สันดานอย่าง“ทรัมป์”
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
สันดานอย่าง“ทรัมป์”
พูดถึง”โดนัลด์ ทรัมป์”ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันแล้ว ผมมีสองอย่างที่ใคร่ตั้งข้อสังเกตคือ:-
๑ ไม่ศรัทธาเชื่อถือจริงจังในระบอบประชาธิปไตย
๒ ชอบเอารัดเอาเปรียบ
มาดูข้อแรกเรื่องก่อน ที่ว่าเขาไม่ศรัทธาในประชาธิปไตย
ผมเคยนึกหมิ่นในใจ”โดนัลด์ ทรัมป์”นับแต่ครั้งที่เขาพยายามล้มผลการเลือกตั้งด้วยการใช้อิทธิพลกดดันให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ เมื่อรู้ว่าตนแพ้เลือกตั้ง”โจ ไบเดน”
ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่กล้าทำเพราะเชื่อมั่นคนเองว่า”มีพวก”และ”มีเงิน”
อีกอย่าง ก็ด้วยการยุยงปลุกปั่นฝ่ายขวาตกขอบ ไปชุมนุมแล้วบุกเข้าก่อกวนที่ประชุมวุฒิสภาที่จะลงมติแต่งตั้ง”โจ ไบเดน”ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ
ผมถือว่านั่นคือการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรงมากครับ
ทำให้อัยการต้องดำเนินคดีด้วยการยื่นฟ้องร้องเอาผิด อันจะนำไปสู่การลงโทษจำคุก ในสองกรณี (ความพยายามให้นับคะแนนใหม่-ยุยงให้ก่อจลาจล)
แต่ท้ายสุดโชคดีศาลสูงสั่งมิให้ดำเนินคดี”ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี”
ก็นับว่า”ทรัมป์”โชคดีมาก ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยไม่ต้องติดคุก
แถมอีกศาลหนึ่งก็มีคำสั่งคุ้มครอง ไม่ต้องถูกลงโทษกรณีจ่ายสินบนปิดปากดาราหนังโป๊เสียด้วย ทั้งๆ ที่คณะลูกขุนมีมติว่ามีความผิดจริง
ชัดเจนว่าทั้งสองคดีนั้น ทั้งสองศาลเห็นแก่ความมั่นคงของชาติ ไม่ต้องการให้เกิดการแตกแยกภายใน อันอาจนำไปสู่ความวุ่นวายและไม่ต้องการให้เกิดอุปสรรคในการเดินหน้าบริหารบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง จึงหาทางออกเช่นนั้น
เหมือนจะเตี๊ยมกันไว้
นี้คือบทบาทและหน้าที่ของ”ศาล”ที่สามารถแยก”ความยุติธรรมตามกฎหมาย”กับ”ความยุติธรรมตามความเหมาะสม”ได้อย่างชัดเจน มีความรับผิดชอบสูงต่อสังคมส่วนรวม
จึงต้องนับถือว่า เป็นศาลที่มิใช่ทำหน้าที่แบบ”ซื่อบื้อ”เช่นในบางประเทศครับ……ฮา
อีกอย่างในข้อที่ ๒ นอกเหนือไปจากความดันทุรังโดยไม่กลัวกฎหมายลงโทษแล้ว“ทรัมป์”มี”สันดาน”ที่ชอบเอาชนะด้วยการบีบคั้นต่อรองและเอารัดเอาเปรียบ

ซึ่งก็ได้เห็นแล้วจากหลายเรื่อง เช่นการขู่ตั้งกำแพงภาษาชาติต่างๆ ที่ได้เปรียบสหรัฐทางการค้าขายที่มีมาในอดีต รวมทั้งประกาศจะเอาแคนาดา กรีนแลนด์และคลองปานามามาเป็นของสหรัฐ
แรกก็ขู่ก่อน ทำให้ตกใจหรือทำให้กลัว แต่เมื่อเขาแข็งข้อลุกสู้ กลับบอกว่า”งั้นเรามาต่อรองกัน”…..เห็นหรือไม่ครับ
ล่าสุดก็คือวามพยายามต่อรองบีบคั้นผู้นำยูเครนคือ”เซเลนสกี”ให้ยอมทำตาม ด้วยการทวงคืนความช่วยเหลือที่รัฐบาล”โจ ไบเดน”ส่งไปช่วยใช้ต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย
โดย”ทรัมป์”บอกว่านั่น เป็นความผิดพลาดของ”โจ ไบเดน”
แต่บอก”เซเลนสกี”ว่าจะต้องลงนามเรื่องการอนุญาตให้เข้าไปขุดเอาแร่หายากเสียในยูเครนก่อน แต่”เซเลนสกี”ไม่ยอมเพราะในข้อตกลงนั้นไม่ระบุชัดเจนว่าจะมีหลักประกันอะไรที่จะป้องกันมิให้รัสเซียรุกราน “ทรัมป์”ก็ว่าเอาไว้พูดกันที่หลัง
อันเป็นที่มาของการทะเลาะเบาะแว้งกันท่ามกลางสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวจน”ทรัมป์”ขับไล่”เซเลนสกี”ออกจากทำเนียบขาวทันที
แล้วในที่สุดก็นำมาซึ่งการที่”ทรัมป์”ประกาศหยุดความช่วยเหลือยูเครนทันที
น่าตกใจไหมครับ
บีบจนกระทั่งล่าสุด ขณะที่เขียนเรื่องนี้ (บ่าย ๕ มีค.๖๘ เวลาไทย)”ทรัมป์”ประกาศต่อรัฐสภาว่า
“ยูครนพร้อมแล้วที่จะมาขึ้นโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ถาวร”พร้อมโชว์จดหมายที่แจ้งมา
เห็นไหมครับ เล่ห์เหลี่ยมของ”ทรัมป์”
งั้น ก็แสดงว่า ที่ทะเลาะกันในทำเนียบขาวนั้นเป็นแค่การเล่นปาหี่
เล่นเอาพันมิตร”นาโต้”ระส่ำว่าถ้า”ทรัมป์”ไม่ประกันความมั่นคงของยูเครนแล้ว ยูเครนก็จะกลายเป็นภาระของพันมิตร”นาโต้”ทั้งหมด ในการต่อสู้กับรัสเซีย เสี่ยงต่อสงครามที่อาจลุกลามไปทั่วยุโรป
นักวิเคราะห์และ”วิแคระ”บ้านเราก็เลย”ใส่กันเต็มที่”ว่านี่มันจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ ๓ หรือไม่……โอ้โฮ
ผมเองไม่สันทัดเรื่องพรรค์ยังนี้ ที่ว่ากันเป็นฉากๆ ก็ต้องรับฟังด้วยความเคารพและนับถือละครับ
นี่ละครับ”โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งก็ยังไม่หมดในเรื่องของสันดาน
มีโอกาสผมจะเขียนอีกสันดานหนึ่ง คือ”สันดานถ่อย”ว่าที่อยู่ในก้นบึ้งแห่งหัวใจเขานั้น แท้จริงเป็นอย่างไร………..ฮา








