และเห็นอิสมาอีลยังคงรอคอยอยู่ ชายคนนั้นจึงถามศาสดาว่าเขารออยู่ตรงนี้ตลอดระยะเวลานั้นเลยหรือ “ใช่แล้ว” ศาสดากล่าวตอบ ด้วยเหตุผลนี้อัลลอฮ์จึงตั้งสมญานามให้กับเขาว่า “ผู้รักษาสัญญา” มีชายคนหนึ่งนามว่า ยาบิร เขากล่าวอ้างว่าศาสดาเป็นคนโกหก เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขาผ่านมาทางนี้ เขาไม่เคยเห็นศาสดาเลย ศาสดากล่าวว่า “เขาต่างหากที่โกหกและจึงสาปเขาโดยกล่าวว่า​ อัลลอฮ์จะทรงนำเอาสิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้าไปจากเจ้า ในบัดดลนั้นฟัน ของเขาจึงร่วงหลุดออกมา ดังนั้นเขาจึงยอมรับว่าเขาพูดโกหกและ ได้กล่าวหาศาสดาโดยไม่จำเป็น เขาจึงขอร้องต่อกษัตริย์เพื่อขอต่อศาสดาให้ยกโทษให้กับเขา และขอให้ศาสดาวิงวอนให้เขาต่ออัลลอฮ เพื่อให้เขาได้ฟันของเขากลับคืนมา เพราะในขณะนี้เขาเป็นเสมือน คนชรา กษัตริย์จึงร้องขอต่อศาสดา ศาสดากล่าวตอบว่า เขาจะ วิงวอนขอให้ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ศาสดาจึงขอให้กับเขาและเขาจึง ได้ฟันของเขากลับคืนมา อิมาม ยะอ์ฟัร อัศ ศอดิก กล่าวว่า ตอนรุ่ง เช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการวิงวอนขอพร อัลลอฮ์ทรงกล่าวไว้ เช่นกันว่า ตอนเช้าเป็น

 

ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขอพร ตามการรายงานในวจนะหนึ่งของอิมาม ยะฮ์ฟัร อัศ ศอดิก​ อิสมาอีลสัญญากับชายคนหนึ่งว่าท่านจะคอยเขา สถานที่นี้ก็คือ”ซอฟา” ซึ่งอยู่ใกล้กับนครมักกะฮ์ เขาคอยอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้คนชาวมักกะฮ์ต่างมองหาเขาแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่หนใด บังเอิญว่า มีชายคนหนึ่งมาถึงศาสดาองค์นี้ และได้บอกกับท่านว่า เรากลาย เป็นคนชราและอ่อนแอโดยที่ไม่มีท่านอยู่ด้วย และถามท่านถึงเหตุผล ที่ท่านมาอยู่อย่างโดดเดี่ยว

 

ท่านกล่าวว่า มีชายคนหนึ่งสัญญากับฉันว่า เขาจะกลับมา ฉันจึงรอเขาอยู่ที่นี่ เมื่อผู้คนชาวมักกะฮ์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจึงไปหา บุคคลผู้หนึ่งชื่อ “ไทพี” และกล่าวว่า เจ้าได้ให้สัญญากับศาสดาว่า จะกลับมาหาท่าน แต่เจ้าไม่ได้กลับมาหาเขา เมื่อได้ยินดังนี้ชายคนนี้ จึงรีบวิ่งมาหาและขออภัยต่อท่านและกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันลืมสัญญานั้นไปแล้ว” ศาสดาท่านนั้นจึงกล่าวว่า ท่านจะไม่ ละไปจากที่นี่ จนกว่าท่านจะเสียชีวิต อัลลอฮ์ทรงยกย่องสรรเสริญ เขาไว้ในอัลกุรอาน และตำแหน่งของท่านก็คือ “ผู้รักษาสัญญา” เป็น ความสัตย์จริง

 

3.7 เรื่องราวของ นบี ชุลกิฟลิ

 

