หนาวๆ กำลังสบาย

หนาวๆ กำลังสบาย
หลังจากที่ฝนตกปรอยๆมา ๒-๓ วัน แล้วก็หยุด ความหนาวเย็นเข้ามาเยือน ดูข่าวดินฟ้าอากาศทางโทรศัพท์มือถือ เห็นว่าต่อจากนี้ไป อุณหภูมิจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในสภาพแบบบ้านเรา คงไม่เหมือนประเทศหนาว ที่หิมะตก ที่นั่น เขาออกแบบบ้านปิดมิดชิด กำแพงบ้านโดยรอบและหลังคามีฉนวนกันความหนาวเย็นแทรกซึมเข้ามา ประตูหน้าต่าง ๒ ชั้น เพื่อเปิดปิดอากาศก็จะไม่เข้ามาถึงภายใน และโดยเฉพาะที่มีเครื่องทำความอุ่นเปิดได้ตลอดเวลา หรือเปิดปิดตามเวลา ถ้าเป็นระบบ Central heating ที่ใช้กันเป็นกลุ่ม หลายๆ บ้านใช้ด้วยกัน
คิดถึงชาวบ้านที่โดนน้ำท่วม ป่านนี้น้ำลดหรือยังก็ยังสงสัยอยู่ ถ้าหนาวเย็น และน้ำท่วมด้วยจะทำยังไง คงลำบากแน่ๆ โดยเฉพาะตอนอาบน้ำ คิดถึงตัวเองเมื่อสมัยหนุ่มๆ ซึ่งโชคดีอยู่ทางภาคกลาง ไม่หนาวเย็นเท่าไหร่ แต่สมัยทำงานที่จังหวัด ฉะเชิงเทรา อาศัยอยู่บ้านของราชการรุ่นเก่า ใต้ถุนสูง ห้องอาบน้ำแยกอยู่ข้างหลังบ้าน ต้องอาบน้ำในตุ่มที่รองน้ำไว้ โดยตักอาบ ชั้นบน แม้จะมีห้องนอน แต่ตรงกลางเป็นระเบียงโปร่งที่รับลมได้เต็มที่ ตอนดึกๆ สำมะเลเทเมากลับมาต้องอาบน้ำนอน ในช่วงอากาศเย็น ลมหนาวพัดมาแรง น้ำในตุ่มเย็นเหมือนแช่น้ำแข็ง อาบน้ำเสร็จต้องวิ่งขึ้นบ้านไปแต่งตัว หนาวแทบแย่ สมัยนั้น มีเงินก็ใช้กินหมด ไม่มีโอกาสซื้อเสื้อผ้าหนาๆใส่ สัมผัสอากาศภายนอกแบบนี้แทบทุกคืน
ความหนาวเย็นที่ประทับใจมากๆมีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นระยะเวลากลางคืน กำลังเมาๆยังไม่สร่าง ต้องนั่งท้ายรถกระบะ ๖ ล้อ กลับจากอำเภอบ้านหมี่ ลพบุรี ไปฉะเชิงเทรา กลางดึกคืนนั้น ฝนตกปรอยๆ เมื่อรถวิ่งเร็วๆ ลมและฝนไม่ได้ปราณี สาดเข้าท้ายรถกะบะเต็มที่ ไม่มีอะไรกันได้ ทำให้ร่างกายเราต้องรับ ภายในอกเย็นยะเยือก ไม่มีคราวใดหนาวแบบประทับใจเท่าครั้งนั้น ถ้าเป็นฤดูหิมะเมืองนอก ก็ไปอย่าง แต่นี่ เพียงแค่ฝนตกกลางดึกที่เมืองไทยแท้ๆ คืนนั้น ไปถึงฉะเชิงเทรา ก็สว่างพอดี
ความคิดโลดแล่นไปถึงเหตุการณ์ที่ต้องปะทะอากาศหนาวในชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายครั้ง โดยเฉพาะที่ไปต่างประเทศ ครั้งหนึ่ง ไปประชุมที่ญี่ปุ่นในเดือนเมษายน ซึ่งไปเพียงไม่กี่วัน ในขณะที่เมืองไทย บ้านเราร้อนมาก ลืมเรื่องเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวเสียสนิท ไปถึงที่โน่น พอตกกลางคืนยังหนาวอยู่ และหนาวมาก โดยเฉพาะตอนค่ำๆ มีเวลาว่างไปเดินชมสถานที่และสินค้า จะซื้อเสื้อกันหนาว ก็เสียดายเงิน เพราะไม่กี่คืนก็กลับแล้ว สรุปแล้ว ก็ทนอยู่ทั้งหนาวๆแบบนั้น ได้กลับบ้านก็อุ่นใจ
ย้อนถึงไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต เมื่อ ปี 1971 หรือ ๒๕๑๔ ที่เมือง Seattle สหรัฐอเมริกา ไปเริ่มต้น เข้ารับการอบรมที่นั่น ก่อนจะเข้าโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนชนบท ซึ่งจะต้องไปพักกับครอบครัวเกษตรกรที่รัฐ Idaho และ Iowa เดินทางไปถึงวันแรกในเดือน พฤษภาคม อากาศดีมาก พอดีมีญาติเป็นพี่สาวอยู่ที่เมืองนี้ ได้พาไปเที่ยวชายหาด เห็นคนมาเดินหรือเล่นน้ำทะเล รู้สึกเพลิดเพลินประทับใจไปกับภาพอเมริกาวันแรกในชีวิต แต่พอรุ่งขึ้นอีกวัน คิดว่าจะเหมือนวันวาน แต่งตัวสะบายๆแบบอยู่เมืองไทยออกไป แต่วันนั้นฝนตก สภาพอากาศเปลี่ยนไป หนาวเย็นมาก ร่างกายสะท้านสั่นตลอดเวลา และแน่นอน เริ่มจับไข้เป็นหวัดอยู่หลายวัน
เมื่อตอนหนุ่มๆ เงินเดือนที่มีน้อยนิด พอออกมาก็กินเหล้าหมด ไม่มีโอกาสซื้อเสื้อผ้าดีๆใส่ อากาศหนาวก็ทนไป คิดว่าคงไม่นานก็หายหนาวแล้ว พอทำงานนานไป เงินรายได้เพิ่มมากขึ้น สามารถซื้อของดีๆมาใช้ จนมีเยอะขนาดล้นตู้ ขณะนี้ เกษียณอายุมา ๒๐ ปีแล้ว ยังไม่เคยซื้อเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งกายต่างๆ เพราะที่มีอยู่มา ๔๐-๕๐ ปีแล้ว ยังใช้ได้หมด และไม่มีใครทราบว่าที่ใช้อยู่ทุกๆวันเป็นของเก่า เพราะเครื่องแต่งกายชายระดับอาวุโส ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก บางคนยังชมว่า ผมแต่งตัวหล่อทุกๆวัน
ขณะนี้ ทีเชียงใหม่อากาศเย็น ดูพยากรณ์อากาศทางโทรศัพท์มือถือ เห็นอุณหภูมิลดลงทุกวัน จึงปิดประตูหน้าต่างที่เคยเปิดทิ้งไว้ทั้งหมดเพื่อกันอากาศเย็นซึ่งปิดมาได้ ๓-๔วันแล้ว แต่ตอนนี้ก็เปิดหมดเหมือนเดิม หนาวเป็นหนาว ต้องการอากาศพัดเข้ามาดีกว่านั่งอุดอู้อยู่คนเดียว อุณหภูมิสูงกว่า ๑๐ หรือ ๑๕ องศา ถือว่าสบายมาก
ตอนเช้าๆไปเดินออกกำลังกายที่ถนนหน้าบ้าน ตามปกติ จะพยายามเดินให้ได้ประมาณ ๑ ชั่วโมง เริ่มจากการใส่เสื้อ ๔ ชั้นเพาะกลัวหนาวเนื่องจากอ่านพยากรณ์อากาศทางมือถิอ เห็นว่าอุณหภูมิจะลดลงเรื่อยๆ ๔ ชั้น ประกอบด้วยเสื้อกล้าม เสื้อยืดแขนสั้น เสื้อยืดแขนยาว และแจ๊กเก็ตที่ได้รับแจกฟรีจากกิจกรรมตอนทำงานอยู่ สำหรับกางเกงก็เลือกเอาที่หนาๆเช่นกางเกงยีนส์ เมื่อออกไปเดิน รู้สึกอุ่นสบายๆ พอออกไปแล้ว เจอเพื่อนบ้าน ๒-๓ คน เขาแค่ใส่เสื้อยืดตัวเดียว หรือเสื้อเชิตกับแจ๊กเก็ตบางๆ พวกเขาเป็นชาวพื้นเมือง เคยชินกับความหนาวเย็นมามากแล้ว ต่อจากนั้น ผมก็กลับเข้าบ้าน ค่อยๆถอดออกทีละชิ้น ให้เหมือนเพื่อนบ้านอื่นๆ
ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล หรือ บี๊กซี ก็เหมือนกัน ท่ามกลางอากาศเย็น แต่ละแห่งยังเปิดแอร์ให้หนาวเย็นยิ่งขึ้น เตรียมแจ๊กเก็ตไป แต่ไม่ใส่ เพราะผู้คนที่นั่น มีที่ใส่ไม่กี่คน นอกนั้นเขาไม่ใส่กัน คนแก่ก็รู้จักอาย เสียหน้าเหมือนกัน
โดยสรุปแล้ว ยังไงผมก็ยังชอบความหนาวเย็นมากกว่า ตอนไหนที่หนาวมากๆแบบทรมาน ก็พยายามคิดถึงเหตุการณ์ตอนหน้าร้อน ที่อาบน้ำเสร็จก็เหงื่อแตกเลย หรืออาบน้ำแต่งตัว ยังไม่ทันทำอะไร ต้องเปลี่ยนเสื้อ เพราะเหงื่อเต็มตัว อยากให้ความหนาวเย็นนี้อยู่ไปนานๆ แต่ขอให้หนาวแบบเมืองไทย ถ้าหนาวมากๆ ก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
บู๊ คนเคยหนุ่ม
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เขียนที่เชียงใหม่







