การมองทางกลยุทธ์ของฮอนดา
การมองทางกลยุทธ์ของฮอนดา
แนวคิดการมองทางเชิงกลยุทธ์ของเฮนรี มิงท์เบริก จะเกี่ยวพันกับความ
เข้าใจกลยุทธ์ผ่านทาง 5Ps ของกลยุทธ์ : แผน ยุทธวิธี แบบแผน ตำแหน่ง และมุมมอง ได้ให้มุมมองหลายแง่มุมที่เลยพ้นไปจากเพียงแค่แผนทางการ
ตัวอย่างคลาสสืคคือ การเข้าไปสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ยูเอส ของฮอนดาตรงที่แผนเริ่มแรกของพวกเขาขายรถจักรยานยนต์ใหญ่ที่ล้มเหลว การนำไปสู่กลยทธ์ที่ปรากฏขึ้นของการมุ่งรถจักรยานยนต์เล็ก ที่ประหยัดน้ำมัน การปรับตัวที่บรรลุความสำเร็จนี้ แสดงการรับรู้แบบแผนการเปลี่ยนแปลงภายในตำแหน่งตลาด และมุมมองพลวัตรปรับตัวต่อความท้าทายภายนอกและความสามารถภายใน การสร้างตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่บรรลุความสำเร็จ
ในที่สุด
*เเผน
ฮอนดามีแผนกลยุทธ์ที่ตั้งใจเริ่มแรกคือ การมุ่งเน้นเป้าหมายตลาดรถ จักรยานยนต์ใหญ่ ความคิดที่ได้สร้างแผนของพวกเขา แต่แผนเริ่มแรก
ของพวกเขาได้ล้มเหลว
*ยุทธวิธี
ฮอนดาได้เปลี่ยนแปลงไปสู่รถจักรยานยนต์เล็ก ด้วยการใช้การขาดสนใจมันของตลาด เป็นยุทธวิธีที่จะได้มาส่วนแบ่งตลาด ต่อสู้คู่แข่งขัน
อเมริกันรายใหญ่
*แบบแผน
ฮอนดาไม่บรรลุความสำเร็จภายในการขายรถจักรยานยนต์ใหญ่ ดังนั้น
พวกเขาได้พัฒนากลยุทธ์ใหม่ บนพื้นฐานแบบแผนของความสำเร็จภายใน
ตลาดรถจักรยานยนต์เล็ก การปรับตัวผลิตภัณฑ์และวิถีทางของพวกเขา
*ตำแหน่ง
ฮอนดาได้วางตำแหน่งตัวมันเองเป็นผู้นำภายในตลาดรถจักรยานยนต์
เล็กที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ด้วยการมุ่งเป้าหมายลูกค้าเพื่อการพักผ่อน การสร้างตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยึดครอง
ั*มุมมอง
ฮอนดาได้วิวัฒนาการมุมมองของพวกเขาด้วยการรับรู้ช่องว่างภายใน
ตลาดเพื่อรถจักรยานยนต์เล็ก แตกต่างจากมุมมองที่แพร่หลายภายใน
ตลาดยูเอส มุ่งที่รถจักรยานยนต์ใหญ่
กรอบข่ายการมองทางกลยุทธ์ของเฮนรี มิงท์เบิรก ได้ระบุการคิดทาง
กลยุทธ์เป็นความสามารถสังเคราะห์ข้อมูลและประสบการณ์ การสร้าง
วิสัยทัศน์เพื่ออนาคตของบริษัท การมองทางกลยุทธ์จะเป็นกระบวนการหลายเเง่มุมครอบคลุม เลยพ้นไปเพียงแค่การวางแผนกลยุทธ์การมองนี้เกี่ยวพันกับมุมมองครอบคลุมที่รวมการมองไปข้างหน้าไปสู่อนาคต – การ
การคาดคะเนอนาคต บนพื้นฐานอดีต – การมองไปข้างหลัง – การเรีบนรู้จากประสบการณ์ในอดีต – การมองข้างบน – การได้มามุมมองที่กว้างขึ้น – การมองด้านข้าง – การคิดอย่างสร้างสรรค์แนวนอน – การมองเลยพ้นไป
– การคิดค้นความเป็นไปได้ใหม่ – และการมองมันผ่านไป – การดำเนินการกลยุทธ์ –
แนวคิดการมองทางกลยุทธ์ของเฮนรี มิงท์เบิรก ได้ถูกแสดงโดยความ
ล้มเหลวเริ่มแรกของฮอนดา การเจาะตลาดรถจักรยานยนต์ใหญ่ยูเอสและได้หมุนตามมาไปสู่ตลาดรถจักรยานยนต์เล็ก กลยุทธ์กำเนิดจากการมองความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่เพียงแค่แผนที่คิดมาก่อน มันแสดงแนวคิดมุมมองและเเบบแผนของกลยุทธ์ของเขา การแสดงมุมมองโลกของบริษัท
และการกระทำที่เกิดขึ้นสามารถนำไปสู่กลยุทธ์ที่ปรากฏขึ้นที่บรรลุความ
ได้อย่างไร แม้ว่ามันจะตรงกันข้ามกับแผนเริ่มแรก
เฮนรี มิงท์เบิรก มองการเข้าไปสู่ตลาดอเมริกันของฮอนด้า เป็นตัวอย่าง
คลาสสิคของกลยุทธ์ ที่มักจะเป็นแผนที่ปรากฏขึ้น มันไม่ใช่แผนที่ตายตัว
การแสดงการมองเห็นทางกลยุทธ์ของเขาด้วยการปรับตัวต่อสภาวะตลาดใหม่ เริ่มแรกฮอนดา มุ่งหมายขายรถจักรยานยนต์ใหญ่ แก่ผู้แทนจำหน่ายสมัยเดิมแต่แผนนี้ได้ล้มเหลวผ่านทางการลองผิดลองถูกทีมงานยูเอสของฮอนดา ได้ค้นพบว่ารถจักรยนตร์เพื่อการพักผ่อนจะขายได้ดีผ่านทางร้านขายสินค้ากีฬา แก่ลูกค้าวัยหนุ่มสาวที่กว้างขึ้น โอกาสที่ได้ปรากฏขึ้น ผ่านทางการลองผิดลองถูก และได้กลายเป็นกลยุทธ์ได้ชัยชนะของพวกเขา
กลยุทธ์ที่ปรากฏขึ้นนี้ของการมุ่งรถจักรยานยนต์เล็กภายในตลาดการ
พักผ่อนที่กว้างขึ้นได้ทำให้ฮอนดาสร้างตลาดใหม่และในที่สุดได้ยึดครองอุตสาหกรรมอเมริกันปรากฏการณ์ที่บางครั้งถูกเรียกกันว่า Honda Effect
ความสำเร็จของฮอนดาเป็นผลลัพธ์ของการมองเห็นทางกลยุทธ์ กระบวน
การของการสังเกตุสภาพแวดล้อม การดำเนินการทดลอง และการปรับตัววิถีทางของมัน การค้นพบโอกาสใหม่ การสร้างกลยุทธ์ที่บรรลุความสำเร็จจากประสบการณ์ ตามที่เฮนรี มิงท์เบิรก ได้เสนอแนะว่านักกลยุทธ์จะเป็นบุคคลที่สามารถมองเห็น อัญมณีล้ำค่าของโอกาสที่บุคคลอื่นได้พลาดไป ในที่สุดฮอนดาได้ถอยหลังชนนวัตกรรมของตลาดรถจักรยานยนต์เล็ก
. เเนวคิดการมองทางกลยุทธ์ของเฮนรี มิงบ์เบิรกเกี่ยวกับรูปแบบหลายเเง่มุม และพลวัตรของการรับรู้ไม่ใช่มุมมองเดียวเส้นตรงเขาได้ใช้การเปรียบเทียบการมองเห็นเพชรในตม อธิบายว่า การคันหาอัญมณีล้ำค่าของความคิดต้องการการทำงานหนักและการขุดลงไปผ่่านทางรายละเอียดการมองทางกลยุทธ์ มุ่งเน้นว่ากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องการรูปแบบหลายอย่างของการรับรู้ มองเลยพ้นไปเพียงแค่การมองไปข้างหน้าหรือการวิเคราะห์
ข้อมูล การมองทางกลยุทธ์จะเกี่ยวพันกับการมองไปทางหลัง การมองไปทางข้าง การมองไปข้างล่าง การมองเลยพ้น และการมองมันผ่านไป สะสม
ภายในการมองเหล่านี้ลงไปสู่การกระทำในที่สุด การสร้างกลยุทธ์ที่ครอบ
คลุมและมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงคือ การข้ามเทือกเขาแอลป์ชองฮันนิบาล ที่จะโจมตี
โรม แสดงให้เห็นการมองทางกลยุทธ์ การมองไปทางข้างด้วยการใช้ช้าง
เป็นยุทธวิธีที่สร้างสรรค์และไม่คาดหวัง ยุทธวิธี เลยพ้นการคิดทางทหาร
มาตรฐาน ใช้ประโยชน์จุดอ่อนภายในการป้องกันของโรม การมองเลยพ้นไป ด้วยการสร้างสนามรบใหม่ขึ้นมา การข้ามเทือกเขาแอลป์ด้วยช้างของฮันนิบาลเป็นการกระทำที่กล้าหาญและคาดไม่ถึงที่สร้างความเป็นจริงใหม่ต่อกองทัพโรม การมองไปข้างหลังด้วยความเข้าใจจุดอ่อนชองโรมภายในเทือกเขาเเอลป์และการมองมันผ่านไปฮันนิบาลได้แสดงความสามารถมองกลยุทธ์ที่กล้าหาญของเขาผ่านไปสู่การดำเนินการ การนำกองทัพของเขาไปสู่ชัยชนะเด็ดขาด
*การมองไปข้างหน้า
การคาดคะเนอนาคต และการสร้างกรอบข่ายของเหตุการณ์ที่คาดหวัง
จากอดีต การให้มุมมองทางทิศทาง เราไม่สามารถมองไปข้างหน้าโดยไม่
มีการมองข้างหลังก่อนที่จะเข้าใจเรามาถึงที่นี่อย่างไร
*การมองไปข้างหลัง
ความเข้าใจอดีตที่จะสร้างรากฐานเพื่อวิสัยทัศน์ในอนาคตใดก็ตาม การ
สะท้อนประสบการณ์ในอดีต ประวัติขององค์การ และข้อมูเก่า ที่จะบอก
กลยุทธ์ในอนาคต
*การมองไปข้างบน
การรับรู้ป่าจากต้นไม้ การยึดบริบทโดยส่วนรวม และการได้มามุมมองเฮลิคอปเตอร์ของภาพใหญ การมองเห็นป่าทั้งหมดไม่ใช้ต้นไม้แต่ละต้น การได้มามุมมองที่กว้างของบริบทที่ครอบคลุมทั้งองค์การ
และสภาพแวดล้อมของมัน
*การมองไปข้างล่าง
การขุดคุ้ยลงไปสู่รายละเอียด และความซับซ้อนขององค์การ การให้
ความสนใจต่อข้อมูลรายละเอียด และความเป็นจริงระดับพื้นดินภายใน
องค์การ การได้มาข้อมูลเชิงลึก ค้นหาอัญมณีที่ซ่อนเร้น หรือโอกาส ที่บุคคลอื่นพลาดไปการมองไปข้างล่างให้มุมมองที่ละเอียดความเป็นจริงของอะไรเกิดขึ้นอย่างแท้จริงอย่างไร
*การมองไปทางข้าง
การใช้การคิดตามแนวนอน และการค้นหาความคิดสร้างสรรค์ภายในมุมมองที่แตกต่างกันมันเกี่ยวกับการยึดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจากความ รู้อ่อนได้มาผ่านทางประสบการณ์และการสังเกตุส่วนบุคคลการเชื่อมโยง
กับความคิิดภายนอก การสำรวจความเป็นไปได้ที่สร้างสรรค์และเเนวนอน
*การมองเลยพ้นไป
การมองเลยพ้นไปเพียงแค่การพยากรณ์อนาคตที่ควดหวังบนพื้นฐานอดีต การมองเลยพ้นไปเกี่ยวกับการสร้างและคิดค้นอนาคตที่มิฉะนั้นจะไม่มีอยู่ ด้วบการความคิดสร้างสรรค์ภายในบริบท มันเกี่ยวกับการสร้างอนาคตไม่ใช่เพียงแค่การคาดคะมันด้วยการสังเคราะห์ความคิดอ่อนด้วยข้อมูลเขิงปรืมาณ สร้างวิสัยทัศน์ที่มิฉะนั้นจะไม่มีอยู่
*การมองมันผ่านไป
การคิดทางกลยุทธ์จะไม่สมบูรณ์โดยไม่มีการกระทำ การทำให้มันเป็น
ความจริงที่ถูกดำเนินการไม่ใช่เพียงแค่ความคิด การคิดเชิงกลยุทธ์จะไร้ประโยชน์โดยไม่มีการดำเนินการที่นำกลยุทธ์ไปสู่ชีวิต
แนวคิด “การมอง” ของเฮนรี มิงท์เบิรกภายในการคิดเชิงกลยุทธ์ อ้างถึงวิถีทางที่ครอบคลุมและสร้างสรรค์ต่อกลยุทธ์ การมองจะเป็นกระบวนการ
สัญชาติญาน สร้างสรรค์ ของการระบุโอกาสและการกำหนดกลยุทธ์ ผ่านทางเลนส์ที่แตกต่างกันห้าอย่าง 5Ps ของกลยุทธ์ เขาจะยืนยันว่าการคิดเชิงกลยทธ์ที่แท้จริงไม่ได้เป็นเพียงแค่การวางแผนวิเคราะห์ แต่เป็นความเข้าใจวิถีทางที่หลากหลายเหล่านี้ที่กลยุทธ์สามารถปรากฏขึ้น และได้ถูกดำเนินการเพื่อความสำเร็จ
เฮนรี มิงท์เบิรก แยกความแตกต่างการคิดเชิงกลยุทธ์ จากการวางแผนกลยุทธ์ เขาได้เสนอแนะว่าการคิดเชิงกลยุทธ์เกี่บวพันกับการมองอย่าง
สร้างสรรค์ลึกลงไปสู่รายละเอียดิไม่ใช่เพียงแค่จากมุมมองเฮลิคอปเตอร์
ระดีบสูง กรอบข่าย 5Ps ของเขาได้ให้เลนส์ที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะเข้าใจกลยุทธ์ แต่การเชื่อมโยงคือ การมองจะเป็นการกระทำของการประยุกต์
ใช้มุมมองที่แตกต่างกันห้าอย่างเหล่านี้สร้างความเข้าใจโดยส่วนรวมของ
กลยุทธ์ กรอบข่าย 5Ps ให้มุมมองที่แตกต่างกันต่อการบรรลุความเข้าใจที่ครอบคลุมของกลยุทธ์ นักกลยุทธ์ ได่ใช้การมองวิเคราะห์กลยุทธ์ผ่านทางเลนซ์ห้าอย่างเหล่านี้ แทนการขึ้นอยู่กับเลนซ์อย่างหนึ่งหรือสองอย่าง 5Ps ของเฮนรี มิงท์เบิรกให้กรอบข่ายหลายเเง่มุมเพี่อความเข้าใจกลยุทธ์
เฮนรี มิงท์เบิรก ได้ใช้การเปรียบเทียบคนตาบอดและช้างภายในหนังสือ
ของเขา Strategy Safari แสดงความซับซ้อนของการคิดเชิงกลยุทธ์ เขา
ยืนยันว่าการคิดเชิงกลยุทธ์ต้องการมุมมององค์รวม เพราะว่ากลยุทธ์ซับ
ซ้อนเกินไปที่จะถูกเข้าใจด้วยมุมมองเดียวการเปรียบเทียบสำนักความคิดของกลยุทธ์ที่แตกต่างกันต่อคนตาบอดแต่ละคนจะคลำส่วนหนึ่งของช้างเท่านั้น เขายืนยันว่าไม่มีมุมมองเดียวสามารถยึดทั้งหมดความซับซ้อนของการคิดเชิงกลยุทธ์ หรือการกำหนดกลยุทธ์ การแสดงการกำหนดกลยุทธ์ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนหลายแง่มุม ที่ไม่สามารถถูกเข้าใจผ่านทางมุมมองเดียวได้
ภายในเรื่องราว คนตาบอดและช้าง มันเป็นเรื่องราวพื้นบ้านอินเดียเกี่ยวกับกลุ่มคนตาบอดที่ได้คลำแต่ละส่วนของช้าง และอธิบายช้างเป็นต้นไม้ กำแพง หอก หรือเชือก ขึ้นอยู่กับส่วนที่พวกเขาได้สัมผัส นำพวกเขาไปสู่การสรุปที่แตกต่างกันและไม่ถูกต้องเกี่ยวกับช้างคืออะไร เฮนรี มิงท์เบิรก ได้ประยุกต์ใช้เรื่องราวนี้ต่อสิบสำนักความคิดของเขาคล้ายกับคนตาบอด ภายใน Strategy Safari เฮนรี มิงท์เบิรกได้ระบุสิบสำนักความคิดของการกำหนดกลยุทธ์ ที่แสดงแต่ละสำนักความคิดยึดมุมมองที่แตกต่างกันของกระบวนการทางกลยุทธ์อย่างไร คล้ายกับคนตาบอดคลำช้าง
การคิดเชิงกลยุทธ์ต้องการวิถีทางระบบ การคิดที่จะผสมผสานมุมมองที่หลากหลายเหล่านี้ เขายืนยันว่าแต่ละสำนักความคิด คล้ายกับคนตาบอดแต่ละคน ยึดมุมมองหนึ่งของช้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อน เพื่อที่จะเข้าใจทั้งหมด เราต้องสังเคราะห์มุมมองที่หลากหลายเหล่านี้และต้องมองเลยพ้นไปจากมุมมองที่แคบมองเห็นภาพที่สมบูรณ์ โดยสรุปการเปรียบเทียบคนตาบอดและช้าง เป็นรากฐานที่สำคัญการคิดเชิงกลยุทธ์ของเฮนรี มิงท์้เบิรก การมุ่งเน้นว่าวิถีทางที่ครอบคลุม หลายมุมมองสำคัญต่อความเข้าใจอย่างแท้
จริงต่อกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับแนวคืด หรือกรอบข่ายที่โดดเดี่ยว
การข้ามเทือกเขาแอลป์ด้วยช้างอย่างกล้าหาญของฮันนิบาล เป็นตัวอย่างของยุทธวิธีที่หลักแหลม เขาได้ใช้ยุทธวิธีที่ไม่คาดหวังมอง
เลยพันความท้าทายดูเหมือนผ่านไปไม่ได้ เเละประหลาดใจศัตรูที่มี
พลัง ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการวางแผนธรรมดา แต่เป็นการ
ใช้ยุทธวิธีที่กล้าหาญ สร้างสรรค์ และไหวพริบของความเข้าใจของ
ภูมิประเทศและคู่ต่อสู้ของเขา การข้ามเทือกเขาเเอลป์ด้วยช้างของ
ฮันน่บาล ไม่ได้เป็นแผนทางทหารโดยทั่วไป และเลยพ้นสิ่งที่โรมัน
ได้คาดหวัง ด้วยความเข้าใจว่าเทือกเขาแอลป์เป็นพรมเเดนที่ละทิ้ง
และอันตราย เขาสามารถใช้จุดอ่อนที่รับรู้นั้นเป็นข้อได้เปรียบของ
เขา
ฮันนิบาลเข้าใจบริบทที่กว้างของสงครามกับโรมในขณะที่มองราย
ละเอียดของความท้าทายเฉพาะของการข้ามภูเขาด้วย การตัดสินใจ
ใช้ช้างเป็นการกระทำของสัญชาติญานที่สร้างสรรค์ไม่ใช่เกิดขึ้นจาก
การวางแผนกลยุทธ์มาตรฐาน วิถีทางที่กล้าหาญของเขา ที่ใช้ความ
ประหลาดใจและกองกำลังนอกรูปแบบ – ช้าง – เป็นกลยุทธ์ที่ทำลาย
แม่พิมพ์อย่างแท้จริง การมองทางกลยุทธ์ของฮันนิบาลที่จะข้ามเทือก
เขาเเอลป์ด้วยช้างเป็นยุทธวิธีที่ฉลาดใช้ประโยชน์ความประหลาดใจ
มองเลยพ้นไปจากข้อจำกัดทางทหารตามรูปแบย และในที่สุดได้ช่วย
ให้ชนะสงครามต่อสู้กับศัตรูโรมันที่เข้มแข็งกว่ามาก
ฮันนิบาล เริ่มต้นชีวิตนักรบเมื่ออายุเพียงหกปีมีชีวิตอยู่และทำสงครามนานกว่าสองพันปีแล้ว การข้ามเทิอกเขาแอลป์ที่มีชื่อเสียงของเขาภายในฤดูหนาวด้วยกองทัพและช้างอย่างกล้าหาญไม่อาจจะลืมได้ทำให้เขาต้องสูญเสียทหารไปเกือบครึ่งหนึ่งจากสภาวะของภูเขาที่โหดร้ายทารุณ ฮันนิบาลจะมีช้างมากมายภายในกองทัพของเขา ส่วนใหญ่จะเป็นช้างอัฟริกัน ช้างเหล่านี้จะตัวเล็กกว่าช้างเอเชียตัวใหญ่ที่ศัตรูของเขาใช้อยู่แต่กระนั้นฮันนิบาลจะขี่ช้างเอเชีย เขาเชื่อว่าสนามรบจะถูกมองเห็นได้ดีที่สุดจากที่สูง
ฮันนิบาลได้ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเขาเป็นนักกลยุทธ์ทางทหารยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งภายในประวัติศาสตร์โลก และบิดาของเขา ฮามิลคาร์ บาร์คาเป็นผู้บัญชาการชาวคาร์เธคแนวหน้าระหว่างสงครามพิวนิคครั้งที่หนึ่ง ด้วยอายุเพียง 29 ปี ฮันนิบาลสามารถชนะกองทัพโรมได้หลายครั้ง แม้ว่าเขาไม่สามารถจะยึดกรุงโรมได้ ข้าสาบานว่า “เมื่อข้าเจริญเติบโตขึ้น ข้าจะทำลายโรมด้วยดาบและไฟ” คำสาบานของเด็กชายคนหนึ่งได้กลายเป็นนักกลยุทธ์ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก ที่เกือบจะทำลายอาณาจักรโรมันได้สำเร็จ
ความสำเร็จทางทหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขาคือการสู้รบแห่งคานเน เขาสามารถจะเอาชนะกองทัพโรมันขนาดสองเท่าของเขาได้ การสู้รบแห่งคานเนได้ถูกมองว่าเป็นสงครามนองเลือดที่สุดเท่าที่เคยสู้รบมา พวกเขาได้สังหารหมู่กองทัพโรมันมากกว่า 70,000 คน และได้จับพวกเขาเป็นเชลยมากกว่า 10,000 คน เขาได้ทิ้งเบื้องหลังตำนานการทำสงครามที่ยังคงปรากฏอยู่วันนี้ ฮันนิบาล จะเป็นผู้นำโดยตัวอย่างเขาจะนอนท่ามกลางทหารของพวกเขา และไม่ได้ใส่อะไรก็ตามที่แสดงเขาเป็นผู้นำ หรือจะทำ
ให้เขาแตกต่างจากทหารของเขาเขานำกองทัพเข้าสู่การสู้รบจากแนวหน้า และออกไปจากสนามรบ เป็นคนสุดท้าย ระหว่างจุดสูงสุดของอาณาจักรโรมัน ฮันนิบาลมีวิสียทัศน์ของการยึดครองโรมวิสัยทัศน์ของเขายึดครองจิตใจทหารของเขา และพวกเขาทุกคนเต็มใจจะเดินตามเขา
Cr : รศ สมยศ นาวีการ