INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

แอตลาสเซียน : เฟดเอ็กซ์ เดย์


แอตลาสเซียน : เฟดเอ็กซ์ เดย์

เมื่อเราถามนักศึกษาเอ็มบีเอเกี่ยวกับการจูงใจและโอกาสคือ พวกเขา
น่าจะบอกเราเกี่ยวกับทฤษฎีลำดับความต้องการของอับราฮัม มาสโลว์
เเต่กระนั้นเรามีความก้าหน้ามากขึ้นไม่นานมานี้ภายในความเข้าใจเกี่ยว
กับทฤษฎีการจูงใจ เช่น ทฤษฎีการกำหนดตัวเอง ไดัถูกทำให้นิยมแพร่
หลายโดยข้อเขียนของแดเนียล พิงค์ ภายในหนังสือขายดีที่สุดของเขา
“Drive : The Surprising Truth About What Motivates Us” แดเนียล
พิงค์ ได้อธิบายว่าในแง่ของการศึกษาการจูงใจ เรามีช่องว่างระหว่าง
อะไรที่ศาสตร์รู้ และอะไรที่เกิดขึ้นจริงภายในโลกจริงของธุรกิจ
ทฤษฎีการจูงใจเริ่มแรกที่สุดและรู้จักกันดีที่สุด มาจากนักจิตวิทยาที่มี
ชื่อเสียง อับราฮัม มาสโลว์ ทฤษฎีลำดับความต้องการของเขาถูกพิมพ์เมื่อ ค.ศ 1943 ถ้าเราคิดว่า อับราฮัม มาสโลว์ค่อนข้างเก่าแก่เล็กน้อย
เราอาจจะชื่นชมทฤษฎีการจูงใจของแดเนียล พิงค์
เขามองว่าบุคคลกลายเป็นถูกจูงใจมากขึ้นด้วยตัวจูงใจภายใน ตัวจูงใจภายในเหล่านี้เป็นตัวจูงใจที่อับราฮัม มาสโลว์อ้างเป็นความต้องการความสมหวังของชีวิต
บุคคลจำนวนมากทำงานภายในสภาพเเวดล้อมที่ครอบงำด้วยการจูงใจ
แครอทและไม้เรียว ทำงานได้ดี คุณจะได้รางวัล แต่ทำงานไม่ดี คุณจะถูกลงโทษ การวิจัยความผูกพันของบุคคลเสนอแนะว่าบุคคลทำงานได้
ดีขึ้น เมื่อพวกเขาถูกจูงใจ แต่เรายังคงมีการโต้เถียงอย่างกว้างขวาง
เกี่ยวกับการจูงใจสมัยเดิมของเเครอทและไม้เรียว ใช้การอย่างแท้จริงได้หรือไม่
ภายในหนังสือของเขา แดเนียล พิงค์ ได้เริ่มต้นวิสัยทัศน์ใหม่
เพื่อการจูงใจสถานที่ทำงานที่เขาเรียกชื่อว่า การจูงใจ 3.0 เพราะว่า
มันได้ยกระดับจากความอยู่รอดดั้งเดิม การจูงใจ 1.0 และจากวัฒน
ธรรมของของรางวัลและการลงโทษที่พบภายในธุรกิจส่วนใหญ่ การจูงใจ
2.0
ทฤษฎีการจูงใจของแดเนียล พิงค์ ดึงมาจากการวิจัยของนักจิตวิทยา
เอ็ดวาร์ด เดซี และริชาร์ด ไรอัน ภายใน ค.ศ 1971 พวกเขาได้พบว่ารางวัลสามารถล้มเหลวที่จะปรับปรุงความผูกพันงานของบุคคล และเเม้แต่ทำให้งานเสียหาย แดเนียล พิงค์ ยืนยันว่าวิถีทางแครอทและไม้เรียวต่อการจูงใจได้กลายเป็นล้าสมัยไปแล้ว และไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความ
ต้องการของสถานที่ทำงานของความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมของ
ศตวรรษที่ 21
แดเนียล พิงค์ ยอมรับว่าเงินเป็นตัวจูงใจ ณ การทำงาน แต่เมื่อบุคคล
ได้รับรู้ว่ามันได้ถูกให้อย่างยุตธรรมแล้ว พวกเขากลายเป็นถูกจูงใจมาก
ขึ้นด้วยตัวจูงใจภายใน เมื่อบุคคลได้รับรายได้อย่างยุติธรรม พวกเขา
มองหามากขึ้นจากงานของพวกเขา บุคคลมีความต้องการทางจิตใจ
สนับสนุนพวกเขาเจริญเติบโตและพััฒนา เงินอาจจะลดแรงจูงใจของ
บุคคลภายในสถานการณ์บางอย่าง และการจูงใจบุคคลที่แท้จริงมา
จากบางสิ่งบางอย่างที่แดเนียล พิงค์อ้างเป็น ซอว์เยอร์ เอฟเฟค : ทำให้
การทำงานเป็นการเล่น
แดเนียล พิงค์ ได้สร้างถ้อยคำตามชื่อของทอม ซอว์เยอร์ ตัวนักแสดงนิทาน The Adventures of Tom Sawyer 1876 โดย มาร์ค ทเวน ภายในตอนเริ่มแรกของหนังสือ เขาได้ถูกป้าสั่งให้ทาสีรั่ว แต่เขาได้ทำให้เพื่อนของเขาทาสีรั้วแก่เขา เขาทำได้อย่างไร แดเนียล พิงค์ กล่าวว่า เขาได้ชักจูงพวกเขาว่ามันเป็นความสนุกสนาน ซอวเยอร์ เอฟเฟค เป็นการเพิ่มความรู้สึกของความเป็นอิสระและการเรียนรู้ต่องานที่น่าเบื่อทำให้งานกลายเป็นความสนุกสนาน โดยวิธีการเดียวกัน การให้รายได้แก่บุคคล
บางคนทำบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาชอบทำ สามารถทำให้การเล่นกลายเป็นงานได้
การวิจัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของการจูงใจจากภายในมาจากเอ็ดวาร์ด
เดซี และริชาร์ด ไรอัน พวกเขาได้สร้างทฤษฎีการกำหนดตัวเอง พวกเขาระบุสิ่งสามสิ่งเป็นตัวจูงใจภายใน : ความเป็นอิสระ ความสามารถ และความสัมพันธ์ ในขณะที่แดเนียล พิงค์ ได้ดึงมากกว่า 40 ปีของหลักฐานภายในหนังสือของเขา สรุปว่าเรามีตัวจูงใจภายในสามตัวคือ ความเป็นอิสระ การเรียนรู้ และความมุ่งหมาย
เรามีความคิด่ที่ยิ่งใหญ่บางอย่างเพื่อบริษัทของเรา แต่เราไม่มีเวลา
หรือเส้นทาง เพื่อทำให้มันเกิดขึ้น เพราะว่าเรายุ่งเกินไปกับการทำงาน
ประจำวันปรกติของเรา เราอาจจะเคยได้ยินเวลา 20% ของกูเกิ้ล ตรง
ที่บุคคลได้วันหนึ่งต่อสัปดาห์ ทำอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการ ผลิต
ภัณฑ์ที่ดีบางอย่างของพวกเขาได้มาจากความพยายามนั้น เช่น จีเมล
กูเกิ้ล นิวส์ เรามี 3 เอ็มที่มีนโยบายอย่างเดียวกันนี้ด้วย
โรมไม่ได้ถูกสร้างภายในวันเดียว แต่นั่นเป็นเวลาที่มันใช้เพื่อนวัตกรรม
ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอตลาสเซียนทุกไตรมาส เราดำเนินการแฮกกาธอน
24 ชั่วโมงเรียกว่าชิปอิท เราทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทำบางสิ่งบางอย่างที่สุด
ยอด มันได้รวมเอาวัฒนธรรมของนวัตกรรมของเราเข้าไว้ และวาง
น้ำหนักเบื้องหลังค่านิยมของบริษัทที่เคารพ
บุคคลหลายคนที่นี่ ณ แอตลาสเซียน อธิบายชิปอิทเป็น 24 ชั่วโมงของโอกาส ชาวแอตลาสเซียน ณ ทุกระดับมีส่วนร่วม ตั้งแต่บุคคลว่าจ้างสัปดาห์ที่แล้ว ไปจนถึงผู้บริหารอาวุโสและซีอีโอ เราทุกคนได้ความท้าทายอย่างเดียวกันทิ้งประจำวันของเรา เพื่อที่จะระบุและเเก้ปัญหา
ัเรามุ่งหมายที่จะมีกฏไม่กี่อย่าง ดังนั้นเรามีความเป็นอิสระที่จะขุดและ
สร้างอะไรก็ตามที่เราต้องการ
นับตั้งแต่ ค.ศ 2005 แอตลาสเซียน ได้ดำเนินการแฮคมาราธอนภายใน
ทุกไตรมาส เรียกว่า เฟดเอ็กซ์ เดย์ และความผูกพันของพวกเขาที่จะจัด
ส่่งบางสิ่งบางอย่างภายใน 24 ชั่วโมง เราชอบความคิดของการประยุกต์ใช้แนวคิดจัดส่งภายในหนึ่งวัน ต่อแฮคมาราธอนเหล่านี้ ดังนั้นเราได้เริ่มต้นเรียกมัน เฟดเอ็กซ์ เดย์ อย่างไม่เป็นทางการ
เเอตลาสเซียน ได้ตัดสินใจพยายามวันหนึ่งของไตรมาส ตรงที่บุคคลทุกคนภายในบริษัทสามารถทำอะไรก็ตาม แต่พวกเขาต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยวันต่อไป มันเป็นช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และบุคคลหลายคนทำงานตลอดคืน ทำบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาลุ่มหลง บริษัทเรียกมันว่าวันชิปอิท ก่อนหน้านี้รู้จักกันเป็นวันเฟดเอ็กซ์ เพราะว่าคุณได้จัดส่งข้ามคืน
เฟดเอ็กซ์ เดย์ ได้ให้โอกาสแก่บุคคลทำงานกับอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการต่อ 24 ชั่วโมง และนำเสนอมันข้ามคืน แนวคิดของเฟดเอ็กซ์
เดย์ ถูกสร้างโดยเเอตลาสเชียน บริษัทซอฟท์แวร์ และได้ถูกทำให้แพร่
หลายโดยแดเนียล พิงค์ ภายในหนังสือของเขา เเดเรียล พิงค์ ยืนยันข้อ
เท็จจริงว่าตัวจูงใจภายนอก เช่น เงิน การยกย่อง การคุกคาม วิถีทาง
ของหัวแครอทและไม้เรียว ใช้การไม่ได้ เขาได้กล่าวถึงองค์ประกอบ
สามอย่างของการจูงใจจากภายในอย่างเเท้จริง ความเป็นอิสระ การ
เรียนรู้ และความมุ่งหมาย ดังตัวอย่างของกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มขวัญ
ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพ เขาได้อธิบายแนวคิดของเฟดเอ็กซ์ เดย์ ต้นกำเนิดของชื่อวัน
เฟดเอ็กซ์จะธรรมดา เราเคยสั่งซื้ออะไรบางอย่าง และได้รับมันภายใน
24 ชั่วโมงต่อไป ความคิดอย่างเดียวกันสามรถถูกประยุกต์ใช้ต่อการ
พัฒนาด้วย เราเลือกปัญหาที่จะเเก้ไขและใช้ 24 ชั่วโมงตามมาพยายาม
แก้ไขมัน
แดเนียล พิงค์ได้ให้ข้อเสนอแนะอย่างหนึ่งที่จะจูงใจบุคคลคือ เฟดเอ็กซ์เดย์ วันที่บุคคลใช้เวลาทำงานอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาต้องการอย่างไร และกับใครก็ตามที่พวกเขาต้องการ เเต่กฏคือ บุคคลต้องนำเสนอบางสิ่งบางอย่างข้ามคืน – ดังนั้นชื่อคือ เฟดเอ็กซ์ มันสามารถเป็นความคิดใหม่ ต้นแบบของผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการภายในที่ดีขึ้น บริษัทมากขึ้นกำลังใช้เฟดเอ็กซ์เดย์ และเเนวคิดนี้ได้ช่วยให้ 3 เอ็ม คิดค้นโพสท์ อิท โน้ต มาแล้ว
เฟดเอ็กซ์เดย์ เป็นวันที่สงวนไว้ตรงที่บุคคลทุกคนภายในบริษัททำงาน
กับบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาถูกบันดาลใจส่วนบุคคลทำและคิด เพื่อ
การปรับปรุงบริษัท แต่พวกเขาไม่เคยมีเวลาทุ่มเทเพียงพอต่อความคิด
นั้น เเดเนียล พิงค์ได้นำความคิดจากประสบการณ์ ณ แอตลาสเชียน
แอตลาสเซียนได้เลือกความคิดจากกูเกิ้ล ไทม์ 20% ของกูเกิ้ล ที่จริงแล้ว
มันเป็นความคิดจาก 3 เอ็ม ย้อนหลังไปยัง ค. ศ 1950 ได้สร้างโครงการ 15% แก่วิศวกรที่จะสร้างนวัตกรรมอย่างเสรี

วิลเลียม แมคไนท์ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่และนักปรัชญาทางธุรกิจ เขาทำงานอยู่ ณ 3 เอ็ม ยาวนานถึง 59 ปี และเป็นซีอีโอที่ยาวนานของ 3 เอ็ม เขาได้เข้ามาทำงานที่ 3 เอ็ม เมื่อ ค.ศ 1907 เป็นพนักงานบัญชี และได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นซีอีโอ เมื่อ ค.ศ 1929 เขาได้สร้างวัฒนธรรมการบริหารที่มุ่งนวัตกรรมของ 3 เอ็ม ขึ้นมา
วิลเลียม แมคไนท์ ได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับการยอมให้วิศวกรทำตามสัญชาติญานของพวกเขา ในไม่ช้าเขาได้ประมวลเป็นนโยบายเรียกว่ากฎ 15% การกระตุ้นให้วิศวกรของ 3 เอ็ม ใช้ 15% ของเวลางานทำโครงการวิจัยอะไรก็ได้ที่พวกเขาชอบ เขาได้บอกแก่ผู้บริหารว่า “ถ้าเรากั้นรั้วรายรอบบุคคลของเรา เราย่อมจะได้แกะ เราควรจะให้บุคคลมีโอกาสที่พวกเขาต้องการ” ปัจจุบันกฎ 15% ยังคงมีอยู่ ณ 3 เอ็ม
เรื่องราวคลาสสิคของกฎ 15% คือ การค้นพบนวัตกรรมที่โด่งดังของ
3 เอ็ม โพสท์อิท โน้ต โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ อาร์เธอร์ ฟราย อาร์เธอร์ ฟราย นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งของ 3 เอ็ม ต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ กระดาษคั่นหน้าหนังสือเพลงสวดมักจะหล่นอยู่เสมอ ทำให้หาหน้าไม่เจอ ดังนั้นเขาได้เกิดความคิดอยากจะได้กระดาษคั่นที่มีกาวอ่อนติดและดึงออกโดยไม่มีร่องรอย และติดกับไปใหม่กับหน้าหนังสือเพลงสวดได้ เขาทราบว่า สเป็นเซอร์ ซิลเวอร์ นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งของ 3 เอ็ม ได้ค้นพบกาวอ่อนนี้ แต่ได้ทิ้งไป เนื่องจาก 3 เอ็ม ต้องการกาวเหนียว ดังนั้นพวกเขาได้ร่วมมือกันโดยใช้กฏ 15% พัฒนาโพสท์อิสท์โน้ตขึ้นมาได้จนสำเร็จ และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้สร้างกำไรแก่ 3 เอ็ม สูงมาก

เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส ชื่อใหม่คือ เฟดเอ็กซ์ บริษัทจัดส่งพัสดุและเอกสารข้ามคืนลำดับหนึ่งของโลก คำว่าข้ามคืน หมายความว่าพัสดุและเอกสารของลูกค้าต้องถึงจุดหมายปลายทางภายใน 24 ชั่วโมงหรือหนี่งวัน บริษัท
ถูกก่อตั้งภายในลิตเติ้ล รอค อาร์คันซอ เมื่อ ค.ศ 1971 เป็นเฟดเดอรัล
เอ็กซ์เพรส คอรปอเรชั่น โดยเฟรดเดอริค สมิธ เขาดึงเเนวคิดของบริษัท
ภายในเอกสารรายงานของเขา ณ มหาวิทายัลเยล
คู่แข่งขันรายสำคัญของเฟดเอ็กซ์คือ ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ยักษ์ใหญ่สีน้ำตาล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอคนแรกของเฟดเอ็กซ์คือ เฟดเดอริค สมิธ