ตามสายรายงานที่น่าเชื่อถือได้กล่าวว่า อับดุล อัลอะซึม กล่าว ไว้ว่า เขาส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปยัง อิมาม มุฮัมมัด อัตตะกี เพื่อสอบถามถึงชื่อของ ซุลกิฟลิ ดังว่าเขาเป็นศาสดาหรือไม่ ในคำตอบ อิมามกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงส่งศาสดาจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นสี่พัน คนมายังโลกนี้ ในหมู่พวกเขานั้นมีจำนวนสามร้อยสิบสามคนเป็น ศาสนทูตของพระเจ้า ซุลกิฟลิ เป็นหนึ่งในพวกเขา และเขาเป็นผู้ได้ รับการแต่งตั้งภายหลังจากสุลัยมาน เขาเป็นคนที่มีความสำรวมและ เงียบขรึม อัลลอฮ์ผู้ทรงเกรียงไกรทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานของ พระองค์ว่า​ “ดงรำลึกเถิด อิสมาอีล และซุลกิฟล และยะซะอา พวกเขา ล้วนเป็นผู้ศรัทธาและสัตย์จริง”

 

อิบนิ บาบะวัย กล่าวไว้ว่า ผู้คนต่างพากันถาม ท่านศาสดา ถึงซุลกิฟลิ และท่านจึงกล่าวตอบว่า ” ซุลกิฟลิ เป็นคนที่มาจาก ฮาดารเมาท์ และชื่อจริงของเขาคือ โอวัยดา บิดาของเขาชื่อว่า โอริยาน ครั้งหนึ่ง ยะวะอา ถามขึ้นว่า “ผู้ใดกันที่จะมาเป็นผู้สืบ ทอดตำแหน่งภายหลังจากฉัน ภายใต้เงื่อนไขหนึ่ง และเผยแผ่กับ ผู้คนอย่างสงบเยือกเย็นและจะไม่พิโรธโกรธเคืองกับพวกเขา” ตาม รายงานอีกวจนะหนึ่งกล่าวว่า เขามักถือศีลอดในเวลากลางวัน และใช้ เวลากลางคืนไปกับการนมัสการ และจะต้องไม่พิโรธโกรธเคืองกับผู้ใด โอวัยดาจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันขอรับเงื่อนไขต่างๆของท่าน” อีกครั้งหนึ่ง ที่ ยะซะอา ถามขึ้น โอวัยดา กล่าวตอบอีกว่า “ฉันจะตาม เงื่อนไขต่างๆของท่าน” ภายหลังจากนั้น ยะซะอา จึงเสียชีวิต และ โอวัยดา ขึงขึ้นดำรงตำแหน่งสืบแทน และเทศนากับผู้คน วันหนึ่ง อิบลิส ได้สอบถามสหายผู้หนึ่งของมัน “จะมีผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้างไหม ที่จะไปหาโอวัยดา โดยไปทำให้เขามีโทสะ และบังคับให้เขาละเมิดต่อคำสัญญาของเขา” สหายผู้หนึ่งของ อิบลีส มีนามว่า อับยาอีซ กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะทำงานนี้ อิบลีสจึงมีคำสั่งให้เขาไปลองทำดู

 

ในเวลานั้น ซุลกิฟลิ กำลังพักผ่อนอยู่ภายหลังจากที่ช่วย แก้ปัญหาต่างๆให้กับผู้คน ซาตานจึงเข้ามาหาท่านและกล่าวว่า เขาถูกบางคนทำร้าย ศาสดาจึงบอก ศาสดาจึงบอกให้เขาไปเรียกบุคคลคนนั้นที่ ทำร้ายเขามา เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “เขาจะต้องไม่มาแน่หากฉันเป็น คนบอก” ศาสดาจึงมอบแหวนของท่านให้กับเขาไป เพื่อเป็นเครื่อง หมายหนึ่ง และบอกเขาให้แสดงมันต่อเขา และจึงนำเขามา ซาตาน จึงนำแหวนของศาสดาไป ซุลกิฟลิ ไม่อาจพักผ่อนได้และก็ไม่สามารถ หลับลงได้ในยามกลางคืน วันต่อมาเมื่อท่านแก้ปัญหาต่างๆของผู้คน ของท่านแล้วจึงตั้งใจจะพักผ่อน ซาตานจึงเข้ามาหาท่านอีก และ

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *