ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๒

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ครับ ตอนนี้ อากาศหนาวกำลังย่างเข้ามา บนถนนในเมืองว่าง เพราะคนไปต่างจังหวัดกันหมด ศูนย์การค้าฯ ประดับไฟหลากสีสวยงาม อย่ากระนั้นเลย เราออกไปเดินเที่ยว ตอนถนนว่างๆดีกว่า ไปดูความคึกคัก สนุกสนานของผู้คน แน่นอนครับ ต้องไปเดินอย่างเงียบเหงาหน่อย คนแก่ใครจะมาสนใจ
คิดถึงเมื่อสมัยหนุ่ม โดยเฉพาะเมื่อสมัยยังเรียนอยู่เกษตร หรือตอนจบใหม่ๆ ผมอยากมีแฟนควงคู่ไปฉลองปีใหม่ แต่ก็ได้แค่ใฝ่ฝัน ไม่มีใครสนใจผม มีแต่คนที่รักผมเป็นเพื่อน น้องๆเขารักผมเป็นพี่ เพราะตามใจเก่ง แต่ไม่มีใครรักผมเป็นแฟนสักคน คงดูสารรูปของผมแล้ว เห็นว่าคงไปไม่ไหวแน่ ผมเลยได้แต่นั่งดูคู่อื่นฉลองปีใหม่มาเป็นเวลานาน แอบมองเขาควงคู่อย่างมีความสุข ไม่ว่าในงานลีลาศหรือที่ไหนๆ สำหรับผมมีแค่ จินตนาการ จนอายุถึง ๓๓ ปี จึงได้มีคู่กับเขาบ้าง นับว่าโชคดีมากๆ
ตอนที่ยังเรียนเกษตรอยู่ปีหนึ่ง หลังจาก เสร็จพิธีรับน้องใหม่เป็นต้นมา เมื่อออกจากหอ นิสิตปีหนึ่งชายต้องสรวมหมวกแก็ปสีเขียวมีป้ายชื่ออยู่หน้าหมวก และ นิสิตปีหนึ่งหญิงติดโบว์สีเขียวไว้ที่เข็มติดหน้าอก จากวันรับน้องใหม่ ถึงวันปีใหม่นั้น เป็นเวลาหลายเดือน แล้วในที่สุด ปีใหม่ก็มาถึง รุ่นพี่ ก็จะทำพิธี ถอดหมวก และปลดโบว์เขียว จากนั้นเป็นต้นมา ก็สามารถปฏิบัติตนได้เหมือนกับรุ่นพี่ๆ ทำให้พวกเราปีหนึ่ง มีความสุขมากๆ