เมื่อ ค.ศ 1965 เฟรดเดอริค สมิธ นักศึกษาปริญญาตรี ของมหาวิทยาลัยเยล ได้ทำรายงานแผนธุรกิจของการจัดส่งพัสดุและเอกสารของบริษัท
เพื่อนำเสนอต่ออาจารย์ แผนธุรกิจของเขาได้อธิบายถึงระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพด้วยกำหนดเส้นทางจัดส่งพัสดุและเอกสารผ่านจุดศูนย์กลางแล้วส่งไปตามจุดหมายปลายทาง
เมื่ออาจารย์ได้อ่านรายงานของเขาแล้วไม่ประทับใจและเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นรายงานจะได้รับเพียงเกรดซีเท่านั้น
อาจารย์ได้กล่าวแก่เขาว่า แนวคิดน่าสนใจและรอบรู้ดี แต่ถ้าจะได้เกรดสูงกว่าซี ความคิดต้องเป็นไปได้ด้วย
ไม่กี่ปีต่อมาเฟดเดอริค สมิธ ได้ก่อตั้งเฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส ขึ้นมา ด้วยการใช้รายงานฉบับนี้ เงินลงทุน 80 ล้านเหรียญ ชื่อที่รู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการคือ เฟดเอ็กซ์ การบริการการจัดส่งได้เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายเป็นพัสดุขนาดเล็กและเอกสาร ณ คืนแรกของการปฏิบัติการฝูงเครื่งบินไอพ่น 14 ลำ ได้บินขึ้นด้วยพัสดุ 186 ชิ้น
ภายในสองปีแรก เฟดเอ็กซ์ขาดทุน 27 ล้านเหรียญ ภายในช่วงเวลาที่สั้น บริษัทเข้าใกล้จะล้มละลายแล้ว เงินลงทุนของเฟดเดอริคิสมิธเองและที่ได้มาจากน้องชายและน้องสาวได้สูญเสียไปหมดแล้ว แต่เขาสามารถเจรจาต่อรองกู้เงินจากธนาคารได้สำเร็จ และทำให้บริษัทสามารถลอยตัวขึ้นมาได้
บริษัทเป็นที่รู้จักกันต่อบริการจัดส่งชั่วข้ามคืน และการบุกเบิกระบบที่สามารถติดตามพัสดุ และให้ข้อมูลเวลาจริงของสถานที่พัสดุ คุณลักษณะ
ที่ถูกดำเนินการในขณะนี้ของบริการจัดส่งอื่นส่วนใหญ่ เฟดเอ็กซ์ เป็น
ผู้รับเหมาลำดับสูงสุดของรัฐบาลอเมริกันด้วย

เรามีการเขียนเกี่ยวกับแอตลาสเซียนมากมาย บริษัทซอฟท์แวร์ของ
ออสเตรเลีย เหนือสิ่งอื่นใด โลกชอบเรื่องราวของซอฟท์แวร์สตร์าทอัพ ทำให้กลายเป็นยูนิคอรน ออกสู่สาธารณะ และสร้างมหาเศรษฐี ผู้ประกอบการวัยหนุ่มสาว ดังเช่นผู้ก่อตั้งแอตลาสเชียน ชาวออสเตรเลียโดยกำเนิด
และเเน่นอนผู้ก่่อตั้งของพวกเขาแสดงคุณลักษณะทุกอย่างของผู้ประ
กอบการแบบฉบับ – ความกล้าหาญ ความไม่ย่อท้อ และเปลี่ยนแปลง
โลก แต่จุดสำคัญท่ามกลางปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ การมุ่งวัฒนธรรม
อย่างคลั่งใคล้ ดังที่สก็อตต์ ฟาร์คัวร์ ผู้ก่อตั้งร่วมแอตลาสเซียนได้สรุปอย่างมีชีวิตชีวาว่า “อย่าฟัคลูกค้า”
สก็อตต์ ฟาร์คัวร์ กล่าวว่า เราย้อนหลังไปเมื่อไมค์ แคนนอน บรูก ผู้ก่อตั้งร่วม และผมยังคงอยู่ภายในมหาวิทยาลัย และเรายังไม่ต้องการได้งานแท้จริงภายหลังจบการศึกษา ไมค์และผมทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของโครง
การฝึกงาน ผมต้องไปทำงานกับบริษัทใหญ่ที่สุดสามบริษทของออสเตรเลีย และได้เผชิญกับเวลาที่น่ากลัวกับการทำงานเพื่อพวกเขา
ผมได้ตัดสินใจว่าผมจะไม่ทำงานกับบริษัทใหญ่ต่อไปอีกแล้ว
แอตลาสเซียน ต้นกำเนิดได้เริ่มต้นบริการสนับสนุนฝ่ายที่สามเพื่อบริษัทภายในสวีเดน มันเป็นธุรกิจที่ไม่ดีอย่างมาก มันเป็นธุรกรรมอย่างมาก บุคคลโทรศัพท์มาหาคุณตอนเที่ยงคืน เราโชคดีเพียงพอที่ธุรกิจอย่างแรกของเราไม่ดีพอทำให้เราหาธุรกิจอื่น และเราได้สร้างผลิตภัณฑ์ต่อไป
ของเรา “จิร่า” และจิร่าบรรลุความสำเร็จภายในหกเดือนที่สร้างมัน
่ วันนี้ แอตลาสเซียน ไม่ได้เป็นเพียงแค่สตาร์ทอัพบรรลุความสำเร็จมาก
ที่สุดภายในออสเตรเลีย พวกเขาเป็นบริษัทบรรลุความสำเร็จมากที่สุด
ของโลกด้วย บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 50 พันล้านเหรียญ กลุ่มผลิตภัณฑ์
ที่พวกเขาสร้าง – ด้วยซอฟท์แวร์เหมือนเช่นจิราและเทรลโลเป็นตัวอย่าง
ที่ดีเด่น – ถูกใช้โดยทีมจำนวนมากทั่วโลก ไม่ว่าเรากำลังพูดเกี่ยวกับ
ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา การปฏิบัติที่ดีที่สุดของพวกเขา หรือจริธรรม
การทำงานของพวกเขา แอตตลาสเซียน ได้สร้างชื่อเสียงที่ผิดธรรมดา
เพื่อตัวมันเองภายในเวลาที่สั้น และมันเป็นเรื่องราวหนึ่งสามารถถูกใช้
เป็นแรงบันดาลใจแก่เราทุกคน
เเอตลาสเซียนเป็นไททัน ซอฟท์แวร์ ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ผู้ก่อตั้งของพวกเขา ไมค์ แคนนอน-บรูค และสก็อตต์ ฟาร์ครัวร์ ได้พิสูจน์ว่าคุณไม่ต้องย้ายไปซิลิคอน แวลลลี่ย์ที่จะกลายเป็นมหาเศรษฐี ภายในตำนานกรีก แอตลาต เป็นไททันยืนบนยอดของภูเขาแอตลาส และยึดท้องฟ้าที่จะไม่ให้ล้มลง
สก็อตต์ ฟารคัวร์ ได้จดจำความต้องการคอมพิวเตอร์ที่สิ้นหวัง เขาอายุ
ประมาณ 11 ปี ลูกคนโตสุดของสี่คนของครอบครัวทำงานภายในซิดนีย์
ผมต้องการคอมพิวเตอร์ เพราะว่าเพื่อนของผมมีคอมพิวเตอร์ และผมรู้ว่า
คุณสามารถเล่นเกมกับมันได้ แต่พ่อแม่ของผมไม่สามารถรับภาระได้
แอตลาสเซียน สตาร์ทอัพซอฟท์แวร์พันล้านเหรียญแนวหน้าของโลก
ถูกสร้างจากหนี้สินเครดิต การ์ด 10,000 เหรียญ พวกเขา เป็นบริษัทซอฟท์แวร์ออสเตรเลีย พัฒนาผลิตภัณฑ์
เพื่อนักพัฒนาซอฟท์แวร์ ติดอาวุธด้วยเครดิต การ์ด และความฝัน เพื่อนมหาวิทยาลัยสองคนไมค์ เเคนนอน-บรูค และสก็อตต์ ฟาร์คัวร์ ได้เริ่มต้นสร้างแอตลาสเซียน เมื่อ ค.ศ 2002 ด้วยเป้าหมายที่เรียบง่าย พวกเขาไม่ต้องการใส่สูทมาทำงาน
และได้รายได้มากกว่าที่สก็อตต์ ฟาร์คัวร์ได้ถูกเสนอโดยพีดับบลิวซี เพื่อนมหาวิทยาลัยสองคนได้ทำให้สตาร์ทอัพกลายเป็นบริษัทซอฟทแวร์
ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างไร ซิดนีย์ มอรนิง เฮอรรัลด์ ได้อ้างเป็นยักษ์ใหญ่เทคที่ไม่มีใครเข้าใจเพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แอตลาสเซียน เริ่มต้นเป็นบริการสนับสนุนเทค เนื่องจากผู้ก่อตั้งมีความยุ่งยากต่อการสร้างรายได้เริ่มแรก พวกเขาได้ขายซอฟท์แวร์ที่พวกเขาได้
พัฒนาสนับสนุนธุรกิจของพวกเขา – ระบบสนับสนุนแอตลาสเซียน –
คือ จิรา เมื่อ ค.ศ 2002 แอตลาสเซียนเรียกชื่อผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
โกจิรา หมายถึงกอตซิลลาภายในญี่ปุ่น ความคิดของชื่อเกิดขึ้นเพราะว่า ก่อนที่พวกเขาได้พัฒนาเครื่องมือ ผู้เขียนโค้ดของแอตลาสเซี่ยนใช้เครื่องมือซอฟท์แวร์บัค แทรคกิ้งเรียกว่าบักซิลลา
แอตลาสเซียนเริ่มต้นเป็นบริษัทสนับสนุนทีมสนับสนุนลูกค้าของบริษัทอื่น มันหมายความว่าผู้ก่อตั้งร่วมของเรา ไมค์ และสก็อตต์ รับโทรศัพท์ทุก
ชั่วโมง ซอฟท์แวร์บัก แทรคกิ้งที่พวกเชาใช้อยู่ไม่ดีเยี่ยมด้วย ดังนั้นพวก
เขาได้สร้างเเทรคเกอร์ของพวกเขาเอง เรียกมันว่า จิรา และตัดสินใจ
อย่างรวดเร็วพวกเขาขายจิราดีกว่าการให้บริการสนับสนุน แทรคเกอร์
บัก แนวหน้า ณ เวลานั้น เป็น บักซิลลา จิราเล่นบน โกจิรา เป็นชื่อเรื่องญี่ปุ่นของภาพยนตร์กอตซิลลาต้นกำเนิด ค.ศ 1954
แอตลาสเซียน สามารถถูกคิดเป็นบริษัทเทคโนโลยีเพื่อนักเทคโนโลยี พวกเขาสร้างซอฟท์แวร์ที่ถูกใช้โดยนักพัฒนาซอฟท์แวร์ และเเผนกไอที ผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดของบริษัทคือ จิร่า เครื่องมือการบริหารโครงการและบัก แทรคกิ้ง ได้ถูกใช้โดยองค์การจำนวนมากรวมทั้งนาซาและเทสลา ซอฟท์เเวร์ตัวแรกของพวกเขาคือ จิรา เปิด
ตัวเมื่ิอ ค.ศ 2002 แอตลาสเซียนมีรายได้หนึ่งล้านเหรียญภายในปีแรกของพวกเขา
ผู้ก่อตั้งทั้งคู่ได้พบกันในขณะที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิว เซ้าธ์เวลส์
ซิดนี่ย์ พวกเขาเริ่มต้นบริษัืทด้วยตัวเองหลายปี จัดหาเงินแก่สตาร์ทอัพด้วยหนี้สินเครดิตการ์ด 10,000 เหรียญ ภายใน ค.ศ 2002 พวกเขาไม่รู้บริษัทควรจะเป็นประเภทอะไร แต่พวกเขารู้แน่นอนว่ามันไม่ควรจะเป็น – สภาพแวดล้อมตรงที่พวกเขาต้องทำตาม ไม่ใช่พวกเขาเป็นอย่างแท้จริง
พวกเขาทั้งสองไม่ต้องการใส่สูทมาทำงาน หรือได้งาน 9-5 ปรกติ พวกเขาต้องการสร้างได้มากกว่าที่สก็อตต์ ฟาร์คัวร์ ได้ถูกเสนอเพื่องานจมหาวิทยาลัย ณ พีดับบล้วซี 48,500 เหรียญ ณ เวลานั้น เมื่อ ค.ศ 2020
แอตลาสเซียนมีมูลค่า 52 พันล้านเหรียญ
พวกเขาทั้งสองได้ร่วมความลุ่มหลงต่อคอมพิวเตอร์ และคับข้องใจต่อ
งานหนักน่าเบื่อของบริษัท พวกเขาได้เปิดตัวแอตลาสเซียนด้วยกัน บริการสนับสนุนเทคโนโลยี พวกเขาบริหารจากห้องนอนของพวกเขาตลอดคืน
ไม่สามารถทำเงินตอนเริ่มแรก พวกเขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
และเริ่มต้นขายซอฟท์แวร์
นวัตกรรมต้องการเวลาทุ่มแทและพื้นที่ มันไม่ได้เกิดขึ้นบนเวลาพักดื่ม
กาแฟของคุณ ประเพณีแฮคมาราธอนไตรมาสของเรา ชิปอิท ได้เริ่มต้น
ภายใน ค.ศ 2005 ความเป็นอิสระทำงานอะไรก็ตามที่คุณต้องการ กับใครก็ตามที่คุณต้องการเพื่อ 24 ชั่วโมง เป็นการเพิ่งพลังอย่างมหาศาล
ในขณะนี้เราได้เจริญเติบโตเป็นบริษัทโลกด้วยบุคคลของเราทั่วโลก
แต่ความทะเยอทะยานเริ่มแรกเหล่านี้ยังคงเป็นจริงอยู่ ในขณะที่แอตลาส
เซียนวันนี้ดูเเล้วแตกต่างจากแอตลาสชียน 20 ปีที่แล้้ว – และจะดูแลัวแตกต่างจากแอตลาสเซียน 20 ปีจากนี้ไป บางสิ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง การปลด
ปล่อยศักยภาพของบุคคลทุกคนเป็นพลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ด้วยค่านิยมของเรานำทาง
ภารกิจของแอตลาสซียนคือ จัดหาโซลูชั่นซอฟท์แวร์ธุรกิจปริมาณสูง
ต้นทุนต่ำ เพื่อนักพัฒนาซอฟท์แวร์และผู้บริหารโครงการ ช่วยเหลือ
ทีมทั่วโลกก้าวหน้าความเป็นมนุษย์ผ่านทางพลังของซอฟท์แวร์
ตลอดประวัติของบริษัท โลโกของแอตลาสเซียนอ้างถึงตำนานของ
แอตลาสอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งของเทพนิยายกรีก แอตลาส เป็นไททันที่
ถูกกล่าวร้ายยึดท้องฟ้าเพื่อนิรันดร ภายในโลโกต้นกำเนิด แอตลาส
เป็็นเฉดสีน้ำเงินและดำ ในขณะที่ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินอ่อน
ค่านิยมที่มีความหมายสะท้อนเราคือใคร ไม่ใช่ใครที่เราปราถนาเรา
เป็น ค่านิยมของบริษัทไม่ควรจะเป็นความทะเยอทะยาน มันควรจะสะท้อน
ส่วนที่ดีที่สุดขององค์การเหมือนที่มันมีอยู่แล้ว เมื่อผู้ก่อตั้งของเราเริ่ม
ต้นประมวลค่านิยมของแอตลาสเซียน พวกเขาได้รวบรวมบุคคลจำนวน
หนึ่ง และถามตัวพวกเขาเอง ด้านอะไรของแอตลาสเซียนที่เราต้องการ
ให้ยั่งยืน “เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม แต่ค่านิยมไม่เปลี่ยนแปลง”
บุคคลเป็นเลือดแห่งชีวิตของแอตลาสเซียน เราสามารถมีัเทคโนโลยีที่ดี
ที่สุด และกลยุทธ์ธุรกิจที่ดีที่สุด แต่มันไม่ได้มีคุณค่า ถ้าทีมของเราไม่ได้
มีร่างกายและความรู้สึกที่มีสุขภาพดีืื แอตลาสเซียนผูกพันต่อการสื่อสาร
ความร่วมมือร่วมใจ และการสร้างทีม ไม่ว่าจะต้องทำอะไร มันมองเห็นได้
ภายในวิถีทางที่บริษัทบริหารธุรกิจของพวกเขา และภายในผลิตภัณฑ์ที่
พวกเขาได้พัฒนาด้วย
ความคิดเบื้องหลังของการสร้างแอตลาสเซียน มาร์เก็ตเพลส สามารถ
ย้อนหลังไปยังค่านิยมแกนอย่างหนึ่งที่แอตสาลเชียนได้ถูกสร้างขึ้น ผู้ก่อตั้งได้มองเห็นว่าเพื่อนหลายคนของพวกเขาคิดว่าผู้บริหารของพวกเขาโง่
แต่ไม่สามารถทำอะไรก็ตามกับมันได้ เช่น พวกเขาไม่ถูกให้อำนาจริเริ่ม
การเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งกลายเป็นกลัวบุคคลออกไปจาก
แอตลาสเชี่ยน เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถใช้แพลตฟร์อมตามวิถีทาง
ที่พวกเขาต้องการ ด้วยเหตุนี้ ค่านิยมแกนอย่่างหนึ่งของพวกเขาได้
กลายเป็น เปลี่ยนแปลงตามที่คุณต้องการ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลง
บางสิ่งบางอย่าง เดินหน้าและทำมัน บุคคลทุกคนควรจะมีความกล้าหาญ
และความคิดริเริ่มที่จะกระตุ้นการการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรา บุคคลของเรา สถานที่ของเราดีขึ้น การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็น
ความรับผิดชอบร่วม
แอตลาสเซียน มาร์เกตเพลส ได้นำเสนอลูกค้ามากกว่า 5,300 แอปส์ และบูรณาการที่จะปรับปรุงและขยายผลิตภัณฑ์แอตลาสเชียนของพวกเขา ภายหลังเจ็ดปีมาร์เก็ตเพลสข้าม 1 พันล้านเหรียญภายในยอดขาย
แอตลาสเชียน ผูกพันต่อการว่าจ้างบุคคลที่ร่วมค่านิยมของบริษัท พวกเขาใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “การทดสอบทางเท้า”
ณ แอตลาสเซียน บุคคลต้องผ่านการทดสอบทางเท้า เมื่อพวกเขาว่าจ้าง
บุคคลบางคน มันไม่เพียงพอที่จะมีประวัติและประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
ผู้สมัครงานต้องให้คุณค่าสิ่งเดียวกันที่บริษัททำ ความโปร่งใส บริการ
ลูกค้า ความสมดุลงาน-ชีวิต การริเริ่ม และความสนุกสนาน วิถีทางอย่าง
หนึ่งที่จะตรวจสอบบุคคลรู้สึกระหว่างกันอย่างไรจะเป็นการทดสอบ
ทางเท้า ถ้าคุณกำลังเดินภายในตัวเมือง และมองเห็นบุคคลบางคนที่คุณทำงานด้วย และต้องการข้ามไปอีกข้างหนึ่งของถนน นั่นเป็นการทดสอบวัฒนธรรมของเรา
ถ้าบุคคลบางคนเดินผ่านคุณบนทางเท้า คุณคิดว่าพวกเขาหยุดและคุย
กับคุณหรือไม่ แอตลาสเชี่ยนเรียกสิ่งนี้ว่าการทดสอบทางเท้า เมื่อพวกเขาว่าจ้างบุคคล พวกเขาไม่เพียงแค่ดูประวัติที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาดูบุคคล
ที่ร่วมค่านิยมของพวกเขา
เเอตลาสเซียน ได้ตัดสินใจพยายามวันหนึ่งของไตรมาสตรงที่บุคคลทุกคนภายในบริษัทสามารถทำอะไรก็ตาม แต่พวกเขาต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยวันต่อไป มันเป็นช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และบุคคลหลายคนทำงานตลอดคืน ทำบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาลุ่มหลง บริษัทเรียกมันว่าวันชิปอิท ก่อนหน้านี้รู้จักกันเป็นวัน เฟดเอ็กซ์ เพราะว่าคุณได้จัดส่งข้ามคืน
แอตลาสเซียน ได้สร้างแบบฝึกหัด “ภารกิจไปดาวอังคาร” ดังที่ถูกกล่าวถึงโดยจิม คอลลินส์ภายในหนังสือ “Good to Great” ของเขา ตรงที่คุณจินตนาการว่าคุณกำลังที่จะสร้างใหม่บริษัทของคุนบนดาวอังคาร มัน
บังคับให้ผู้บริหารถามคำถามเกี่ยวกับค่านิยมอะไรเป็นจุดศูนย์กลางของ
บริษัท
จิม คอลลินส์ มีแบบฝึกหัดเรียกว่า ภารกิจไปดาวอังคาร จงจินตนาการ
คุณถูกขอให้สร้างใหม่คุณลักษณะที่ดีที่สุดขององค์การของคุณบนดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง แต่คุณมีที่นั่งบนจรวดเพื่อบุคคลห้าถึงเจ็ดคนเท่านั้น คุณจะส่งใครไป พวกเขาเป็นบุคคลที่น่าจะเป็นตัวอย่างของค่านิยมแกนและความมุ่งหมาย มีระดับของความเชื่อถือสูงที่สุดกับเพื่อนร่วมงานของ
พวกเขา และระดับของความสามารถสูงที่สุด พวกเขาถูกส่งไปดาวอังคารที่จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของคุณ คุณไม่สามารถพูดคุยกับพวกเขา แต่คุณไว้วางใจว่าพวกเขาจะทำมันอย่างถูกต้อง

 

เรามีค่านิยมแกนห้าอย่างที่นำทางธุรกิจของเรา การพัฒนาผลิตภัณฑ์
ของเรา และตราสินค้าของเรา เมื่อบริษัทของเราได้วิวัฒนาการและ
เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ค่านิยมเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
1 ไม่ปิดบังบริษัท อย่าไร้สาระ
แอตลาสเซียนรับเอาความโปร่งใสที่ไหนก็ตามที่ปฏิบัติได้ และบางครั้ง
ที่ไหนที่ปฎิบัติไม่ได้ ข้อมูลทุกอย่างทั้งภายในและภายนอกถูกเผยแพร่
โดยทั่วไป เราไม่กล้วความซื่อสัตย์กับตัวเราเอง บุคคลของเรา และ
ลูกค้าของเรา ความเปิดกว้างเป็นระดับรากของเรา ข้อมูลถูกเปิดเผยภายในโดยทั่วไปและการร่วมกันเป็นหลักการข้อเเรก อย่ากลัวที่จะร่วม
งานของคุณ ร่วมงานแต่เริ่มแรก ร่วมงานบ่อยครั้ง ร่วมกับบุคคลทุกคน
แอตลาสเซียนกระตุ้นความโปร่งใสทั่วโลก ด้วยการทำให้การไหลของ
งานอย่างกว้างขวาง การป้องกันทีมจากการทำงานภายในไซโล พวกเขา
กระตุ้นการสื่อสารอย่างซื่อสัตย์ ณ ทุกระดับ
2 สร้างด้วยใจและความสมดุล
วัดสองครั้งตัดครั้งเดียว ไม่ว่าาคุณกำลังสร้างบ้านนกหรือธุรกิจ นี่เป็น
คำเเนะนำที่ดี มันหมายความตามตัวอักษร บุคคลควรจะตรวจสอบอีกครั้ง
หนึ่งของการวัดเพื่อความถูกต้อง ก่อนการตัดชิ้นไม้ มิฉะนั้นมันต้อง
ตัดอีกครั้งหนึ่ง สูญเสียเวลาและวัตถุ มันหมายถึงการวางแผนและการ
ตระเตรียมอย่างระมัดระวังและรอบคอบก่อนการกระทำ
ความลุ่มหลงและความเร่งด่วนบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ
เคียงข้างภูมิปัญญาที่จะพิจารณาทางเลือกให้ครบถ้วนและด้วยความ
ระมัดระวัง และเราทำการตัด และเราไปทำงาน ทุกว้นเราพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ที่บุคคลต้องการอย่างมาก การสร้างด้วยใจหมายถึงห่วงใยอะไรที่เราสร้างและทำ มันเป็นภารกิจ ไม่ใช่เพียงแค่งาน เมื่อเราสร้างด้วยความสมดุล
3. อย่าเอาเปรียบลูกค้า
ลูกค้าเป็นเลือดชีวิตของเรา ถ้าไม่มีลูกค้าที่มีความสุข เราจะหายนะ
ดังนั้นพิจารณามุมมองของลูกค้า เมื่อเราตัดสินใจเราถามตัวเราเอง การตัดสินใจนี้กระทบลูกค้าของเราอย่างไร ถ้าคำตอบว่ามันเอาเปรียบพวก
เขา หรือทำให้ชีวิตยุ่งยากมากขึ้น เราต้องค้นหาวิถีทางใหม่ เราต้องการ
ให้ลูกค้าเคารพ เรามุ่งที่ลูกค้าของเรา และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดขาย
ตัวมันเอง
การเจริญเติบโตของเราผ่านทางปากต่อปาก แอตลาสเซียน
สามารถเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและทำกำไรระหว่างศตวรรษแรกของ
การดำรงอยู่ของพวกเขา ในขณะที่แอตลาสเซียนเกือบจะไม่ใช้อะไรเลยกับการตลาด แต่ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตนำด้วยผลิตภัณฑ์ พวกเขา
สามารถเจริญเติบโตแพร่กระจายอย่่างรวดเร็วและตามธรรมชาติ โดยที่ธุรกิจไม่ต้องใช้เงินหลายล้านเหรียญกับทีมขายธุรกิจ
4. เล่นเป็นทีม
เราต้องการให้บุคคลทุกคนรู้สึกคล้ายกับพวกเขาทำงานกับแอตลาส
เชียน ไม่ใช่เพื่อแอตลาสเชียน เราคิดว่ามันสำคัญที่จะมีความสนุกสนาน
กับเพื่อนร่วมงานของเรา ในขณะที่ทำงานและมีส่วนช่วยต่อทีมแอตลาส
เชียน การออกแบบเกี่ยวกับบุคคล มันง่ายที่จะหมกมุ่นกับงานประจำวัน
เมื่อคุณทำงานกับเทคโนโลยี และมองไม่เห็นมนุษย์รอบคุณ เราสร้าง
ซอฟท์แวร์เพื่อบุคคลกับบุคคล ณ แอตลาสเซียน พวกเขาส่งผู้เข้ามาใหม่
ไปรอบสำนักงานบนจักรยาน บริการอาหารว่างตอนเที่ยงวันศุกร์ พวกเขา
มีงานเลี้ยง อาหารเที่ยง อาหารว่าง นำบุคคลมารวมกันภายในความสนุก
สนานระหว่างสุดสัปดาห์
5. เปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ
เราคิดว่ามหาตมะ คานธี ถูกต้องเมื่อเขาพูดว่า เราต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการมองเห็นภายในโลก คุณต้องเป็นการ
เปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการมองเห็นภายในชีวิตของคุณ ณ แอตลาสเชียน
เรากระตุ้นบุคคลทุกคนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวก เรา
มองหาวิถีทางอยู่เสมอที่จะปรับปรุงบริษัทของเรา ผลิตภัณฑ์ของ
เรา และสภาพแวดล้อมของเรา บุคคลทุกคนควรจะมีความกล้าหาญ
และความฉลาดกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรา
บุคคลของเรา สถานที่ของเราดีขึ้น การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็น
ความรับผิดชอบร่วมกัน

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *