นิทานในประวัติศาสตรและพงษาวดารจีน: พบกันใต้ดิน(黄泉相见)
นิทานในประวัติศาสตรและพงศาวดารจีน: พบกันใต้ดิน(黄泉相见)
โดย รศ.ดร สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย
นิทานในประวัติศาสตร์และพงศาวดารจีน: พบกันใต้ธรณี(黄泉相见) ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วในช่วงเวลาที่ทหารเผ่าหยงรุกเข้ามายังเมืองเฮ่าจิง(镐京) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โจว เผาทำลายเมืองเฮ่าจิง จนทำให้ต้องย้ายเมืองหลวงจากเมืองเฮ่าจิงเป็นลั่วหยาง(洛阳) และทำให้เปลี่ยนยุคของประวัติศาสตร์จากโจวตะวันตก(西周)ไปเป็นโจวตะวันออก(东周)นั้น เวลานั้น เจิ้งป๋ออิ่ว(郑伯友) ขุนนางจากรัฐเจิ้ง(郑) เป็นแม่ทัพคุมทหารอยู่ที่เฮ่าจิง ทหารของเขาไม่สามารถต้านทานการรุกรานจากเผ่าหยงได้ ตัวเขาเองถูกฆ่าตายในสนามรบ เมื่อลูกชายทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อ จึงรีบนำทหารจากรัฐเจิ้ง เข้ามาสมทบกับทหารจากรัฐอื่น ร่วมกันต่อสู้ขับไล่ทหารของชนเผ่าหยง จนได้ชัยชนะ และทหารเผ่าหยงล่าถอยออกเมืองจากเฮ่าจิง แต่เฮ่าจิงก็ได้ถูกทำลายยับเยินจนไม่สามารถบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาได้ กษัตริย์ใหม่ของราชวงศ์โจวจึงย้ายเมืองหลวงไปที่ลั่วหยาง กษัตริย์องค์ใหม่ได้ระลึกถึงคุณความดีของเจิ้งป๋ออิ่ว เพื่อตอบแทนความจงรักภักดีของเขา จึงปูนบำเหน็จความดีความชอบให้ขยายพื้นที่ครอบครองของรัฐเจิ้งให้มากขึ้น และแต่งตั้งให้ลูกชายของเจิ้งป๋ออิ่ว ให้เป็นเจิ้งอู่กง(郑武公) เป็นผู้ครองรัฐเจิ้ง ต่อจากเจิ้งป๋ออิ่ว เจิ้งอู่กงมี ลูกชายสองคน คนโตชื่อเจิ้งอู้เซิง(郑寤生) คนเล็กชื่อเจิ้งต้วน(郑段) เกิดแต่ นางอู่เจียง(武姜) ภรรยาของอู่กง ทั้งคู่ นางอู่เจียงมีความลำเอียง รักเจิ้งต้วนลูกชายคนเล็ก ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาดี และเกลียดลูกชายคนโตที่นางคลอดในเวลาหลับ(อู้เซิง寤生มีความหมายว่า เกิดตอนถูกปลุกให้ตื่น) และอยากให้ต้วนวนขึ้นครองรัฐเจิ้งสืบต่อจากบิดา นางกล่าวชื่นชมต้วน และตำหนิอู้เซิงต่อหน้าเจิ้งอู่กงผู้เป็นบิดาอยู่เนืองๆ ขอให้อู่กงแต่งตั้งต้วนเป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ครองรัฐแทนเขา แต่อู่กงไม่ยอมทำตาม กล่าวว่า ต้องยึดตามประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมา ที่ลูกชายคนโตเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ครองรัฐต่อจากพ่อ อีกทั้งอู้เซิงก็ไม่เคยทำความผิด หรือมีความเสื่อมเสียใดๆ ที่ทำให้ไม่เหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา ต่อมาเมื่อเจิ้งอู่กงเสียชีวิต อู้เซิงจึงได้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองรัฐเจิ้ง มีตำแหน่งเป็นเจิ้งจวงกง(郑庄公) เขาได้แต่งตั้งให้น้องชายเป็นผู้ครองเมืองก้ง(共城) แต่นางอู่เจียงผู้เป็นแม่ไม่พอใจ บอกกับเจิ้งจวงกงว่า เจ้าเป็นผู้ครองรัฐที่มีพื้นที่กว้างขวาง ทำไมจึงแต่งตั้งให้น้องไปปกครองเพียงเมืองเล็กๆ น่าจะให้น้องไปครองเมืองจื้อ(制邑) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมากกว่า เจิ้งจวงกงอธิบายให้นางอู่เจียงผู้เป็นแม่ฟังว่า เจิ้งอู่กงผู้เป็นพ่อเคยบอกไว้ว่า จื้อเป็นเมืองที่มีความสำคัญ ผู้ครองรัฐต้องดูแลเอง ไม่ควรมอบหมายให้ผู้อื่นครอบครอง แต่เพื่อเอาใจมารดาเขาได้เสนอต่อนางอู่เจียงว่า นอกจากเมืองจื้อแล้ว จะให้แต่งตั้งน้องไปอยู่ที่ไหนก็ได้ นางอู่เจียงจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ต้วนเป็นผู้ครองเมืองสิงหยาง(滎阳) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเจิ้งร่วมกับเจ้าก็แล้วกัน ถ้ายังไม่ได้อีก ก็จะให้ต้วนอพยพไปอยู่รัฐอื่น เจิ้งจวงกงจึงต้องจำยอมแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของสิงหยางให้เจิ้งต้วนน้องชายปกครอง เมื่อต้วนได้ครอบครองพื้นที่เมืองสิงหยางแล้ว ก็จัดตั้งกองกำลังของตนเอง และเข้าไปยึดครองเมืองเล็กๆที่อยู่รอบๆ มาอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เมื่อเหล่าข้าราชการนำเรื่องนี้มาฟ้องเจิ้งจวงกง เขากลับบอกว่า ต้วนเป็นลูกชายคนโปรดของแม่ ยังไม่ได้ทำผิดอะไรมาก ปล่อยเขาไปเถิด แต่แม้กระนั้นก็ตาม จวงกงก็มีความระแวงว่า สักวันหนึ่ง ต้วนอาจขึ้นมาก่อการกบฎ แย่งตำแหน่งผู้ครองรัฐจากตน เขาจึงไม่ยอมเดินทางไปรับราชการที่ลั่วหยาง เมืองหลวงราชวงศ์โจวตะวันออก แม้จะได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์ก็ตาม ส่วนต้วนก็เร่งฝึกทหารและสะสมไพร่พลมากขึ้นเรื่อยๆ เจิ้งจวงกงจึงไปปรึกษาคุณชายหลวี่(吕公子)ซึ่งเป็นคนสนิทว่า ควรทำอย่างไรดี หลวี่ออกอุบาย ให้เจิ้งจวงกงทำทีว่าจะเดินทางไปรับราชการที่เมืองหลวง แต่เมื่อออกจากเมืองสิงหยางแล้ว อย่าเพิ่งรีบไป ให้รีรออยู่ก่อนเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของต้วนว่าจะทำอย่างไรเมื่อเขาไม่อยู่ ถ้าต้วนก่อกบฎ ก็ให้รีบกลับมาปราบปรามทันที ฝ่ายคุณชายหลวี่จะเตรียมกองกำลังไว้ที่นอกเมืองสิงหยาง หากต้ววนก่อการกบถ ก็จะบุกเข้ามาต่อสู้ทันที ระหว่างที่คุณชายหลวี่นำกำลังพลซ่อนตัวอยู่นอกเมืองสิงหยาง เขาได้ดักจับทหารนายหนึ่งที่นำจดหมายจากนางอู่เจียงที่ส่งมาให้ต้วน ในจดหมายบอกให้ต้วนใช้โอกาสที่เจิ้งจวงกงออกเดินทางไปลั่วหยาง เข้ายึดเมืองสิงหยาง แล้วสถาปนาตัวเองเป็นผู้ครองรัฐแทน ต้วนซึ่งได้เตรียมการ พร้อมที่จะเข้ายึดอำนาจอยู่แล้ว เมื่อทราบข่าวผู้ส่งจดหมายจากมารดาถูกจับ ก็รีบเคลื่อนทัพหวังเข้ายึดเมืองสิงหยาง แต่กองทัพของเขาถูกสกัดโดยกองทัพของคุณชายหลวี่ ทหารของเจิ้งจวงกง ก็รีบตามมาสมทบ ส่วนทหารของฝ่ายต้วนเมื่อรู้ว่ากำลังของพวกเขาจะเข้าโจมตีเมืองสิงหยางเพื่อก่อการกบฏ จึงหนีทัพ เพราะทหารส่วนใหญ่ไม่ต้องการเป็นกบฏ กองกำลังของต้วนจึงพ่ายแพ้ และถอยไปหลบที่เมืองก้ง(共城) ซึ่งเป็นเขตปกครองเดิมของต้วน กองกำลังของเจิ้งจวงกงและคุณชายหลวี่ ได้ติดตามไล่โจมตี จนกองกำลังของต้วนพ่ายแพ้ยับเยิน ในที่สุด ต้วนฆ่าตัวตาย เมื่อเจิ้งอู่กงเข้าเมืองก้ง และรู้ว่าน้องชายเสียชีวิต ได้แกล้งทำเป็นเสียใจ และกล่าวว่า น้องรัก ทำไมต้องทำแบบนี้ เจ้าแม้จะทำเรื่องไม่ถูก ข้าก็พร้อมที่จะอภัยให้ แต่เมื่อคุณชายหลวี่นำจดหมายที่นางอู่เจียงเขียนถึงต้วนให้ดู ก็รู้สึกโกรธแค้นมารดามาก จึงสั่งให้ส่งนางอู่จียงไปประทับที่เมืองอิ่ง(颖地) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และลั่นวาจาว่า ชาตินี้เขาจะไม่พบหน้ามารดาอีก ไว้ค่อยไปพบกันใต้ดินก็แล้วกัน เจิ้งอู่กงเมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ เพราะความกตัญญูต่อพ่อแม่นั้น เป็นคุณธรรมที่สำคัญสำหรับคนจีน แต่เมื่อลั่นวาจาไปแล้ว จะคืนคำก็รู้สึกเสียหน้า จึงมีความลำบากใจและไม่สบายใจมาก
ส่วนนางอู่จียง ผู้เป็นมารดา ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็จำต้องย้ายไปอยู่เมืองอิ่ง ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่ล้าหลังมาก
อิ่งเข่าสู(颖考叔)เจ้าเมืองอิ่ง รู้สึกสงสารนางอู่เจียง จึงหาโอกาสเข้าพบเจิ้งจวงกง แล้วถวายนกเซียว((鴞)ที่ปรุงสุกแล้ว ซึ่งมีรสอร่อย และเป็นนกที่หายากมาก เมื่อมาถึงเมืองสิงหยาง เจิ้งจวงกงจัดงานเลี้ยงอิ่งเข่าสู ระหว่างงานเลี้ยง อิ่งเข่าสูบอกว่า อาหารมื้อนี้อร่อยมาก แม่เขาอยู่เมืองเล็กๆ ไม่มีโอกาสกิน จึงขออนุญาตเอาอาหารส่วนหนึ่งกลับบ้านให้แม่กิน เจิ้งจวงกงได้ยินคำขอของอิ่งเข่าสู รู้สึกตื้นตันใจ จึงกล่าวว่า เจ้าเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ยังรู้จักรักและเคารพแม่ ข้าเป็นถึงผู้ครองรัฐ กลับพบหน้าแม่ไม่ได้ เพราะได้ลั่นวาจาไว้ว่า จะเห็นหน้าแม่ได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ใต้ดิน
อิ่งเข่าสู ได้ยินก็รู้ว่า เจิ้งจวงกงก็คิดถึงแม่เช่นกัน จึงแนะนำเจิ้งจวงกงว่า เรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก ถ้าขุดใต้ดินลงไป สร้างบ้านอยู่ในนั้น แล้วเชิญนางอู่เจียงมาอาศัยอยู่ในบ้านนี้ จวงกงก็จะพบนางที่ใต้ดินได้โดยไม่ผิดสัญญา เจิ้งจวงกงจึงรีบทำตามคำแนะนำของอิ่งเข่าสู สั่งให้ทหารขุดดินและสร้างบ้านที่ใต้ดิน แล้วเชิญมารดาเข้ามาอยู่บ้านใต้ดินที่เมืองสิงหยาง เมื่ออู่เจียงกลับมาเมืองสิงหยางแล้ว จวงกงก็พาบริวารเข้าไปบ้านใต้ดินเพื่อพบแม่ เมื่อได้เห็นหน้าแม่ เจิ้งจวงกงก็คุกเข่าลง ขอให้แม่ให้อภัยในความอกตัญญูของตน แล้วพาแม่กลับมาเลี้ยงดูที่เมืองสิงหยางตั้งแต่นั้นมา
กลอนภาษาจีนบทหนึ่งกล่าวว่า “ในโลกนี้ไม่มีพ่อแม่ที่ผิด ความสัมพันธ์ของพี่น้องเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง”(天下无不是的父母 世上最难得者兄弟(姐妹))) ในนิทานเรื่องนี้ อู่เจียงเป็นแม่ที่ลำเอียง รักลูกคนเล็ก มากกว่า ทั้งยังยุยงให้ลูกคนเล็กก่อกบฏยึดอำนาจจากพี่ชาย ต้วนผู้เป็นน้องก็ไม่รู้จักเจียมตัว ได้ครอบครองเมืองสิงหยางร่วมกับพี่แล้ว ก็ยังไม่รู้จักพอ ในที่สุด ต้องจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เจิ้งจวงกงก็เป็นคนที่มีอุบายลํ้าลึก ปล่อยให้น้องทำผิดโดยไม่ตักเตือน เมื่อน้องก่อการกบฎ มีความผิดมากขึ้น จึงส่งทหารเข้าปราบปราม คำกลอนที่กล่าวว่า ในโลกนี้ไม่มีพ่อแม่ที่ทำความผิด และพี่น้องจะรักกัน จึงไม่เป็นจริงเสมอไป แต่คำกลอนนี้ก็เตือนว่า คนเราต้องระลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ ให้อภัยในความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่ท่านทำไป การเป็นพี่น้องและความปรองกองกันเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ควรแก่การรักษาไว้