INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ความตึงเครียดในทะเลตะวันออก

BBC

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ

ทหารประชาธิปไตย

ความตึงเครียดในทะเลตะวันออก

การติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง Type12 รุ่นปรับปรุง จะเริ่มในปีงบประมาณ 2025 (ปีงบประมาณของญี่ปุ่นเริ่ม 1 เมษายน 2025- 31 มีนาคม 2026) ซึ่งขีปนาวุธรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยิงจากภาคพื้นดินมีพิสัยทำการไกลอย่างน้อย 900 กม.-1,200 กม. หรือโดยเฉลี่ย 1,000 กม. ซึ่งหมายความว่าจากจุดการติดตั้ง คือ เกาะนันเซ โอกินาวา สามารถโจมตีเซี่ยงไฮ้ ฟูเจี้ยน ไต้หวัน หมู่เกาะเซกากุ (เตียวหยู) ส่วนหนึ่งของเกาหลีเหนือ หากติดตั้งที่ฮอกไกโด ก็สามารถโจมตีวลาดิวอสสตอค สะขะริน และหมู่เกาะคูริล นับเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางที่ทำการได้ไกลกว่าปกติ ซึ่งจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ (Game Changer) ที่เปลี่ยนญี่ปุ่นจาก “ป้องกันชายฝั่ง” เป็น “การปฏิเสธพื้นที่” (Area Denial) ในระดับภูมิภาค นั่นคือสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนศัตรู นอกจากการโจมตีกองเรือในทะเลจีนตะวันออก นอกจากนี้ยังสามารถยิงขีปนาวุธร่อนโทมาฮอกติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ซึ่งอาจหมายถึงการป้องกันที่ยากลำบากขึ้น ทั้งนี้มีแผนการติดตั้งแรกที่ยามากูริ ปรีเฟคเจอร์ ตามแผนการฝึกร่วม Dragon 25 (11 ก.ย.-25 ก.ย.) ที่จะมีกำลังพลเข้าร่วมถึง 20,000 คน และยุทโธปกรณ์หนักจำนวนมาก

ในแง่ของสงครามจิตวิทยา อาจมองได้ว่านี่เป็นการตอบโต้การแสดงความก้าวร้าวทางจิตวิทยาของจีน ในการจัดแสดงแสนยานุภาพเมื่อวันฉลองชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 กับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา

ในมุมของด้านการทหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารบางท่าน มองว่าเป้าหมายในการติดตั้งระบบขีปนาวุธไทปูน (Typhon) นั้นโตเกียวอาจมองว่าระบบป้องกันความปลอดภัยของญี่ปุ่น เริ่มจะเสื่อมลง เมื่อเปรียบเทียบกับความก้าวหน้าของระบบอาวุธที่พัฒนาอย่างมากของจีน หรือแม้แต่การพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

ในขณะเดียวกันการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากขึ้น ระหว่างรัสเซีย กับทั้งจีนและเกาหลีเหนือก็ทำให้โตเกียวรู้สึกกังวล โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งทางทหารที่ญี่ปุ่นอาจต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ดังนั้นญี่ปุ่นจึงต้องกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงให้เข้มแข็งมากขึ้นด้วยความร่วมมือกับสหรัฐฯ และ/หรือพันธมิตรอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิค ตลอดรวมไปถึง NATO หรือแม้แต่ประเทศนอกภูมิภาคอย่างอินเดีย

การฝึกร่วม Dragon 25 จึงเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่เน้นให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างกองกำลังทหารสหรัฐฯ และกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจากการปกป้องกองกำลังภายนอกที่จะเป็นภัยคุกคาม

แม้ว่าการติดตั้งระบบขีปนาวุธ Typhon ในครั้งนี้จะดูเหมือนเป็นการติดตั้งเฉพาะกิจ แต่ในความเป็นจริงญี่ปุ่น มีแผนติดตั้งอยู่ในงบประมาณปี 25 และ จะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2026

ทั้งนี้ระบบดังกล่าวได้ถูกติดตั้งไปแล้วในฐานทัพของสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2024 ซึ่งในตอนแรกก็ดูประหนึ่งจะเป็นการติดตั้งชั่วคราวจากการซ้อมรบ โดยฝ่ายจีนได้ทำการวิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ไร้ผลและความรุนแรงในความขัดแย้งในพื้นที่ก็เพิ่มมากขึ้น

แม้ว่าทั้งวอชิงตัน และมนิลาจะไม่เคยออกมาแถลงร่วมอะไร แต่มนิลาในเวลาต่อมาจะแถลงว่ามีความจำเป็นต้องมีระบบขีปนาวุธดังกล่าวเพื่อตนเอง

สำหรับญี่ปุ่นการติดตั้งขีปนาวุธ Typhon นี้นับเป็นครั้งแรกในยุคหลังสงครามเย็นนี้ และอาจมองว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของญี่ปุ่น แต่นักกฎหมายก็มองว่านี่เป็นการปกป้องตนเองไม่ใช่ การเผชิญหน้าเพื่อเข้าสู่สงคราม

ทั้งนี้แนวคิดในเรื่องความมั่นคงของญี่ปุ่นมุ่งเน้นที่ความสามารถป้องปรามมิให้เกิดสงครามในดินแดนของตน ทั้งนี้งานของรัฐคือการปกป้องประเทศได้อย่างอิสระ และด้วยนโยบายการอยู่ร่วมกันโดยสันติ

อนึ่งญี่ปุ่นได้เรียนรู้บทเรียนของการสูญเสียอย่างหนักในสงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดเป็นครั้งที่ 2 อีก

ในขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในตนเองทั้งการเมือง และการทหารแม้ว่าเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้จะสั่นคลอนอย่างมาก เนื่องจากญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกที่จะต้องพึ่งความช่วยเหลือจะสหรัฐฯ

แต่นี่ก็เป็นคำถามนี่สำคัญ นั่นคือญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกจริงหรือ

ในความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่ทำไมจึงให้อภัยกันไม่ได้ในเมื่อโดยเชื้อชาติก็มีแหล่งที่มาที่ใกล้ชิดกัน ไม่ลองไปดูความขัดแย้งระหว่างเยอรมันกับฝรั่งเศสที่เข่นฆ่ากันล้มตายจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แต่ทำไมเขาก้าวข้ามความขัดแย้งเหล่านั้นไปได้ในปัจจุบัน

ทราบหรือไม่ว่าครี้งหนึ่งนายวิลลี แบรนด์ อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมันไปคุกเข่าขอโทษ ชาวโปแลนด์ ที่อนุสรณ์สถานที่วอร์ซอร์ จากการที่เยอรมันสมัยอิตเลอร์เข่นฆ่าชาวโปแลนด์

แม้ว่าญี่ปุ่น จะทำการขอโทษจีน และเกาหลีไปบ้างแล้วจากการกระทำต่อชาวจีน และชาวเกาหลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่มันก็มีความขัดแย้งต่อพฤติกรรม นั่นคือ ญี่ปุ่น ยังคงมีพิธีบูชา บุคคลที่ทางฝ่ายจีนและเกาหลี ถือเป็นอาชญากรสงครามในศาลเจ้ายาสุกุนิ พิธีกรรมนี้จะยุติได้ไหม ชาวจีนชาวเกาหลีจะก้าวข้ามความโกรธความเกลียดเหล่านี้ไปได้ไหม หรือจะต้องตอกย้ำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่มีวันหวนกลับไปแก้ไข เมื่อเทียบกันอนาคตของลูกหลานที่จะร่วมกันสร้างสันติภาพ และความสมบูรณ์พูนสุขร่วมกัน

ลองมองดูว่าญี่ปุ่นถูกสหรัฐฯ โจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ อย่างโหดร้ายทารุญ สหรัฐฯเคยมาคุกเข่าขอโทษไหม ทำไมญี่ปุ่นจึงก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้ และกลายเป็นทั้งคู่ค้า พันธมิตรทางทหารและการเมืองที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ

อย่าลืมว่าถ้าจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ จะสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเองและโลกขนาดไหน

สำหรับญี่ปุ่น-รัสเซีย เรื่องเกาะ 4 เกาะ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ รัสเซียไม่ได้ต้องการดินแดน แต่ที่รัสเซียกังวลคือการมีฐานทัพสหรัฐฯในญี่ปุ่น และไม่มีหลักประกันอะไรที่จะไม่มีการไปติดตั้งขีปนาวุธที่เกาะเหล่านั้น ซึ่งคือการจ่อคอหอยรัสเซีย

ไม่ลองพิจารณาฟื้นฟูความสัมพันธ์และความไว้วางใจในการกลับไปฟื้นฟูโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติที่เกาะสะขะริน เปิดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในฐานะเพื่อนบ้าน ทั้ง 2 ชาติมีอะไรที่จะเสริมกันได้ เรื่องเกาะจะกลายเป็นเรื่องเล็กที่คุยกันได้ เมื่อไว้วางใจกัน

ทั้งหมดนี้ที่มันเป็นไปไม่ได้เพราะอีโก้ของผู้นำทางการเมือง หรือเพราะมันเป็นเพราะวัฒนธรรมที่เลวๆที่สะสมไว้ของประชาชาติ ลืมมันเถอะนึกถึงอนาคตของคนรุ่นหลังดีกว่า

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *