INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

โมเดล แมลงวัน

โมเดล แมลงวัน

เฮนรี มิงท์เบิรก เสนอแนะว่าโครงสร้างองค์การควรจะตามกลยุทธ์ มันจะ หมายถึงการออกแบบองค์การ – การจัดแผนกงาน สายการบังคับบัญชา และการแบ่งงานกันทำของมัน – ควรจะสอดคล้องและสนับสนุนการดำเนินการกลยุทธ์ เรื่องราวคนตาบอดคลำช้างของเขา แสดงมุมมองที่แตกต่างกันสามารถนำไปสู่ความเข้าใจที่ไม่สมบูรณ์ของทั้งหมดที่ซับซ้อนอย่างไร เหมือนกับมุมมองที่จำกัดของกลยุทธ์หรือโครงสร้างองค์การสามารถที่ถูกมองเห็น ผลงานของเฮนรี มิงท์เบิรก จะมุ่งเน้นว่ากลยุทธ์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แผน แต่จะเป็นแบบแผนของพฤติกรรมด้วย และโครงสร้างองค์การควรจะสนับสนุนการดำเนินการของกลยุทธ์หลายแง่มุมนี้
เรื่องราวอินเดียคลาสสิคของคนตาบอดคลำช้้างได้แสดงว่าบุคคล ด้วย
ประสบการณ์ที่จำกัดของพวกเขาสามารถมาสู่ข้อสรุปแตกต่างกันและมักจะขัดแย้งกันเกี่ยวกับความเป็นจริงอย่างไร คนตาบอดเเตละคนจะสัมผ้สแต่ละส่วนของช้าง อย่างเช่น ขา งวง หรือหาง และได้อธิบายมันเป็นต้นไม้ งวงช้าง หรือเชือก ตามลำดับ เรื่องราวนี้จะเป็นการเปรียบเทียบเพื่อความเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนอย่างเช่นกลยุทธ์เเละโครงสร้างองค์การ ผู้บริหารหรือแผนกงานอาจจะมีจุดมุ่งที่แคบเกี่ยวกับกลยุทธ์หรืิอโครงสร้างเฉพาะ
ของพวกเขา ได้ลัมเหลวที่จะมองเห็นภาพที่กว้างผสมผสานกัน
เฮนรี มิงท์เบริก ได้กระตุ้นความเข้าใจที่กว้างขึ้นของการกำหนดกลยุทธ์ และการออกแบบองค์การ หลีกเลี่ยงมุมมองที่กระจัดกระจายนี้ การยืนยันว่าโครงสร้างองค์การสนับสนุนกลยุทธ์ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน เเนวคิดนี้ได้ถูกสำรวจต่อไปผ่านทางสิบสำนักกลยุท์ของเขา สิบสำนักกลยุทธ์ของเฮนรี มิงท์เบิรก ได้แยกประเภทวิถีทางที่แตกต่างกัน เพื่อการ
การกำหนดกลยุทธ์ ครอบคลุมทั้งกลยุทธ์ที่วางแผนและกลยุทธ์ทีปรากฏขึ้น มันช่วยให้เราเข้าใจกลยุทธ์ถูกสร้างอย่างไร ที่กลายเป็นมีอิทธิพลต่อโครงสร้างองค์การการเชื่อมโยงของมันอยู่ที่วิถิทางกลยุทธ์ที่แตกต่างกันของสิบสำนักกลยุทธ์ต้องการโครงสร้างองค์การที่แตกต่างกัน
โมเดล “แมลงวัน” ของเฮนรี มิงท์เบิรก เป็นการเปรียบเทียบต่อกรอบข่าย


โครงสร้่างองค์การของเขาที่มองเห็นคล้ายกับหัวและตาของแมลงวัน และ
ช่วยวิเคราะห์องค์การถูกจัดโครงสร้างอย่างไร ร่างกายของแมลงวันจะมุ่งเน้นส่วนประกอบที่สำคัญห้าส่วนขององค์การใดก็ตามที่คล้ายกับเเมลงวัน
การแสดงโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพที่องค์การสามารถรับเอาไว้ด้วยการสอดคล้องโครงสร้างของพวกเขาต่อกลยุทธ์ การเปรียบเทียบกับแมลงวัน แสดงส่วนประกอบห้าอย่างเหล่านี้ และความสัมพันธ์ระหว่างมัน มารวมกันสร้างโครงสร้างองค์การที่แตกต่างกันอย่างไร
โมเดลแมลงวันของเฮนรี มิงท์เบิรก ได้อ้างถึงการนำเสนอที่มองเห็นของ
โครงสร้างองค์การของเขาคล้ายแมลงวัน ต้นกำเนิดมาจากหนังสือ 1989
ของเขา “Mintzberg Structure in Fives” และได้เเยกโครงสร้างองค์การเป็นห้าประเภท อยู่บนพื้นฐานการแบ่งงานกันทำ และการประสานงานกันภายในองค์การอย่างไร ภาพเเมลงวัน ช่วยแสดงการเชื่อมโยงระหว่างกันของส่วนประกอบห้าอย่างเหล่านี้
ภายในหนังสือ 1979 ของเขา The Structuring of Organizations เฮนรี
มิงท์เบิรก แสดงว่าองค์การควรจะถูกจัดโครงสร้างอย่างไร ภายในหนังสือเล่มนี้ เขาได้วางรากฐานเพื่อการแยกประเภทที่หลากหลายขององค์การที่
ที่ได้ถูกรู้จักกันเป็น “Mintberg’ s Organizational Configurations” เฮนรี มิงท์เบิรก จะเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญภายในสาขาวิชาของโครงสร้างองค์การและการออกแบบ เฮนรี มิงท์เบิรก ได้วางรากฐานโครงสร้างองค์การของเขาบนภาพแมลงวัน โมเดลที่มองคล้ายกับหัวและตาของแมลงวัน องค์การจะประกอบด้วยส่วนประกอบหกอย่างคืิอจุดสูงสุดทางกลยุทธ์ ระดับกลาง
แกนดำเนินงาน โครงสร้าง้ทคนิค และสายงานสนับสนุน


*จุดสูงสุดทางกลยุทธ์ หัว
มันจะแสดงผู้บริหารระดับสูงรับผิดชอบต่อทิศทางโดยส่วนรวม ภารกิจ วิสัยทัศน์ และเป้าหมายระยะยาวขององค์การ และความสัมพันธ์กับสภาพ
แวดล้อมภายนอก
*แกนดำเนินงาน ขา
มันจะเป็นรากฐานขององค์การ ประกอบด้วยคนงานทำงานพื้นฐานของ
การผลิตสินค้าและบริการ พวกเขาจะทำงานแกนขององค์การ ดำเนินงาน
ประจำวัน
*ระดับกลาง ร่างกาย
ผู้บริหารระดับกลาง จะสร้างร่างกายของเเมลงวัน กระทำเป็นการเชื่อม
โยงระหว่างจุดสูงสุดทางกลยุทธ์และเเกนกดำเนินงาน ที่ถ่ายทอดกลยุทธ์
ไปสู่แผนการกระทำ และดูแลการดำเนินงาน
*โครงสร้างเทคนิค สายตา
สายตาของแมลงวันเป็นนักวิเคราะห์และช่างเทคนิค อย่างเช่น วิศวกร
นักบัญชี หรือนักวางแผน ออกแบบ วางแผน และ สร้างมาตรฐานกระบวน
การงาน และฝึกอบรมการทำงานภายในแกนดำเนินงาน
*สายงานสนับสนุน ปีก
ปีกของแมลงวันจะแสดงหน้าที่สนับสนุนและบริการการดำเนินงานขององค์การ เช่น กฏหมาย ที่ปรึกษา และประชาสัมพันธ์ ให้บริการแก่องค์การ มั่นใจต่อการดำเนินงานอย่างราบรื่น
ส่วนประกอบห้าส่วนเหล่านี้จะทำงานด้วยกันประสานงานผ่านทางกลไก
ที่แตกต่างกัน เช่น การควบคุม การทำให้เป็นมาตรฐาน การปรับตัวร่วมกัน สร้างโครงสร้างองค์การที่แตกต่างกัน ความสำคัญเทียบเคียงกันของส่วนประกอบแต่ละอย่างจะกำหนดโครงสร้างองค์การโดยส่วนรวม เช่น บริษัทการผลิตจะมีโครงสร้างเทคนิคที่เข้มแข็งในขณะที่่บริษัทสตาร์ทอัพจะถูก
ครอบงำด้วยจุดสูงสุดทางกลยุทธ์และเเกนดำเนินงานส่วนประกอบเหล่านี้ จะถูกมองเป็นโมเดลแมลงวันตรงที่จุดสูงสุดทางกลยุทธ์จะเป็นหัวมันเกี่ยว
พันระหว่างกันที่สร้างโครงสร้างและกลยุทธ์โดยส่วนรวมขององค์การ

เฮนรี มิงท์เบิรก ได้พัฒนาเเนวคิดโครงสร้างองค์การของเขาระหว่าง ค.ศ 1970 และ 1980 บนการสังเกตุเชิงประจักษ์ กรณีศึกษาที่หลากหลาย การวิเคราะห์ทางความคิด ที่ท้าทายสมมุตุฐานการบริหารสมัยเดิม หนังสือต้น

แบบของเขาที่เกี่ยวกับโครงสร้างองค์การพิมพ์เมื่อ ค.ศ 1979 คือ “The Structuring of Organizations” ตรงที่เขาได้แนะนำรูปแบบพื้นฐานโครง

สร้างองค์การห้าอย่าง และต่อมาได้เพิ่มเข้ามาอีกสองอย่าง อยู่บนพื้นฐานความแตกต่างภายในกลไกการประสานงานระดับของการรวมอำนาจ และ

ส่วนประกอบห้าอย่างขององค์การ เข่น จุดสูงสุดทางกลยุทธ์ แกนดำเนินงาน โครงสร้่างเทคนิค ระดับกลาง และสายงานสนับสนุน

โครงสร้างองค์การเหล่านี้คือโครงสร้างแบบเรียบง่าย ระบบราชการแบบเครื่อง ระะบบราชการวิชาชีพ รูปแบบหน่วยธุรกิจ เฉพาะกิจ องค์การหมอสอนศานา และองค์การการเมือง

*โครงสร้างแบบเรียบง่าย

โครงสร้างแบบผู้ประกอบการจะคล้ายกัยสตาร์ทอัพ ด้วยลำดับชั้นการ

บริหารน้อยที่สุดการแบ่งงานกันทำเฉพาะด้านน้อย การรวมอำนาจการตัด

สินใจ ตรงที่จุดสูงสุดทางกลยุทธ์คือ ผู้ประกอบการประสานงานผ่านทาง

การควบคุมโดยตรง เหมาะสมกับองค์การเล็ก ด้วยการดำเนินงานที่เรียบง่าย อย่างเช่น สตาร์ทอัพ ตรงที่ผู้ก่อตั้งตัดสินใจและสั่งการงานทุกอย่าง ความคล่องตัวและความรวดเร็วจะสำคัญ โครงสร้างนี้จะเป็นธรรมดาภายในสตาร์ทอัพ องค์การเล็กไม่เป็นทางการ มันมีความคล่องตัวและการปรับ

ตัวอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นอยู่กับความเป็นผู้นำแบบเผด็จ

การ และการวางแผนที่เป็นทางการน้อย

*ระบบราชการเเบบเครื่องจักร

โครงสร้างที่เป็นระเบียบแบบแผนและเป็นมาตรฐานสูง การรวมอำนาจ

การตัดสินใจ มุ่งเน้นประสิทธิภาพและการควบคุม ที่ขึ้นอยู่กับการบริหารระดับกลาง การทำให้เป็นมาตรฐานของกระบวนการงาน และโครงสร้าง

เทคนิค อย่างเช่น นักวิเคราะห์และนักวางแผนมันจะมีประสิทธิภาพต่องานที่ทำซ้ำ แต่ตายตัวและช้าต่อการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับองค์การใหญ่

ด้วยการผลิตจำนวนมาก ตรงที่ประสิทธิภาพสำคัญที่สุดภายในสภาพแวด

ล้อมคงที่ มักจะอยู่ภายในการผลิต อย่างเช่น โรงงานการผลิตรถยนต์ด้วยงานประจำวันที่ตายตัว

*ระบบราชการแบบวิชาชีพ

โครงสร้างที่ขึ้นอยู่กับการทำให้เป็นมาตรฐานของทักษะทางวิชาชีพและ

ความรู้ภายในแกนดำเนินงานตรงที่นักวิชาชีพจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ การทำให้เป็นมาตรฐานของทักษะเพื่อการประสานงานการกระจายอำนาจการตัดสินใจเพื่อความเป็นอิสระทางวิชาชีะ มีนเหมาะสมกับองค์การตรงที่ความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสำคัญ อย่างเช่นโรงพยาบาลหรืมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลตรงที่แพทย์ให้บริการแกน

*รูปแบบหน่่วยธุรกิจ

องค์การที่ถูกเเบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หรือหน่วยธุรกิจ แต่ละหน่วยธุรกิจด้วยโครงสร้างของมันเองดำเนินงานอย่างอิสระจากกัน แต่จะประสานงาน