ตอนที่อยู่ปีสอง เพื่อนๆกรรมการรุ่น ได้เกณฑ์ให้ผมไปร่วมการแสดงเต้น Scotch พื้นเมืองในงานปีใหม่หลังหอประชุม ก่อนจะแสดง เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว เพื่อนผู้หญิง คู่เต้นของผมซึ่งเป็นคนเด่นของรุ่น ได้เอาเข็มกลัดสวยๆมาให้ติดที่หน้าอก ซึ่งไม่เคยมีใครสนใจทำแบบนี้กับผมมาก่อน จึงประทับใจและจำได้จนถึงปัจจุบัน
สำหรับในช่วง ปีที่สามและปีที่สี่ ได้เป็นผู้จัดการแสดง จำได้ว่าตอนอยู่ปีสาม ได้จัดรำอวยพร โดยมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน ๑ คน และรุ่นน้องอีก ๑ คน รำคู่กัน และปีสี่ ได้ร่วมกับเพื่อนๆ จัดละครพูดตลกๆล้อ สังคม เรื่อง “โคกขี้แห้ง“ โดยมีเพื่อนแสดงเป็นกำนัน และอีกคนเป็นลูกบ้าน มานั่งคุยโต้ตอบกันสนุกๆ เลียนแบบ “เกษตรานคร” (ละครล้อสังคมภายในเกษตรที่แสดงโดยนิสิตปี ๕ เป็นประเพณีทุกๆปี ) ซึ่งในสมัยนั้น เกษตรมีหลักสูตร ๕ ปี แต่รุ่นของเรา( ku 24 )เป็นรุ่นแรกที่ลดหลักสูตรเหลือ ๔ ปี และมาทราบว่าหลักสูตรลดลงเมื่อเปิดเทอมต้น ตอนขึ้นปี ๔ พอดี เลย ไม่มีโอกาสเป็นซุปเปอร์ซีเนียร์(ปี ๕)และไม่ได้แสดง”เกษตรานคร” เพราะจบการศึกษาพร้อมกับรุ่นพี่ในตอนนั้น
เมื่อจบการศึกษาและได้ทำงานเป็นข้าราชการ แล้ว ถึงวันปีใหม่ ผมก็ยังครองความเดียวดายไว้เสมอๆ ถ้ามีการเลี้ยงฉลองที่ไหน ขอให้ได้ชวน ก็จะไปร่วมกับเขาด้วย บางครั้ง งานจบลงแล้ว แต่ยังไม่ถึงเที่ยงคืนเพื่อต้อนรับปีใหม่ ก็ไม่อยากกลับบ้าน มีวันปีใหม่อยู่ครั้งหนึ่ง เมามาจากที่ไหนก็จำไม่ได้ แต่ยังติดลมอยู่ จึงได้ไปปลุกญาติที่มีศักดิ์เป็นพี่คนหนึ่ง ไปนั่งคุยกันที่ภัตตาคารชายทะเลจันทร์เพ็ญ ลาดพร้าว โต้รุ่ง ซึ่งร้านนั้น ที่ลาดพร้าวรู้สึกว่าจะไม่มีแล้ว แต่ร้านเดิมที่อยู่บ่อนไก่ ยังเจริญรุ่งเรืองดีอยู่

เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านไปประมาณ เกือบ ๑๐ ปีมาแล้ว ท่ามกลางอากาศเย็นๆ หนาวนิดๆของเชียงใหม่ ผมและครอบครัวได้ไปนั่งดื่มเบียร์ที่โรงแรม ซึ่งสมัยก่อนมีชื่อว่าโรงแรม สุริวงศ์ อยู่ตรงที่ ไนท์บาซ่าร์ ของเมืองเชียงใหม่ ร้านอาหารที่เราเลือก เป็นสถานที่กลางแจ้งหน้าโรงแรม มีดนตรี และคนเดินผ่านไปมา บางครั้ง นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มานั่งกินโต๊ะอื่น ก็ลุกขึ้นเต้นตามจังหวะเพลง ดูบรรยากาศเพลิดเพลินไปกับคืนวันปีใหม่ จนกระทั่งเลยเที่ยงคืนต้อนรับปีใหม่แล้ว จึงกลับบ้าน หมดเบียร์ไปหลายขวด แต่ไม่ได้มึน เพราะนั่งนาน และบรรยากาศดี ทั้งนี้ ถึงเวลาปีใหม่ จะมาอยู่เชียงใหม่ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เพราะ ใหม่เหมือนกัน แต่ตอนปีเก่า ก็ทำไมยังอยู่เชียงใหม่ ก็เพราะจังหวัดเชียงเก่าไม่มี
ตอนนี้ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้แล้ว เสียดายรสและอารมณ์ สมัยก่อนดื่มเก่ง ตั้งแต่หัดดื่มแอลกอฮอล์มา เพิ่งเมาเพียง ๒ ครั้งเอง นอกนั้นไม่รู้เรื่องเลย วันนี้ เป็นวันส่งท้ายปีเก่าครับ ขอต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๒ ที่กำลังมาถึงวันนี้ ขอส่งความสุขปีใหม่ให้กับผู้อ่านทุกๆคน
บู๊ (คนเคยหนุ่ม)







