รัฐบาลจะจัดอย่างไรกับปัญหากัมพูชา

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

รัฐบาลจะจัดอย่างไรกับปัญหากัมพูชา

“รัฐบาลอนุทิน”ไม่มีเวลาคิดมากมายอะไรนักต่อสองเรื่องที่ความสำคัญ ซึ่งจะต้องกำหนดท่าทีให้ชัดเจนคือ ๑ การลงนามสันติภาพกับกัมพูชาและ ๒ การปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่

เรื่องที่ ๑ ว่าด้วยการลงนามสันติภาพกับกัมพูชาตามที่พูดกันนั้นเป็นผลพวงที่เกิดตามมาจากการตกลงหยุดยิงที่กัวลาลัมเปอร์ระหว่างผู้นำไทย(ภูมิธรรม เวชยชัย)กับผู้นำกัมพูชา(ฮุน มาเนต)เมื่อ ๒๘ กค.๖๘ ตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐ”โดนัลด์ ทรัมป์”ได้ตะล่อมเอาไว้ในเชิงบังคับว่า ถ้าทั้งสองชาติถ้าไม่ตกลงหยุดยิง ก็จะไม่ทบทวนการตกลงใดๆ ในเรื่องการลดอัตราภาษีขาเข้าสินค้าให้เป็นคุณแก่ทั้งสองประเทศ

ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การลงนามในข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้นดังว่า

แต่กัมพูชาหาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงไม่ แม้จะเจรจากันสองฝ่ายในขั้นใด ทั้งๆ ที่รับปากแต่ไม่ปฏิบัติตาม

ยังคงละเมิดการหยุดยิงไม่เลิก แถมกล่าวหาไทยว่าล่วงละเมิดเสียเอง เป็นที่น่าหัวร่อ

ที่น่าสังเกตก็คือ”ทรัมป์”ได้นำเรื่องการตกลงหยุดยิงไปประกาศต่อในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติให้โลกเข้าใจผิดๆ ว่าได้ช่วยทำให้เกิดสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาได้แล้ว นอกเหนือไปจากทำให้หยุดการสู้รบระหว่างชาติต่างๆ ที่ขัดแย้งกันอีกหลายประเทศ

ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ว่าที่พูดไปอย่างนั้น เพื่อต้องการให้ตัวเองได้รับความน่าเชื่อถือ เผื่อว่าจะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้ แต่กลับไม่ได้รับจนแล้วจนรอด

เพราะรางวัลนี้เขาไม่ได้มีไว้ให้”คนขี้โม้”

ในที่สุดก็มีข่าวว่า”ทรัมป์”จะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัวลาลัมเปอร์ในปลายเดือนนี้(๒๖ ตค.๖๘)เพื่อเป็นสักขีพยานการลงนามการตกลงสันติภาพอย่างเป็นทางการระหว่างไทยกับกัมพูชา

ทั้งนี้จากการยืนยันของรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย”โมฮาหมัด ฮาซัน”ซึ่งให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอัลญะซีราเมื่อ ๑๔ ตค.๖๘

ก็แปลกๆ นะครับที่”อัลญะซีรา”บอกว่าเป็น”ข้อตกลงสันติภาพ”ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่น่าจะใช่

หรือว่ารัฐมนตรี”ฮาซัน”พูดจากำกวมไม่ชัดเจน ก็เลยเหมาว่าเป็นข้อตกลงสันติภาพ นี่ก็ต้องฟังหูไว้หูนะครับ

หาก”ทรัมป์”มาจริงตามข่าว นั่นก็คือเขากำลังพยายามทำคะแนนสะสมไว้สำหรับปีหน้า เพื่อชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอีก เพราะปีนี้พลาดเสียตำแหน่งให้กับ”มาเรีย คอรินา มาชาโด” นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยแห่งเวเนซูเอลาไปแล้ว

งานนี้นายกรัฐมนตรี”อนุทิน ชาญวีรกูล”น่าจะสะดุ้ง เพราะมิได้การเตรียมการอะไรพร้อมที่จะลงนามสันติภาพที่มาเลเซียกับผู้นำกัมพูชา(ฮุน มาเนต)ให้เห็นในตอนนี้เลยหรือกำลังหารือกันในรัฐบาลว่าจะเอายังไงดี ในภาวะ”หน้าสิ่วหน้าขวาน” ซึ่งก็คือการเผชิญหน้ากับกัมพูชา ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาอีกเมื่อไรอีกจากการก่อกวน

โดยเฉพาะจากเหตุการณ์สุ่มเสี่ยงที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเขม็งเกลียวมากขึ้นทุกขณะ จวนเจียนจะเกิดการปะทะระหว่างมวลชนของทั้งฝ่ายด้วยกันแล้ว

ในขณะที่ในอีกทางหนึ่งอันเป็นเรื่องที่ ๒ นั้น นายกรัฐมนตรี”อนุทิน”ยังคงยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะเร่งทำลายล้างศูนย์สแกมเมอร์ออนไลน์ที่พรมแดนไทย-กัมพูชาและเร่งเจรจาขอความร่วมมือกับกัมพูชาอยู่

ก็คงจะต้องการแสดงความใส่ใจในเรื่องนี้ให้ปรากฏเพราะสหรัฐเอง(โดยส.ส.เจฟเฟอร์สัน เชร็ฟ สังกัดรีพับลิกันแห่งรัฐอินเดียนา)กำลังเร่งรัดออกกฎหมายหมายส่งกองกำลังเข้ามาในกัมพูชาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่ทำให้ชาวอเมริกันถูกหลอกลวงสูญเสียเงินไปถึง ๑๖.๖ พันล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา

แต่กลับไม่เห็นว่า”รัฐบาลอนุทิน”จะทำอะไรให้ชัดๆว่าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาแล้ว แถมยังอิหลักอิเหลื่อ ไม่กล้าที่จะกำหนดท่าทีหรือดำเนินการอะไรที่ชัดเจน เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

ในขณะที่ทางเกาหลีใต้ตัดหน้าจัดส่งรัฐมนตรีต่างประเทศพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังกัมพูชา เพื่อช่วยทำลายแหล่งสแกมเมอร์ เข้าช่วยชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกมาทำงาน

แถมประกาศว่าพร้อมจะส่งทหารเข้ามาช่วยด้วยหากจำเป็น จากกรณีที่ชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและถูกทรมาณจนตายในศูนย์สแกมเมอร์ต่างๆ

ท้ายที่สุด เกาหลีใต้ประกาศคำเตือนมิให้คนของตนเดินทางมากัมพูชาเป็นที่เด็ดขาดแล้ว เพราะอันตรายมาก

นี้เป็นพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันกับกรณีที่จีนส่งส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงในประเทศไทย โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไทยในการสืบสวน ค้นหา และช่วยเหลือเหยื่อ รวมถึงการส่งตัวผู้กระทำผิดกลับไปดำเนินคดีที่จีน การดำเนินการนี้เกิดขึ้นหลังมีเหยื่อชาวจีนถูกหลอกให้เดินทางมาที่ไทยก่อนถูกบังคับให้ไปทำงานในแก๊งหลอกลวงตามชายแดนเมียนมา

ถามว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันก้อนที่”ทรัมป์”จะเดินทางมากัวลาลัมเปอร์เพื่อเป็นประจักษ์พยานการลงนามสันติภาพ”ไทย-กัมพูชา”นั้น ไทยเตรียมพร้อมไว้แล้วอย่างไร จะเอออห่อหมกหรือว่าจะปฏิเสธไม่เอาด้วย เพราะความไม่พร้อม

พิเคราะห์แล้ว ค่อนข้างจะแน่ชัดว่า ข่าวที่ออกมา ไม่ว่าจะจากมาเลเซีย(ซึ่งก็หิวแสงอยากจะได้หน้าและผลประโยชน์จากกัมพูชา)และจากทำเนียบขาว

นั่นก็คือการสร้างข่าวเพื่อบีบคั้นไทย ให้กล้ำกลืนหาทางทำให้เกิดสันติภาพกับกัมพูชาให้ได้ทั้ง ๆ ที่ไทยไม่พร้อม

ถามว่ารัฐบาล”อนุทิน”จะทำอย่างไรในเรื่องที่ท้าทาย ในเวลาอันฉุกละหุกเช่นนี้

ในขณะที่รัฐบาล”สองฮุนพ่อลูก”นั้นเขาพร้อมที่จะใช้”ทรัมป์”มาบีบไทยให้อยู่ในสภาพที่จะต้องจำยอมให้กับกัมพูชา แทบจะในทุกๆ ประการอยู่แล้ว

ณ วันนี้ นายกรัฐมนตรี”อนุทิน”โปรดตอบออกมาดังๆ ให้ชัดเจนด้วยครับว่าจะเอาอย่างไรดี