โดยสำนักงานใหญ่ เหมาะสมกับองค์การหลายหน่วยธุรกิจดำเนินงานภาย

ในตลาดที่หลากหลาย บริษัทใหญ่ที่มีกระจาบธุรกิจ ด้วยหน่วยธุรกิจแยกจากกันเพื่อผลิตภัณฑ์ หรือพื้นที่แตกต่างกัน การประสานงานเกิดขึ้นผ่าน

ทางการทำให้เป็นมาตรฐานของผลผลิต ด้วยมาตรฐานวัดได้เพื่อผลผลิต

การมุ่งเน้นที่จำนวน คุณภาพ และคุณลักษณะอื่นของผลิตภัณฑ์ โดยที่ผู้บริหารระดับกลางควบคุมหน่วยธุรกิจ

*เฉพาะกิจ

โครงสร้างที่แสดงโดยนวัตกรรม ความยืดหยุ่น การกระจายอำนาจ และ

การปรับตัวด้วยระเบียบแบบแผนน้อยน้อยที่สุดการสร้างทีมโครงการด้วย

ทีมผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลายปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง การปรับตัวร่วมกันระหว่างทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประสานงานและส่งเสริมนวัตกรรม เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และซับซ้อนต้องการนวัตกรรมและการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว โครงสร้างนี้เจริญเติบโตภายในสภาพเเวด

ล้อมที่ซับซ้อนและคาดคะเนไม่ได้ แสดงโดยความวุ่นวาย ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความคลุมเคริอ – วียูซีเอ – เช่น บริษัทอาร์ แอนด์ ดี หรือบริษัทโฆษณา ตรงที่ทีมงานสร้างสรรค์ปรับตัวต่อโครงการที่เปลี่ยนแปลง

*องค์การแบบหมอสอนศาสนา

โครงสร้้างตรงที่การประสานงานถูกสร้างรอบอุดมการณ์ ภารกิจ และ

ค่านิยมร่วมขององค์การ ผ่านทางการทำให้เป็นมาตรฐานของบรรทัดฐาน

องค์การที่ขับเคลื่อนอุดมการณ์หรือภารกิจร่วมอย่างเข้มแข็งมันถูกใช้เป็น

กลไกการประสานงานพื้นฐาน และผูกพันบุคคลเข้าด้วยกัน ด้วยความเชื่อ

และความผูกพันให้กลไกการประสานงานทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ภายใน

โครงสร้างนี้ งานของแกนดำเนินงานจะกระทำโดยผู้เชื่อมั่นที่ถูกขับเคลื่อน

โดยอุดมการณ์ร่วมที่เข้มแข็ง มันถูกใช้เป็นกลไกที่สำคัญเพื่อการประสาน

ความพยายาม และความมั่นใจการยึดถือภารกิจ เหมาะสมกับองค์การที่ไม่ทำกำไรหรือศาสนา และกลุ่มด้วยความมุ่งหมายทางอุดมการณ์ ที่เข้มแข็ง อย่างเช่น เอ็นจีโอ

*องค์การแบบการเมิอง

โครงสร้างตรงที่พลวัตรอำนาจและผลประโยชน์ตัวเองไม่ใช่กลไกที่เป็น

ทางการ เช่น จุดสูงสุดทางกลยุทธ์หรือโครงสร้างเทคนิคที่จะครอบงำการประสานงานและการตัดสินใจ ภายในโครงสร้างนี้กลุ่มหรือบุคคล ยุ่งเกี่ยวภายในเกมการเมืองใช้อิทธิพลและบรรลุเป้าหมายของพวกเขาเอง ที่ไม่มีกลไกการประสานงานที่ชัดเจน หรือมีประสิทธิภาพ การนำไปสู่ความขัดเเย้ง การเมืองภายใน การขาดการเห็นพ้องต้องกัน การขาดทิศทางที่ยึดเหนี่ยว การต่อสู้เพื่ออำนาจท่ามกลางกลุ่มภายในที่หลากหลาย กลุ่มจะใช้

อิทธิพลและอำนาจเจรจาต่อรอง ที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา การนำไปสู่การขาดการประสานงานที่เชื่อมโยงกัน การประสานงานถูกอิทธิพลโดยอำนาจและการเมือง ไม่ใช่โครงสร้างที่เป็นทางการ

 

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *