มาริสสา เมเยอร์ และแมรี่ บาร์ร่า ตัวอย่างคลาสสิคของหน้าผาแก้ว

มาริสสา เมเยอร์ และแมรี่ บาร์ร่า ตัวอย่างคลาสสิคของหน้าผาแก้ว
เมื่อ ค.ศ 2003 ไทม์ ภายในลอนดอนได้พิมพ์บทความที่เปรียบเปรยเหตุผลทำไมบริษัทหลายบริษัทบริหารไม่ดี เพราะว่ามีผู้หญิงเป็นผู้นำ มิแชล ไรอัน พร้อมด้วยเพื่อนร่วมงาน คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ อเล็กซาน
เดอร์ ฮาสแลม ได้ขยายคำอุปมาของเพดานแก้วออกไป พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบข้อยืนยัน การวิจัยของพวกเขาพิมพ์เมื่อ ค.ศ 2005 พบว่ามันไม่ได้เป็นที่ผู้หญิงเป็นผู้นำไม่ดี แต่พวกเธอได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้นำเมื่อบริษัทกำลังล้มเหลว หน้าผาแก้ว ได้ถูกสร้างเป็นถ้อยคำขึ้นมา
ถ้าผู้หญิงถูกแต่งตั้งภายในเวลาที่วิกฤติ มันไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่สามารถที่จะนำ
แต่การนำภายในเวลาของวิกฤติยากมากและล่อแหลมมากกว่าการนำเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งใหญ่
หน้าผาแก้วตามมาจากเพดานแก้ว เราสามารถป้องกันการสร้างหน้าผาแก้วได้อย่างไร การวิจัยเสรอแนะว่าผู้หญิงที่ฝ่าอุปสรรคเพดานแก้ว และได้รับเก้าอี้ของผู้บริหารระดับสูง มักจะถูกจัดเตรียมที่จะล้มเหลว ปรากฏการณ์ที่เรียกว่าหน้าผาแก้ว
บริษัทเหล่านี้เป็นเรือที่กำลังจมอยู่แล้ว และพวกเขานำผู้หญิงเข้ามาที่จะช่วยชีวิตธุรกิจ หรือเพียงแต่ตำหนิต่อความน่าจะเป็นและบางครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความล้มเหลวของธุรกิจ
ไรอัน และฮาสแรม หวังว่าการวิจัยของพวกเขาได้ถูกใช้โดยการบริหารองค์การ เพื่อที่กลยุทธ์ของการเพิ่มเพศภายในสถานที่ทำงานได้ถูกดำเนินการและประเมินอย่างยุติธรรม ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนมองหน้าผาแก้วเป็นลบ
พวกเธอกล่าวว่า ชอบโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเธอเองภายในงานที่ยาก พวกเธอบางคนรู้สึกว่าการเลื่อนตำแหน่งค่อนข้างจะจงใจและอุบาย พวกเธอถูกก้าวไป
เป็นแพะรับบาปที่รับเอาความล้มเหลว ไรอัน ได้กล่าวว่า แต่นั่นไม่ได้เป็นเรื่องราวทั้งหมด ผู้หญิงคนอื่นกล่าวว่า การวางพวกเธอลงตำแหน่งที่ยาก เพราะว่าพวกเธอสามารถบริหารได้ดี และผู้หญิงคนอื่นยังคงกล่าวว่าพวกเธอแสวงหางาน บ่อยครั้งตำแหน่งสูงที่หามาได้เท่านั้น เพราะว่าถ้าพวกเธอบรรลุความสำเร็จ รางวัลจะยิ่งใหญ่่ ถ้าบุคคลบางคนต้องเป็นแพะรับบาปที่จะรับความล้มเหลว เราจะไม่วางผู้ชายที่ดีที่สุดของเราขัางหน้า ผู้หญิงจะเป็นแรงขับเคลื่อนภายในสถานการณ์ที่ล่อแหลม เพราะว่าพวกเธอน่าจะล้มเหลว การสร้างข้อพิสูจน์ว่าผู้หญิงไม่สามารถรับมือความรับฺผิดชอบได้ หน้าผาแก้วเสริมแรงเพดานแก้ว แม้ว่าผู้หญิงทะลุเพดานแก้วได้ พวกเธอบ่อยครั้งกว่าผู้ชายถูกไล่ออกจากความเป็นผู้นำ ผู้หญิงที่ถูกแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอาวุโส ณ บริษัทที่ดิ้นรน ถูกว่าจ้่างเป็นแพะรับบาปไม่ใช่การฟื้นฟู
อะไรก็ตามที่เราคิดถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ มีถนนที่ขรุขะมากข้างหน้า ถ้าฮิลลารี คลินตัน ได้กลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกา เธอจะเข้าร่วม
กับเทเรซา เมย์ ณ จุดสูงสุดของแก้วที่สุดของ “เพดานแก้ว” ถ้อยคำที่อธิบายความโน้มเอียงต่อผู้หญิงทีถูกพอใจมากกว่าผู้ชายต่องานที่ล่อแหลม
ตัวอย่างภาพลักษณ์ที่สูงคนหนึ่งของหน้าผาแก้ว คือ คาร์ลี่ ฟิโอริน่า ที่ต่อมาได้เข้าชิงประธานาธิบดีภายในการเลือกตั้ง ค.ศ 2016 ภายหลังจากเธอถูกขับออกจากซีอีโอ ณ ฮิวแลตต์ เเพคการ์ด
คาร์ลี่ ฟีโอรีนาได้ถูกแต่งตั้งเป็นซีอีโอ ณ เอชพี ซีอีโอเพศหญิงคนแรกภายในฟอรจูน 500 ยี่สิบลำดับสูงสุด เธอเป็นผู้นำเชิงปฏิรูปที่จะนำบริษัทไปสู่ทิศทางใหม่ภายการตกต่ำของบริษัท เธอได้ช่วยให้ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น 6.5% จนกระทั่งการระเบิดฟองสบู่ดอทคอม ภายหลังเธอทำการตัดสินใจที่โต้เถียงกันปลดบุคคล 30,000 คน และการรวมและการซื้อคอมแพค คอมพิวเตอร์
เธอได้กลายเป็นเกี่ยวพันภายในการต่อสู้กับกรรมการบริษัท วอลเตอร์
ฮิวเลตต์ ในที่สุดเธอได้ถูกขอให้ลาออกเมื่อ ค.ศ 2005 ภายหลังหกปีกับเอชพี เมื่อคณะกรรมการบริษัทได้ตัดสินใจเธอไม่เหมาะสมต่อความเป็นผู้นำที่เป็นอยู่ของเธอ
เมื่อสะท้อนออกมา คณะกรรมการบริษัทฮิวเลตต์ แพคการ์ด ยอมรับว่าการรวมบริษัทของเธอเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เธอได้ทำลายลำดับชั้นความเป็นผู้นำตรงที่ผู้หญิงไม่ได้ยึดครองตำแหน่งมาก่อน ด้วยการพิจารณาคุณลักษณะทางบุคลิกภาพและทักษะงานของคาร์ลี่ ฟิโอรีน่า ความสำเร็จของเธอเป็นผู้นำธุรกิจที่ทำให้เพดานแก้วแตกกระจาย
ที่จริงแล้วนี่อาจจะเป็นการก้าวไปกล้าหาญที่สุดต่อเอชพี นับตั้งแต่วิลเลียม
ฮิวเลตต์ และเดวิด แพคการ์ด ได้เริ่มต้นบริษัทภายในโรงเก็บรถยนต์พาโล อัลโต 60 ปีที่ผ่านมา การสร้างรากฐานต่อสิ่งที่กลายเป็นซิลิคอน แวลลี่ย์
มันน่าสนใจด้วยที่จะมองคาร์ลี่ ฟิโอรีนาได้ถูกยอมรับโดยผู้บริหารอาสุโสคนอื่น ณ เอชพี อย่าไร – ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เธอยืนยันว่าเธอได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเฉพาะน่าประทับใจ เพราะว่าผู้บริหารอาสุโสเอชพีมากกว่าหนึ่งคน ได้ทะเยอทะยานต่อตำแหน่งซีอีโอ
เมื่อคาร์ลี ฟิโอรีนากลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะนำบริษัทฟอร์จูน 20 นักข่าวได้ถามเธอได้ทำลายเพดานแก้วใช่ไหม คาร์ลี่ ฟีโอรีนา เพิกเฉย ฉันหว้งว่าเราอยู่ ณ จุดที่บุคคลทุกคนได้คิดออกว่าเราไม่มีเพดานแก้ว เธอกล่าว เพศของฉันน่าสนใจ แต่ไม่ได้เป็นหัวข้อของเรื่องราวตรงนี้


ผู้บุกเบิกและผู้นำอินเตอร์เน็ตดีที่สุดรายแรก ยาฮูกำลังต่อสู้ภายในโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภายหลังการออกไปของซีอีโอสามคน
ของช่วงเวลาสั้นสี่ปี ซีฮีโอคนใหม่ไดัถูกต้องการที่จะนำบริษัทไปสู่อนาคต เมื่อ
ค.ศ 2012 มาริสสา เมเยอร์ ถูกแต่งตั้งเป็นซีอีโอของยาฮู เธอยังคงเป็นซีอีโอเพศหญิงไม่กี่คน ณ บริษัทเทคที่สำคัญ มาริสสา เมเยอร์ ได้ประโคมข่าวเป็น
ผู้ทำลายเพดานแก้วคนหนึ่งเมื่อเธอกลายเป็นซีอีโอยาฮู
ความหวังจะสูง เมื่อมาริสสา เมเยอร์ ได้ถูกว่าจ้างเป็นซีอีโอของยาฮู บุคคลคิดว่าเธอสามารถฟิ้นฟูยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตที่ตกต่ำตลอดปีได้ ห้าปีต่อมา และเวลาของมาริสสา เมเยอร์ ณ ยาฮู ถูกทำลายลงด้วยการเจริญเติบโตที่ช้าและความขัดแย้งภายใน
การนำไปสู่การตกต่ำของขวัญกำลังใจของบุคคล และเรียกร้องการลาออกของเธอ ภายในการประกาศการซื้อยาฮูของเวอไรซอน มาริสสา เมเยอร์ ได้กล่าวว่า ต่อฉันโดยส่วนบุคคลแล้ว ฉันวางแผนที่จะคงอยู่ ฉันรักยาฮู และฉันเชื่อมั่นเราทุกคน มันสำคัญต่อฉันที่จะมองยาฮูภายในบทต่อไป แต่กระนั้น
มาร์นิ วอลเด็น รองประธานของเวอไรซอนที่ควบคุมข้อตกลง ได้บอกว่าความเป็นผู้นำยังไม่ถูกตัดสินใจ ดังนั้้นมาริสสา เมเยอร์ ได้ลาออกจากบริษัททันทีที่การขายแก่เวอไรซอนได้จบลง และออกไปด้วยเงินชดเชย 23 ล้านเหรียญ อำลาแก่มาริสสา เมเยอร์ ผู้หญิงที่พยายามแต่ล้มเหลวที่จะฟื้นฟูเรือที่จมของยาฮู
ยาฮูได้ตกต่ำอยู่แล้ว และไม่ชัดเจนพวกเขาต้องการฟื้นฟูธุรกิจอย่างไร ซีอีโอจำนวนหนึ่งได้ทำลายชื่อเสียงของพวกเขาพยายามช่วยชีวิตยาฮูก่อนหน้า
มาริสสา เมเยอร์ มาแล้ว
ภายในการคู่ขนานระหว่างการกลับมาสู่เเอปเปิ้ลของสตีฟ จ้อป และการยึดครองยาฮูของมาริสสา เมเยอร์ ตามบทความของนิวยอรค ไทม์ What Happened When Marrisa Mayer Tried to be Steve Jobs ของนิโคลาส คาร์ลสัน มาริสสา เมเยอร์ อายุ 39 ปี ได้ถูกว่าจ้างที่จะช่วยฟื้นฟูยาฮูจากโชคชะตาที่เจ็บปวด แต
เธอเชื่อมั่นมันสามารถกลายเป็นบริษัทเทคบนสุดอีกครั้งหนึ่งที่เจริญเติบโตสูงและเเข่งขันด้วยความสามารถสูงสุด และภายในสองปี มาริสสา เมเยอร์
ที่พยายามเปรียบเทียบตัวเธอเองกับสตีฟ จ้อป ไม่ได้ละทิ้งการฟื้นฟูของเธอ
แม้ว่ารายได้ของยาฮูได้ลดลง มาริสสาได้ยืนยันว่าเธอมีึความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ภายในจุดแข็งของธุรกิจของเรา กลยุทธ์ของเธอจะคล้ายกับสตีฟ จ้อป
เมื่อยาฮู ได้ว่าจ้างผู้บริหารกูเกิ้ลดาวรุ่ง มาริสสา เมเยอร์ เป็นซีอีโอ บุคคลของยาฮูดีอกดีใจอย่างมาก
เธอจากกูเกิ้ล อายุ 37 ปีเท่านั้น ทำให้เธอเป็นผู้หญิงวัยสาวที่สุด
ที่จะนำบริษัทฟอร์จูน 500 ความคาดหวังสูงมาก ภายในหนังสือ Marissa Mayer and the Flight to Save Yahoo ของนิโคลาส คาร์ลสัน ได้กล่าวถึง ตั้งแต่วันแรกเมื่อเธอมาถึงบริษัท บุคคลของยาฮูได้ติดโปสเตอร์บนกำแพงทั่วทั้งสำนักงานใหญ่แคลิฟอร์เนียของยาฮู
บนโพสเตอร์เป็นใบหน้าของมาริสสา เมเยอร์และถ้อยคำว่า “ความหวัง” แต่หนึ่งปีต่อมามาริสสา เมเยอร์ นั่งอยู่กับบุคคลเดียวกันเหล่านี้ภายในร้านอาหารที่ใหญ่โตของวิทยาเขตยาฮู มาริสสา เมเยอร์ อ่านและตอบลำดับของคำถามของบุคคล คำถามที่ท้าทายองค์ประกอบพื้นฐานของแผนของเธอ ความโกรธได้เกิดขึ้นภายในห้อง
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวภายในของยาฮูที่มีสภาพน่ากลัวตอนแรกอย่างไร
การพุ่งขึ้นไปของมาริสสาที่โต้เถียงกัน ณ กูเกิ้ล และการต่อสู้ที่สิ้นหวังของเธอที่จะช่วยชีวิตไอคอนอินเตอร์เน็ต บุคคลได้ทุ่มความหวังของพวกเขาแก่เธอ เพื่อการฟื้นฟูบริษัทอินเตอร์เน็ตที่เจ็บป่วยและล้าสมัย แต่กระนั้นตรงนี้บน
วิทายาเขตภายในซิลิคอน แวลลี่ย์ เธอเชื่องช้าและเข้าใจยาก และเริ่มต้นที่จะมองราวกับเธอผิดหวังพวกเขา
เพื่อที่จะเข้าใจปัจจุบัน นิโคลาส คาร์ลสัน ได้สืบค้นประวัติของยาฮูย้อนหลังไปวันที่เมื่อความมุ่งหมายที่สำคัญของพวกเขาคือ การทำให้เว็บเริ่มแรกง่ายที่จะนำทาง เขาได้แสดงความซับซ้อนขององค์การของยาฮูเกิดขึ้นจากการรีบเร่งตามให้ทันกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเริ่มแรก นิโคลาส คาร์ลสัน ได้อธิบายยาฮูได้พลาดข้อเสนอยิ่งใหญ่ที่สุดบางอย่างอย่างไร การปฏิเสธการนำเสนอที่จะซื้อ
กูเกิ้ล 6 พันล้านเหรียญ บทเรียนต่อของมาริสสา เมเยอร์ คือ วิกฤติเอกลักษณ์ของยาฮู – มันเป็นบริษัทสื่อหรือบริษัทเทคโนโลยี – มีรากฐานที่ลึก
เมื่อ ค.ศ 2007 แอปเปิ้ลซีอีโอ สตีฟ จ้อป ได้ไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของยาฮู และกระตุ้นบุคคลที่จะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายว่ายาฮูต้องการเป็นบริษัทสื่อหรือบริษัทเทคโนโลยี วิกฤติเอกลักษณ์ของยาฮู ได้เป็นอยู่ต่อไปหลายปีนับตั้งแต่ที่สตีฟ จ้อป ได้มาเยี่ยม
เมื่อ ค.ศ 2016 22 ปีภายหลังมันได้เริ่มต้นเป็นงานอดิเรกของนักศึกษาปริญญาโทสแตนฟอร์ด เจอร์รี่ หยาง และ เดวิด ฟิโล ยาฮู ได้ตกลงที่จะขายธุรกิจแกนของพวกเขาแก่เวอไรซอนที่นักเขียนของฟอร์บ เบรน โซโลมอน เรียกว่า ข้อตกลง 5 พันล้านเหรียญที่แสนเศร้าที่สุดภายในประวัติของเทค แต่ไม่กี่คนวันนี้
จำได้ว่ามันได้เริ่มต้นอย่างรุ่งโรจน์อย่างไร ก่อนกูเกิ้ลหรือเฟชบุค ยาฮูเป็นเจ้าแห่งอินเตอร์เน็ต บุคคลบางคนที่จำได้คือ เจอเรมี่ ริง ผู้บริหารยอดขายสูงสุด ณ ยาฮู ตั้งแต่ ค.ศ 1996 ถึง 2001 บันทึกความทรงจำที่พิมพ์ไม่นานมานี้ของเขา We Were Yahoo ได้กล่าวถึงการลุกขึ้นอย่างไม่น่าเป็นได้และการตกลงอย่างลาดชัน
ครั้งหนึ่งของบริษัทอินเตอร์เนตใหญ่ที่สุดภายในโลก ด้วยมูลค่า 125 พันล้านเหรียญ ณ จุดสูงสุด
เจอเรมี่ ริง ได้กล่าว่า บริษัทของเราอายุห้าปี เรามีมูลค้ามากกว่าฟอร์ด
ไครสเล่อร์ และจีเอ็มรวมกัน เรามีมูลค่ามากกว่าดิสนีย์ เวียคอม และนิวส์ คอรป รวมกัน แต่ละบริษัทอเมริกันที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้สามารถูกกลืนโดยเรา
มาริสสา เมเยอร์ อายุ 37 ปี วัยสาวที่สุดคนหนึ่งของผู้หญิงไม่กี่คนที่นำบริษัทฟอร์จูน 500 และน่าจะเป็นบุคคลเดียวเท่านั้นที่ตั้งท้องห้าเดือน ณ เวลาการแต่งตั้งของเธอ ก่อนการเป็น
ซีอีโอ ณ ยาฮู มาริสสา เมเยอร์ ได้เข้าร่วมกับกูเกิลเมื่อ ค.ศ 1999 เป็นวิศวกรเพศหญิงคนแรกของบริษัท ภายหลังการแต่งตั้งเป็นซีอีโอคนใหม่ของผู้หญิงตั้งท้อง บุคคลหลายคน ณ ยาฮู โดยเฉพาะผู้หญิงคิดว่าในที่สุดเรามีบุคคลบางคนที่เข้าใจ
มันหมายถึงอะไรที่จะเป็นแม่และทำงานในเวลาเดียวกัน เมื่อ ค.ศ 2013
มาริสสา เมเยอร์ ได้ทำให้บุคคลต้องประหลาดใจ ด้วยการประกาศว่าเราไม่มีทางเลือกทำงานที่ไหนก็ได้ต่อไปอีกแล้ว ณ ยาฮู เพื่อที่จะกลายเป็นสถานที่ทำงานดีที่สุด
การสื่อสารและความร่วมมือร่วมใจจะสำคัญ ดังนั้นเราต้องการทำงานเคียงข้างกัน นั่นคือทำไมมันสำคัญที่เราทุกคนอยู่ภายในสำนักงานของเรา การตัดสินใจที่ดีที่สุดและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาจากการอภิปรายบนระเบียง
และร้านอาหาร การเจอบุคคลใหม่ และการประชุมทันที ความรวดเร็วและคุณภาพมักจะเสียสละไป เมื่อเราทำงานที่บ้าน เราต้องมียาฮูหนึ่งเดียว
ย้อนกลับไปสู่ยุคหินหรือ มาริสสา เมเยอร์ ได้ห้ามการทำงานที่บ้าน บันทึกของบริษัทที่รั่วออกมาสู่หนังสือพิมพ์ประกาศว่าบุคคลของยาฮูไม่ถูกอนุญาติทำงานที่บ้านต่อไปอีกแล้ว การตัดสินใจดูเหมือนว่าอยู่บนรากฐานความต้องการเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและวัฒนธรรมบริษัทที่เชื่อมโยงมากขึ้น บุคคลทำงานที่บ้านหลายร้อยคนได้ถูกขอที่จะรายงานต่อสำนักงาน ถ้าพวกเขาไม่สามารถหรือไม่ต้องการควรจะลาออก แม้แต่ความยืดหยุ่นเป็นครั้งคราวได้ถูกห้าม ต่อส่วนที่เหลืออยู่ของเราที่อยู่บ้านเป็นครั้งคราวเป็นพ่อหนุ่มเคเบิ้ล โปรดใช้ดุลยพินิจที่ดีที่สุดของเราภายในจิตวิญญานของความร่วมมือร่วมใจ
การเป็นยาฮูไม่เพียงแค่เกี่ยวกับงานวันต่อวัน มันเกี่ยกับการเกี่ยวพันระหว่างกันและประสบการณ์ที่เป็นไปได้เท่านั้นภายในสำนักงานของเรา
ยาฮูมีบุคคลจำนวนมากทำงานที่บ้านและไม่เคยมาสำนักงาน ข่าวลือบุคคลบางคนของพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพ พวกเขาไม่มีความสุขกับคำสั่งใหม่นี้ บุคคลบางคนเรียกว่ามันเป็นการปลดออกแบบลอบทำ การตอบสนองจากชุมชนน่าสนใจ บุคคลบางคนเรียกมาริสา เมเยอร์ เเป็นผู้สนับสนุนที่ไม่ดีต่อผู้หญิงและครอบครัว
ในไม่ช้าภายหลังจากที่ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตยาฮูระงับความเป็นอิสระของบุคคลทำงานจากที่บ้าน บริษัทอินเดียค่อยแสดงความห่วงใยจนถึงบัดนี้เกี่ยวกับการสูญเสียประสิทธิภาพเหมือนเช่นความคล่องตัวทำให้เกิดขึ้น
“เวลาที่ยืดหยุ่นเป็นแนวคิดยูโทเปียที่ไม่ได้ช่วยเหลือใครเลย” เค รามคูมาร์ กรรมการบริหารของธนาคารไอซีไอซีไอ พูด
“อะไรก็ตามไม่เป็นธรรมชาติต่อตลาดและการค้าจะใช้ไม่ได้ ลูกค้าคือพระเจ้า
บริษัทอินเดียส่วนใหญ่ยกย่องการทำงานที่บ้านเป็นการปฏิบัติที่ดีที่สุดของการดึงดูดและรักษาบุคคลที่สามารถ ยากที่ใครก็ตามแสดงความห่วงใยของการสูญเสียประสิทธิภาพจากการปฏิบัตินี้ทำให้เกิดขึ้น”
การปฏิบัติงาน และชีวิต และสถานที่ทำงาน ได้ถูกประชดเป็นการนำเธอไปสู่การมองเห็นของประเทศยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอภายในสื่อทางสังคม เธอได้ถูกรู้จักกันอย่างกว้างขวางต่อการเลือกที่ผิดธรรมดาที่เธอทำตรงไหน และบุคคลของยาฮูและพ่อแม่ทำงานดำรงชีวิตของพวกเขาอย่างไร โดยสรุประหว่างสามปีของเธอเป็นซีอีโอ
บริษัทหนึ่งที่หน้าผาแก้วชัดเจนมากน่าจะเป็นยาฮู มาริสสา เมเยอร์ ก่อนหน้านี้เธอทำงานอยู่ที่กูเกิ้ล เข้าร่วมยาฮูเมื่อ ค.ศ 2012 ภายในการประมูลที่จะฟื้นฟูบริษัทไอคอน แต่กระนั้นทันทีจากการเข้าร่วม มาริสสา เมเยอร์ได้เผชิญความเป็นศัตรูจากผู้บริหาร นักวิเคราะห์คนหนึ่งไปไกลถึงการส่งการนำเสนอ 99 หน้าต่อคณะกรรมการบริษัทยาฮูต่อทำไมบริษัทควรจะปลดมาริสซา เมเยอร์จากซีอีโอ และนี่เป็นวันภายหลังจากเธอให้กำเนิดลูกฝาแฝด แต่กระนั้นหุ้นของยาฮูได้ตกลง 33% ระหว่างการดำรงตำแหน่งของเธอ
เมื่อยาฮู ได้แต่งตั้งมาริสสา เมเยอร์ เป็นซีอีโอคนใหม่ นักวิจารณ์หลายคน
ได้กล่าวว่ามันเป็นจุดพลิกผันภายในความก้าวหน้าของผู้หญิง ด้วยการแต่งตั้งของเธอ ยาฮูดูเหมือนว่าทำลายกฏทุกอย่าง มาริสสา เมเยอร์ เป็นวัยสาว เพศหญิง และตั้งท้อง สิ่งเดียวเท่านั้น การเเต่งตั้งมาริสสา เมเยอร์ ได้กระตุ้นการโต้เถียงไม่เคยจบสิ้น
เกี่ยวกับเธอควรจะเป็นผู้พลิกเกมหรือไม่ มาริสสา เมเยอร์ ได้เริ่มต้นตำแหน่งของเธอ
ด้วยการสะกิดแม่ทุกที่มองความสมดุลงานและชีวิตเพียงเล็กน้อย เมื่อเธอใช้การลาคลอดสองสัปดาห์เท่านั้น และจากนั้นห้ามสื่อสารโทรคมนาคม มาริสสา
เมเยอร์ ยอมรับว่าความสำเร็จของเธอเกิดขึ้นจากการทำงาน 130 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การ
กลับมาของเธอที่สำนักงานภายหลังใช้การลาคลอดสองเดือนเท่านั้น เธอได้รับการยกย่องต่อความสามารถของแม่คนใหม่ที่จะจัดการงานและชีวิตครอบครัวอย่างรวดเร็ว แต่มาริสสา เมเยอร์ เป็นเป้าหมายต่อการวิจารณ์เกี่ยวกับการ
กลับมาอย่างรวดเร็วของเธอหมายถึงอะไรต่อแม่ทำงานคนอื่น
มาริสสา เมเยอร์ กล่าวว่า เธอเป็นข้อยกเว้นไม่ใช่กฏ ซีอีโอยาฮูและแม่ลูกสามคน ได้ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการใช้วันลาคลอดที่เพียงพอ เมื่อมาริสสา เมเยอร์ มีลูกชายคนแรกของเธอเมื่อ ค.ศ 2012 เธอใช้วันลาคลอดเพียงแค่สองสัปดาห์ก่อนกลับมาทำงาน การก้าวไปที่ถูกพิจารณาอย่างหนัก เมื่อปลาย ค.ศ 2015 เธอให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝด และอีกครั้งหนึ่งมาริสสา เมเยอร์ ได้ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากการพูดว่าเธอกลับมาทำงานอย่างรวดเร็ว เธอกลับมาทำงานภายในไม่ถึงเดือน
ซีอีโอของยาฮู มาริสสา เมเยอร์ ถูกให้ทรงตัวบนริมของหน้าผาแก้ว และเรามี 100 ล้านเหียญภายในมันเพื่อเธอ ถ้าเธอสามารถป้องกันจากการหล่นลงมาจากขอบ เมื่อมาริสซา เมเยอร์ ยืนอยูบนหน้าผาแก้ว เงินจำนวนมากได้รออยู่บนแนวด้วย ถ้าเธอสามารถทำให้ยาฮูบรรลุเป้าหมายการเงิน เธอจะได้กวาดเงิน 100 ล้านเหรียญตลอดห้าปีหน้า สัญญาของเธอต้องการให้เธอได้ 5.4 ล้านเหรียญจากยาฮูเมื่อ ค.ศ 2012 และประมาณ 20 ล้านเหรีญหนึ่งปีภายหลังจากนั้น เงินบางจำนวนถูกผูกติดกับเป้าหมายการปฏิบัติงานกำหนดโดยคณะกรรมการบริษัท
เนื่องจากตำแหน่งของเธอบนหน้าผาแก้วล่อแหลมมาก มันยืนหยัดต่อเหตุผลว่า
เธอควระมีโอกาสต่อการได้รางวัลที่ร่ำรวย ถ้าเธอสามารถป้องกันจากการหล่นลงมาได้


บุคคลหลายคนวิจารณ์ยืนยันว่ามาริสสา เมเยอร์ เป็นเหยื่อของหน้าผาแก้ว ภายหลังกลายเป็นซีิีอีโอคนที่หกของยาฮูภายในช่วงเวลาห้าปี เธอได้รับมรดกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานตกต่ำ และเผชิญแรงกดดันอย่างมากที่จะต้องฟื้นฟูบริษัท ภายหลังจากที่มาริสซา เมเยอร์ ล้มเหลวที่จะฟื้นฟูและทำให้ยาฮูต่อสู้
กูเกิ้ลและเฟซบุคได้ เธอได้ลาออกไปจากยาฮู และข้อวิจารณ์มองมันเป็นการสะท้อนความพยายามของเธอ ไม่ใช่สภาพแวดล้อมของเธอ ถ้อยคำ หน้าผาแก้ว ได้ถูกสร้างที่จะอธิบายสถานการณ์การแต่งตั้งมาริสซา เมเยอร์ ของยาฮู นับตั้งแต่การเข้าร่วมยาฮูเมื่อ ค.ศ 2012 เมเยอร์ได้ถูกวิจารณ์ทั้งส่วนบุคคล – ต่อบุคลิกภาพและการเลี้ยงดูบุตรของเธอ และวิชาชีพ – สไตล์การบริหารของเธอ แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญการบริหารได้บอกวอลล์ สตรีท เจอรนัลด์ ว่า เรามีหลักฐานที่ซีอีโอผู้หญิงจะถูกวิจารณ์รุนแรงกว่าผู้ชาย บุคคลหลายคนได้กล่าวว่าผู้หญิงน่าจะถูกว่าจ้างภายในตำแหน่งความเป็นผู้นำระหว่างช่วงเวลาของความยุงยาก การวางพวกเธอบนริมของหน้าผาแก้ว และจัดเตรียมพวกเธอต่อการวิจารณ์และความล้มเหลว

เจ็นเนอรัล มอเตอร์ หลุพ้นจากการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลและการ
ล้มละลาย เป็นบริษัทรถยนต์บริหารดีที่สุดของโลกทศวรรษต่อมาอย่างไร
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนหล่นจากหน้าผาแก้ว ตัวอย่างคลาสสิคคือ แมรี บาร์รา ของจีเอ็ม ถ้าอนาคตคือผู้หญิง ดังที่คำขวัญกล่าว อนาคตได้มาถึง ณ
เจ็นเนอรัล มอเตอร์ แมรี บาร์รา เป็นซีอีโอผู้หญิงคนแรกของจีเอ็มเมื่อ ค.ศ 2014 เธอเป็นซีอีโอผู้หญิงคนแรกของลำดับฟอร์จูน 500 และมีเงินเดือน
21.9 ล้านเหรียญ ซีอีโอรายได้สูงสุดลำดับสามภายในโลก และเธอเป็นซีอีโอ
ผู้หญิงคนแรกของผู้ผลิตรถยนต์โลกที่สำคัญ เมื่อแมรี บาร์รา ได้ถูกแต่งตั้งเป็นซีอีโอของจีเอ็ม อุตสาหกรรมกำลังฟื้นคืนจากเวลาที่ท้าทาย คณะกรรมการบริษัทจีเอ็มได้เลือกแมรี บาร์รา ไม่ใชมองหาบุคคลอื่นภายนอกบริษัท เพราะว่าเธอมีความสามรถสูง และได้เลื่อนตำแหน่งของบริษัทตลอดหลายปี ณ เวลานั้น
มันดูเหมือนว่าแมรี บาร์รากำลังเผชิญหน้าผาแก้ว แสดงนัยว่าผู้หญิงมักจะถูกเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งสูงสุดเมื่อเรามีวิกฤติ และความน่าจะเป็นของความล้มเหลวสูง จากนั้นพวกเธอจะถูกตำหนิเมื่อความพยายามของพวกเธอไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิผล แมรี บาร์ราได้รับเอาความท้าทายไว้ ค้นหาข้อแก้ปัญหา และหลบเลี่ยงหน้าผาแก้วได้สำเร็จ ความรู้อย่างกว้างขวางของการดำเนินงานของจีเอ็มของเธอ และความสามารถของเธอที่จะเกี่ยวพันกับบุคคลอย่างดี ได้ช่วยเธอเอาบริษัทออกจากวิกฤติได้ การเอาชนะความท้าทายได้ทำให้เธอได้รับความเคารพอย่างมากจากจีเอ็ม
เจ็นเนอรัล มอเตอร์ ของแมรี บาร์รา เป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดของ ” ผู้ยิ่งใหญ่สามราย” แห่งดีทรอยต์ พร้อมกับฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเล่อร์ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 1908
ตราสินค้าที่สำคัญมีทั้งเชฟโรเลต บลูอิค จีเอ็มซี และคาดิลแลค และผลิตรถยนต์ภายในสิบปรเทศ ตั้งแต่ ค.ศ 1931 ถึง 2007 จีเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดภายในโลก ณ เวลาหนึ่ง พวกเขาผลิตรถยนต์มากกว่า 60% ของรถยนต์ของอเมริกา
รถยนต์เพื่อทุกกระเป๋าและทุกความมุ่งหมาย มันเป็นวลีที่เรียบง่าย แต่มันช่วยให้อัลเฟรด สโลน ประธาน ของจีเอ็ม นำหน้าฟอร์ดเมื่อ ค.ศ 1972 กลายเป็นผู้ผลิตรถยนตใหญ่ที่สุดของโลก ไม่กี่บริษัทที่ระบุแนวคิด “ยิ่งใหญ่ยิ่งดี” ได้ดี มันได้ถูกประยุกต์ใช้กับจีเอ็มที่เจริญเติบโตอย่างต่องเนื่องเท่านั้น แต่กับกลยุทธ์ธุรกิจของจีเอ็มด้วย การเจริญเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก คู่แข่งขัน เช่น
โตโยต้าสามารถฝันเท่านั้นที่จะไล่ทัน จนกระทั่งจีเอ็มได้สะดุดลงภายในการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่และถูกบังคับให้ยกเลิกสี่ตราสินค้าอเมริกันของพวกเขาแลกเปลี่ยนกับการขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล
จีเอ็มที่ผอมลงปรากฏขึ้นจากการคุ้มครองของกฏหมายล้มละลาย ได้ใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะภายใต้แมรี บาร์รา นับตั้งแต่กลายเป็นผู้สืบทอดของอัลเฟรด สโลนเป็นซีซีโอเมื่อ ค.ศ 2014 แมรี บาร์รา ได้ใช้วลีที่แตกต่างอย่างมาก “ยิ่งเล็กยิ่งสวยงาม” – หรือทำกำไร อย่างน้อยที่สุด
แมรี บาร์รา ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างการดำเนินงานอเมริกาเหนือของ
จีเอ็มขนานใหญ่ การปิดโรงงานห้าโรงในขณะที่ยกเลิกหกโมเดลรถยนต์โดยสารที่ขายช้า แผนงานได้กำจัดกำลังงานของจีเอ็มประมาณ 15,000 งานด้วย แมรี บาร์รา ได้กล่าวว่า เราได้รับรู้ความต้องการที่จะอยู่ข้างหน้าของสภาวะของตลาดและความพอใจของลูกค้าที่จะวางตำแหน่งของบริษัทของเราเพื่อความสำเร็จในระยะยาว การฟื้นฟูน่าประทับใจ เมื่อจีเอ็มได้ทำกำไรสูงและ
เธอยืนกรานที่จีเอ็มยังคงสามารถเจริญเติบโต แต่ภายในวิถีทางที่แตกต่างจากอดีต ผ่านทางธุรกิจใหม่คือ เธอได้ลงทุนหลายพันล้านเหรียญภายในรถไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ
แมรี บาร์รา กำลังผลักดีนจีเอ็มด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งภายในเกือบทุกส่วนของธุรกิจอเมริกัน และการดำเนินงานทั่วโลก การวางตำแหน่งของบริษัทที่จะยืดหยุ่น ว่องไว และคล่องตัวมากขึ้น แมรี บาร์รา เป็นผู้พลิกเกม
ตั้งแต่เริ่มต้น ซีอีโอผู้หญิงคนแรก ไม่เพียง ณ เจ็นเนอรัล มอเตอร์ เท่านั้น แต่ ณ ผู้ผลิตรถยนต์ที่สำคัญรายใดก็ตามด้วย บุคคลบางคนสงสัยว่าเธอจะ
นำทางไปสู่วิถีทางที่แตกต่างจากบรรพบุรุษเหมือนเช่นอัลเฟรด สโลนหรือไม่ คำตอบคือเธอทำ เธอได้เจริญเติบโตภายในครอบครัวของเจ็นเนอรัล มอเตอร์ แม้แต่เข้าศึกษาที่สถาบันเจ็นเนอรัล มอเตอร์ เก่าแก่ – ในขณะนี้รู้จักกันเป็น
มหาวิทยาลัยเคตเตอรริ่ง – เป็นนักศึกษาฝึกงานภายในโรงงาน เธอยังคงจงรักดีต่อจีเอ็มภายหลังจบการศึกษา เธอเริ่มต้นทำงานกับจีเอ็มเมื่ออายุ 18 ปี ภายหลัง 28 ปีของการทำงานหนักและการทุ่มเทแก่บริษัทเ เธอได้ถูกแต่งตั้งเป็นรองประธานของวิศวกรรมการผลิตเมื่อ ค.ศ 2009 การลุกขึ้นไปไกลเพียงพอที่จะเป็นเป้าสายตาของซีอีโอ แดน เอเกอร์สัน หนึ่งของซีอีโอภายนอกสองคน
ที่บริหารจีเอ็มภายหลังการล้มละลาย เขาได้เสนอชื่อเธอเป็นผู้สืบทอด เมื่อเขาได้เกษียณห้าปีที่แล้ว การตัดสินใจนี้ได้รับการนับถืออย่างอบอุ่นจากผู้หญิง
ที่มีชื่อเสียงที่ได้ลุกขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุดของบริษัท รวมทั้งสตรีหมายเลขหนึ่งก่อนหน้านี้ ฮิลลารี คลินตัน
แมรี่ บาร์ราไมใช้เวลานานที่จะแสดงว่าเธอไม่เดินตามเส้นทางธุรกิจเหมือนอย่างเคยที่ใช้โดยซีอีโอจีเอ็มที่ผ่านมา ต่อสิ่งหนึ่ง เธอไม่ไม่ยอมที่จะไล่ล่าปริมาณ การยอมยกมงกุฏขายโลกที่โฟลคสวาเก้น เรโนลท์-นิสัน และโตโยต้ากำลังต่อสู้อยู่ เธอไม่เพียงแต่เต็มใจที่จะยอมรับการเล็กลง ทว่ากำไรมากขึ้น เท่านั้น แต่จับคู่กับคู่แข่งขันก่อนภายในการประมูลที่จะวางตำแหน่งบริษัท
เพื่อโลกการขนส่งที่แตกต่างกันมาก มันเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงภัย แต่แมรี บาร์ราน่าจะทิ้งรอยตราประทับบนจีเอ็มไม่เหมิอนซีอีโอคนอื่นนับตั้งแต่สโลน นานหลายปีวลีภายในธุรกิจรถยนตที่ใช้ทุนมากคือ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี แต่ภายในเกือบเจ็ดปีของการบริหารจีเอ็ม แมรีิ บาร์ราได้พบความสำเร็จกับกลยุทธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ การหดตัวบริษัทลง
เมื่อเธอยึดครองตำแหน่งสูงสุดตามมาจากการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลแก่บริษัทที่ตกต่ำ การตรวจสอบของสื่ออย่างเข้มข้น โอกาสของความสำเร็จของเธอจะต่ำ ทำนองเดียวกับแคร์ลี ฟีโอรีนาของเอชพี และบุคคลอื่นหลายคน เธอได้กลายเป็นซีอีโอผู้หญิงของบริษัทยิ่งใหญ่พร้อมกับมาริสสา
เมเยอร์ ของยาฮู เมก วิทแมน ของฮิวเลตต์ แพคการ์ด เออร์ซูล เบิรนส์ ของ
ซีรอกซ์ และอินดรา นูยี ของเป้ปซี่โค
เมื่อ ค.ศ 2014 ภายหลังที่แมรี มาร์รา ได้เป็นซีอีโอ จีเอ็มได้เผชิญกับการพัวพันภายในความอื้อฉาวของสวิทซ์ไฟหน้าปัทม์ที่บกพร่องภายในรถยนต์
ทำให้มีผู้เสียชีวิต 124 คน และบาดเจ็บ 275 คน แมรี บาร์รา ได้เริ่มต้นเรียกรถยนต์คืนมากกว่า 30 ล้านคันปีนั้น และว่าจ้างอัยการก่อนหน้านี้ที่จะตรวจสอบ เขาได้ค้นพบว่าการขาดความสามารถเป็นสาเหตุที่สำคัญของวิกฤติ
และมันเป็นรากฐานภายในวัฒนธรรมแบบราชการที่เป็นพิษและความกลัวการสื่อสาร
เกือบทศวรรษที่แล้ว โตโยต้า มอเตอร์ ได้ปลดเจ็นเนอรัล มอเตอร์ ออกจากตำแหน่ง ในฐานะเป็นบริษัทรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลก การปล่อยให้ผู้บริหาร
จีเอ็มบางคนต้องกังวล แมรี บาร์รา ไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา เมื่อเธอเป็นซีอีโอ ต้น ค.ศ 2014 เธอได้สืบทอดบริษัทที่ใหญ่โตและผู้บริหารที่อุ้ยอ้าย บางครั้งไม่รู้เลยว่าส่วนไหนของธุรกิจทำเงินหรือสูญเสียเงิน
เจ็นเนอรัล มอเตอร์ กำลังเล็กลง แต่ทำกำไรมากขึ้น จีเอ็มได้เปลี่ยนแปลงจากยิ่งใหญ่ยิ่งดีไปเป็นยิ่งเล็กยิ่งดีกว่า
จีเอ็ม ได้เปิดเผยรุ่นใหม่ปรับปรุงของเชฟโรเลต บอลท์ ที่มีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์แก้สสมัยเดิม มันเป็นการเปิดตัวของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเรียกว่กเชฟโลเล็ต วอลท์ ด้วย “นี่เป็นผู้พลิกเกมอย่างแท้จริง” แมรี บาร์รา ได้กล่าว ณ การเปิดผ้าบอลท์ แมรี บาร์รา ได้เปิดเผยแนวคิดของรถไฟฟ้า 300,000 เหรียญของจีเอ็ม บริษัทได้แสดงแนวคิดเชฟวี บอลท์ อีวี ณ นอร์ธ อเมริกัน อินเตอร์แนชั่นแนล ออโต้ โชว์ 2015 ภายในดีทรอยต์ มันเป็นรถไฟฟ้า ระยะทาง 200 ไมล์


เจ็นเนอรัล มอเตอร์ ก่อตั้งโดยวิลเลียม ดูแรนท์ ณ ฟลินท์ มิชิแกน เมื่อ ค.ศ 1908 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ บริษัทผลิตและขายรถยนต์หลายตราสินค้ามาก ตั้งแต่บิวอิค คาดิลแลค และเชฟโรเล็ต
ยุคที่เจ็นเนอรัล มอเตอร์ ได้เจริญเติบโตจนกลายเป็นบริษัทยิ่งใหญ่บริษัทหนึ่งของโลกได้อยู่ภายใต้ความเป็นผูันำของอัลเฟรด สโลน เขาเป็นซีอีโอของบริษัทตั้งแต่ ค.ศ 1920-1950 และเป็นผู้สร้างระบบราชการของบริษัท หรือระบบเจ็นเนอรัล มอเตอร์ ขึ้นมาตราบเท่าจนทุกว้นนี้ ณ จีเอ็ม เขาเป็นที่รู้จักกันว่า ” สโลนที่นิ่งเงียบ” เพราะว่าเขาชอบบริหารธุรกิจจากเบื้องหลังฉาก การบริหารแบบเดินโดยรอบ ไม่ใช่สไตล์การบริหารของเขาเลย
ความทรงจำของอัลเฟรด สโลน ได้ถูกถ่ายทอดเป็นหนังสือชื่อ “My Years with General Motors” ผู้เขียนคือ อัลเฟรด สโลน เป็นหนังสือการบริหารคลาสสิคที่นิยมแพร่หลายเล่มหนึ่งของโลก ที่ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของอัลเฟรด สโลน จากการเป็นผู้บริหารมือาชีพ การออกแบบโครงสร้างบริษัทอย่างรอบคอบของจีเอ็ม อัลเฟรด สโลน ได้ถูกยกย่องว่าเป็นต้นฉบับของซีอีโอ และนักคิดทางองค์การยิ่งใหญ่ที่สุด ณ ศตวรรษที่ 20
เจ็นเนอรัล มอเตอร์ ได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่เป็นระบบราชการมากเกินไปภายในการตัดสินใจ และไม่สามารถตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพจากการคุกคามทางสภาพแวดล้อมได้ การบริหารโดยคณะกรรมการทำให้บริษัทตอบสนองต่อโอกาสและอุปสรรคทางสภาพแวดล้อมได้ช้า บริษัทมีโครงสร้างสูงเกินไป ระดับการบริหารสิบสี่ระดับ เมื่อเปรียบเทียบกับโตโยต้า มอเตอร์
คู่แข่งขันรายสำคัญ มีห้าระดับการบริหารเท่านั้น สายงานสนับสนุนของบริษัทมีจำนวนมาก การตัดสินใจล่าช้าและยุงยาก ผลตามมาคือ จีเอ็มต้องใช้เวลาห้าถึงหกปีนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ในขณะที่โตโยต้า มอเตอร์ ใช้เวลาสามปีเท่านั้น และได้กลายเป็นข้อเสียเปรียบทางการแข่งขันไป
หนังสือการบริหารเริ่มแรกเล่มหนึ่งที่ได้สร้างความยิ่งใหญ่ ณ เวลานั้น คือ My Years With General Motor ของ อัลเฟรด สโลน บุคคลที่บริหาร
เจ็นเนอรัล มอเตอร์ 14 ปีในฐานะของซีอีโอ และ 19 ปี ในฐานะของประธานบริษัท หนังสือเล่มนี้ได้ถูกพิมพ์เมื่อ ค.ศ 1964 ปีเดียวกับที่วงดนตรีเดอะบีตเติ้ล I want to Hold Your Hands ติดลำดับ 1 ของท็อป ชาร์ต และจีเอ็มมียอดขาย 16.4 พันล้านเหียญ ติดลำดับสูงสุดของวารสารฟอร์จูน 500 หนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือขายดีที่สุดทันที และได้ถูกใช้เป็นคู่มิอของผู้บริหาร การนำเสนอการปฏิบัติของวิชาการบริหารของอัลเฟรด สโลน เรื่องราวที่ไม่มีนักธุรกิจคนอื่นบอกเล่าได้เลย การบอกเล่าครึ่งศตวรรษของประสบการณ์ความเป็นผู้นำที่ใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ และการมองภายใน ณ เหตุการณ์ที่น่าทึ่ง และการบริหารธุรกิจที่สร้างสรรค์
์หนังสือทางธุรกิจไม่กี่เล่มเท่านั้นที่ได้บรรลุฐานะความเป็นคลาสสิค การยืนหยัดต่อการทดสอบยาวนานห้าสิบปี และได้ถูกใช้เป็นตำราต้นแบบของการศึกษาการบริหารสมัยใหม่
นักธุรกิจจำนวนมากได้อ่านหนังสือเล่มนี้เป็นไบเบิ้ลและพิมพ์เขียวไม่ใช่ชีวประวัติ บุคคลที่คิดว่าพวกเขาได้ค้นพบคำตอบสำเร็จรูปต่อปัญหาทางการบริหารของพวกเขาเองอาจจะพบว่าการเลียนแบบเจ็นเนอรัล มอเตอร์ จะไม่ง่ายเลย ความลับที่แท้จริงของความสำเร็จของจีเอ็ม ไม่ใช่เพียงแต่เทคนิคทางองค์การและการเงินของอัลเฟรด สโลนเท่านั้น แต่เป็นวิถีทางของการพัฒนาความสามารถทางการบริหารที่มีลักษณะเฉพาะอย่างด้วย
บิลล์ เกตส์ ได้ชื่นชมกับวารสารฟอร์จูนว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือดีที่สุดที่จะอ่าน ถ้าเราต้องการหนังสือทางธุรกิจเพียงเล่มเดียวเท่านั้น ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ว่า หนังสือการบริหารดีที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่เคยมีมา
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







