เทศกาลในประเทศจีน

เทศกาลในประเทศจีน
รศ.ดร.สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย
ในปีหนึ่งๆ ประเทศจีนมีเทศกาลจำนวนมาก สังคมจีนเป็นสังคมเกษตรกรรมตั้งแต่สมัยโบราณ เทศกาลต่างๆจึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับฤดูกาลการเกษตร
เทศกาลที่สำคัญของจีน ได้แก่
1. เทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลใบไม้ผลิ(春节)ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีนตามจันทรคติ ชาวจีนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า และชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ในประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลกต่างมีการเฉลิมฉลองกัน เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลใหญ่ มีการฉลองกันหลายวัน โรงงาน ร้านค้า และสำนักงานส่วนใหญ่ปิดทำการกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่คนจีนในครอบครัวเดียวกันมาพบปะกัน ในเทศกาลตรุษจีนนี้ แม้ลูกหลานที่ไปทำงานหรือไปเรียนหนังสือในที่ห่างไกล ก็จะพากันกลับบ้านเพื่อมาคารวะพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ และพบปะกับคนอื่นๆในครอบครัวเดียวกัน ก่อนวันขึ้นปีใหม่ จะมีการรับประทานอาหารมื้อสำคัญของปี โดยทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ในประเทศจีน ช่วงเวลาก่อนและหลังตรุษจีนจึงมีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการแย่งซื้อตั๋วเครื่องบิน รถไฟและรถโดยสารกัน เพราะในเวลานี้ มีคนเดินทางกันมาก ซื้อตั๋วการเดินทางได้ยาก และอาจต้องจองล่วงหน้ากันหลายวัน
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนจะไม่พยายามกล่าวคำที่เป็นอัปมงล ละเว้นการทวงหนี้ และการลงโทษใดๆ
ในวันตรุษจีน ญาติผู้ใหญ่จะแจกซองแดงบรรจงเงินแต๊ะเอียหรือเงินที่ฉลองการมีอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี(压岁钱)ให้เด็กๆ ลูกหลานที่มีงานทำกันและมีรายได้แล้ว ก็อาจให้เงินแต๊ะเอียแก่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่
ในช่วงเวลาตั้งแต่วันก่อนขึ้นปีใหม่ถึงวันหลังปีใหม่อีกหลายวัน จะเป็นวันที่คนจีนนิยมพากันไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2. เทศกาลเหวียนเซียว(元宵节)คือวันขึ้น 15 ค่ำในเดือนหนึ่งตามจันทรคติ ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงวันแรกของปี
ในสมัยโบราณ เหวียนเซียวเป็นเทศกาลสำคัญ มีการเฉลิมฉลองโดยการแห่โคมไฟเป็นขบวนที่มีการประดับประดาอย่างสวยงาม ประชาชนทั่วไปจะพากันออกมาชมโคมไฟในช่วงเวลาค่ำคืน แม้สุภาพสตรีผู้ดีที่มีฐานะก็จะออกมาชมการแห่โคมไฟที่ระเบียงหน้าบ้านของตนเอง ในวันนี้ ในที่ต่างๆจะมีการไหว้เจ้า ซึ่งในมณฑลทางใต้ของประเทศจีนนิยมเซ่นไหว้ ด้วยสิงโตที่ทำจากน้ำตาล และที่ปั้นจากถั่วลิสง
ในค่ำคืนของวันเหวียนเซียว คนที่มีความรู้จะชุมนุมกันดื่มเหล้าดื่มน้ำชา แต่งกลอนและทายปริศนากันอย่างสนุกสนาน
3. เทศกาลชิงหมิง(清明节)หรือเทศกาลเช็งเม้งในภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นวันที่คนจีนกราบไหว้บรรพบุรุษที่ลุสานหรือที่บ้านเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ในวันเช็งเม้ง บุตรหลานในครอบครัวเดียวกันจะมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ในปัจจุบันซึ่งมีคนที่ต้องออกไปทำงานในที่ห่างไกลจากบ้านเกิดจำนวนมาก จึงอาจมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันโดยไม่ได้เดินทางไปที่สุสาน และบ้างก็ไม่ได้ไปที่สุสานตรงกับวันเช็งเม้ง เพราะติดภารกิจหรือเพื่อหลีกเลี่ยงจราจรที่ติดขัดในวันนั้น แต่ก่อนเชื่อกันว่า การเซ่นไหว้บรรพบุรุษควรทำการภายในเวลาก่อนหรือหลังเช็งเม้งสามวัน แต่ในปัจจุบัน คนจีนที่อยู่ในที่ต่างๆ มักไม่เคร่งครัดกันว่าจะต้องไปที่สุสานตรงกับวันเช็งเม้งหรือภายในสามวันก่อนหรือหลังวันนั้น
ก่อนหน้านี้ วันเช็งเม้งจะตกอยู่ในวันใดวันหนึ่งในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน แต่ในปัจจุบัน วันเช็งเม้งถูกกำหนดไว้ค่อนข้างตายตัวเป็นวันที่สี่หรือห้าของเดือนเมษายนทุกปี ซึ่งถ้าพิจารณาตามวันจันทรคติ โดยเคร่งครัด อาจไม่ตรงกับวันเช็งเม้ง การกำหนดวันเช็งเม้งตามสุริยคติ เริ่มมาแล้วเป็นเวลาเกือบร้อยปี ทั้งนี้ อาจเนื่องจากความสะดวกในการกำหนดวันหยุดทำงาน เพราะในประเทศจีน เช็งเม้งถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่มีการหยุดงานเป็นเวลาสามวัน
4. เทศกาลตวนอู่(端午节)หรือเทศกาลขนมจ้าง ตรงกับวันที่ห้าเดือนห้าตามจันทรคติ ในวันนี้ คนจีนจะห่อขนมจ้าง คือข้าวที่ห่อด้วยใบไผ่ โดยอาจมีไส้หลายอย่าง และมีการแข่งเรือกันตามแม่น้ำลำคลอง
กล่าวกันว่า เทศกาลตวนอู่นี้ เป็นวันที่คนจีนระลึกถึงชวีเหวียน(屈原)ซึ่งเป็นขุนนางในรัฐฉู่(楚)ในสมัยเลียดก๊ก เมื่อกว่า 2000 ปีที่แล้ว
ชวีเหวียน เป็นผู้รักชาติ เขาเตือนกษัตริย์รัฐฉู่ว่าอย่าไปหลงเชื่อคำหลอกลวงของรัฐฉิน(秦)แต่กษัตริย์ไม่เชื่อ กลับปลดเขาออกจากตำแหน่ง ในที่สุด รัฐฉู่ก็ต้อง เสียดินแดนและกษัตริย์ฉู่ก็ถูกกักขังในรัฐฉิน ชวีเหวียนรู้สึกเศร้าสลดกับสภาพของบ้านเมืองที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย และการปกครองของประเทศที่ต้องถูกครอบงำโดยขุนนางที่ฉ้อฉล จึงเขียนบทกวีระบายความอัดอันตันใจ เราไปโดดน้ำตาย
เมื่อชาวบ้านทราบข่าวเรื่องการตายของชวีเหวียน จึงพากันพายเรือเพื่อตามหาศพของเขา และเอาข้าวที่ห่อด้วยใบไผ่ไปโปรยลงในนำ้ นัยว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงปลามากินซากศพของชวีเหวียน ประเพณีการห่อขนมจ้างและการแข่งเรือก็มีการสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
5. วันสารทจีนหรือเทศกาลจงเหวียน(中元节)ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือนเจ็ดตามปฏิทินจันทรคติ เทศกาลสารทจีนไม่ถือว่าเป็นเทศกาลใหญ่ในประเทศจีน แต่คนจีนที่อยู่ในมณฑลทางใต้ของจีน เช่น กวางตุ้ง(广东)และฮกเกี้ยน(福建)กลับถือว่าสารทจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญ
ตามความเชื่อของคนจีน เดือนเจ็ดตามจันทรคติเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายออกมารับสิ่งของบริจาคและรับกุศลผลบุญกัน วันสารทจีนจึงเป็นวันที่ลูกหลานชาวจีนแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษด้วยการทำพิธีเส้นไหว้ ทั้งยังเป็นการสร้างบุญกุศลโดยการเลี้ยงอาหารให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ไร้ญาติและปราศจากการดูแล
เทศกาลสารทจีนนี้ เป็นเทศกาลที่เกิดจากความเชื่อในศาสนาหรือลัทธิเต๋า(道教)และศาสนาพุทธ(佛教)มีตำนานที่เล่าขานกันมาหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความกตัญญูของลูกที่มีต่อพ่อแม่ และการไถ่บาปให้แก่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว
6. เทศกาลจงชิว(中秋节)หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือนแปดของจันทรคติ คนจีนเชื่อว่า ดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงมีความสว่างสดใสที่สุด ในวันเพ็ญเดือนแปดซึ่งเป็นวันที่อยู่กลางฤดูใบไม้ร่วง ดวงจันทร์จะมีความสดใสสวยงามเป็นพิเศษ เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นอีกวันหนึ่งที่คนจีนในครอบครัวเดียวกันจะมาพบปะกัน ชมดวงจันทร์ ไหว้เจ้าที่อยู่บนดวงจันทร์ และกินขนมไหว้พระจันทร์กัน
ในวันนี้ คนจีนจะฉลองกันในรูปแบบต่างๆ นอกจากการไหว้พระจันทร์แล้ว ในบางที่ยังมีการการแห่โคมไฟที่ประดับประดาอย่างสวยงาม และมีการละเล่นกันในลักษณะอื่นในเวลาค่ำคืน
ขนมประจำเทศกาลจงชิวคือขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ที่มีรูปทรงกลม ทำจากแป้งและมีไส้เป็นพืชพันธ์ธัญญาหารต่างๆ
จงชิวเป็นเทศกาลหนึ่งที่สำคัญของคนจีน การฉลองเทศกาลจงชิวมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดวงจันทร์ที่มีทรงกลมแสดงความหมายถึงความสมบูรณ์ ครบถ้วน เทศกาลจงชิวนี้จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนในครอบครัวมาร่วมกันฉลอง นอกจากนี้ เทศกาลนี้ยังเป็นเทศกาลแห่งความปรองดอง สมานฉันท์ สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ยังไม่มีคู่ครองหรือคู่รัก จะภาวนาให้ตนได้พบกับคนรักตามความปรารถนา เพราะคนจีนเชื่อกันว่า เทพเจ้าพระจันทร์มีหน้าที่ในการจับคู่ชายหญิงเข้าด้วยกัน
เช่นเดียวกับเทศกาลอื่นๆ เทศกาลจงชิวนี้ก็มีตำนานที่เล่าขานกันมาหลายอย่าง มีผู้เล่าว่า ในสมัยราชวงศ์เหวียน(元) ซึ่งคนเผ่ามองโก เป็นผู้ปกครองแผ่นดินจีน ชาวฮั่นซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศถูกกดขี่ และพยายามก่อการกบฏเพื่อล้มล้างราชวงศ์มองโก จึงถือโอกาสเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ส่งสาส์น โดยเขียนเป็นข้อความในกระดาษใส่ไว้ในใส้ขนมว่า ในวันนั้นให้ทุกคนออกมาสังหารคนมองโก และโค่นล้มราชวงศ์มองโก ตำนานนี้มีการเล่าขานกันในหมู่คนจีน แต่ไม่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แม้ในช่วงปลายของราชวงศ์เหวียน มีชาวจีนฮั่นก่อการกบฏหลายกลุ่ม จนสามารถคนล้มราชวงศ์มองโกได้ในที่สุด
7. เทศกาลฉงหยาง(重阳节)ตรงกับวันที่เก้าเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติ ตามความเชื่อของคนจีน เลข 9 เป็นเลขหยาง(阳)คือเลขที่แสดงขั้วบวกหรือเพศผู้วันที่เก้าเดือนเก้าซึ่งเป็นวันที่มีหยางคู่กันสองตัว จึงถือกันว่าเป็นวันมงคล ในวันนี้ คนจีนในสมัยก่อนจะพากันออกไปปีนเขา ชมดอกเบญจมาศ ดื่มเหล้าที่ทำจากดอกเบญจมาศหรือดอกเก๊กฮวย และปลูกสมุนไพรที่เรียกกันว่าจูหวี(茱萸)ซึ่งคนจีนเชื่อกันว่าสามารถไล่พิษได้
กล่าวกันว่า เมื่อกว่า 2000 ปีก่อน มีผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ มีวิชาอาคมคนหนึ่ง สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆที่ยังไม่เกิดขึ้น ทราบว่าในวันที่เก้าเดือนเก้า โลกมนุษย์จะประสบภัยพิบัติร้ายแรง จึงแนะนำให้ชาวบ้านออกจากบ้าน ไปปีนสู่ที่สูงในวันนั้น และหาหญ้าจูหวี ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนแขวนไว้นอกบ้าน และเสียบบนหัว ชาวบ้านต่างทำตามคำแนะนำ จนถึงเวลาค่ำกลับเข้าบ้าน พบว่า สัตว์เลี้ยงที่อยู่ในบ้านตายไปหมดแล้ว แต่คนที่ออกไปนอกบ้านต่างก็กลับมาโดยสวัสดิภาพ
ต่อมา ในเทศกาลฉงหยาง จึงเป็นวันที่คนจีนออกไปปีนเขา ชมดอกเบญจมาศ ปลูกต้นจูหวี และยังมีการทำขนมฉงหยางเกา(重阳糕)ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ซึ่งคำว่าเกา(糕)ออกเสียงเหมือนกับคำสูง(高)ซึ่งยังสื่อความหมายว่าสามารถเจริญเติบโตหรือไต่เต้าสู่ตำแหน่งสูงในชีวิตการงาน
ในปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้กำหนดให้วันฉงหยาง เป็นวันผู้สูงอายุและวันฉงหยาง ซึ่งมีเลข9อยู่สองตัวคือ99 ออกเสียงเป็นภาษาจีนว่าจิ๋วจิ่ว(久久)ซึ่งมีความหมายว่ายาวนานหรือยืนนาน หรือนัยหนึ่ง แสดงว่ามีอายุยืนยาว รัฐบาลจีนจึงรณรงค์ให้เด็กเด็กและหนุ่มสาวถือเอาวันนี้เป็นวันแสดงความเคารพ คารวะต่อผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ
8. วันตงจื้อ(冬至)หรือวันตังโจ่ยในภาษาแต้จิ๋ว ตงจื้อแปลว่า ฤดูหนาวมาถึงแล้ว วันเทศกาลตงจื้อนี้ถือว่า เป็นวันที่ฤดูกาลเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว เทศกาลนี้อยู่ในช่วงปลายปี เป็นวันที่คนจีนเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันคล้ายกับวันเช็งเม้งซึ่งอยู่ในช่วงต้นปี ในสมัยโบราณ วันตงจื้อถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง โดยกษัตริย์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเช่นเดียวกับวันเช็งเม้ง
ขนมประจำเทศกาลตงจื้อ คือขนมบัวลอยซึ่งเป็นขนมเม็ดกลมที่ทำจากแป้งเรียกว่าขนมเหวียน(圆)ซึ่งในภาษาจีนนอกจากแปลว่ากลมแล้ว ยังมีความหมายไปในทางกลมกลืน สมบูรณ์ ราบรื่น ซึ่งมีนัยว่า คนในครอบครัวอยู่กันอย่างปลดถ้วนและมีความกลมกลืน
ในสมัยก่อน เทศกาลตงจื้อ ถือตามวันจันทรคติ แต่ในสมัยปัจจุบัน ตงจื้อมักกำหนดให้ตรงกับวันที่21หรื22 ธันวาคม
เช่นเดียวกับวันเช็งเม้ง วันตงจื้อ ก็เป็นวันที่คนจีนเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ประเทศกาลเช็งเม้งอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก คนจีนบางส่วนมีการบรรพบุรุษในวันตงจื้อ แทนที่จะไหว้ในวันเช็งเม้ง(หรือบางคนก็ว่าทั้งสองวัน) เนื่องจากวันตงจื้อเป็นเทศกาลสุดท้ายก่อนสิ้นปี คนจีนจึงเห็นว่า เมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว ก็ถือได้ว่ามีอายุเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีแล้ว







