INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ออร์ริจินอลส์ : กลยุทธ์ม้าโทรจัน

ออร์ริจินอลส์ : กลยุทธ์ม้าโทรจัน

หนังสือ Originals ของอดัม แกรนต์ ได้เริ่มต้นด้วยหัวข้อของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ และตัวอย่างของวอร์บี พาร์คเกอร์ บริษัทแว่นตามีชื่อเสียงที่ถูกก่อตั้งโดยเพื่อนสี่คน พวกเขาได้เริ่มต้นแก้ปัญหาธรรมดาที่พวกเขาเผชิญอยู่ พวกเขายังคงมุ่งมั่นภายในการแสวงหาของพวกเขา ทั้งที่การคัดค้านอย่างเข้มแข็งต่อความคิดของพวกเขา และบุุคคลส่วนใหญ่ได้ห้ามปรามพวกเขา เมื่อ ค.ศ 2015 บริษัทนี้ไม่เพียงแต่อยู่ภายในลำดับของบริษัทที่สร้างสรรค์มากที่สุดเท่านั้น แต่ติดลำดับสูงสุดด้วย
ผู้เขียนได้ให้คำนิยามของพจนานุกรมของถ้อยคำ “ออริจินอลส์” เป็นคำนาม ออริจินอลส์เป็นสิ่งของหรือบุคคล บุคคลที่แตกต่างจากบุคคลอื่นภายในวิถีทางที่ดึงดูดหรือน่าสนใจ บุคคลที่ริเริ่มอย่างสดใสหรือความสามารถคิดค้น
อดัม แกรนต์ ได้กล่าวถึงการทำลายอย่างสรรค์ : ธุรกิจเสี่ยงภัยที่สวนกระแส
เขาได้พูดเกี่ยวกับอะไรที่เขาคิดว่าสร้างบุคคลเป็นออริจินอลส์ บุคคลเต็มใจที่จะท้าทายบรรทัดฐานตามแบบแผน และผลักดันเพื่อความสำเร็จของความคิดของพวกเขา อดัม แกรนต์ เชื่อว่าบุคคลสามารถเป็นออริจินอลส์ภายในสาขา
อะไรก็ตามที่พวกเขาเต็มใจคิดอย่างสรรค์ ไม่เพียงแค่สาขาความคิดสร้างสรรค์สมัยเดิม การทำลายอย่างสร้างสรรค์ได้อธิบายว่าความเป็นต้นกำเนิดเริ่มต้นด้วยข้อสงสัยต่อฐานะเดิม และโต้แย้งว่าการจัดการความเสี่ยงภัยเป็นจุดสำคัญที่จะดำเนินตามความคิดต้นกำเนิด
การทำลายอย่างสร้างสรรค์ ได้เริ่มต้นด้วยการแนะนำที่อดัม แกรนต์ ได้เล่าเรื่องราวของนักศึกษามหาวิทยาลัยสี่คนที่ได้เริ่มต้นลบล้างราคาการซื้อแว่นตา สตาร์ทอัพแว่นตาออนไลน์ที่ต่อสู้กับลูซอตติคา บริษัทแว่นตาใหญ่ที่สุดควบคุม 80% ของตลาด ช่วงเวลาวูฌา เด ของพวกเขา เป็นสิ่งที่นำความคิดต้นกำเนิดของพวกเขา
ดังที่นักเศรษฐศาสตร์ โจเซฟ ชุมปีเตอร์ ได้สังเกตุอย่างมีชื่อเสียง ความเป็นต้นกำเนิดเป็นการกระทำของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ การสนับสนุนระบบใหม่มักจะต้องการการทำลายระบบเก่าของการกระทำอะไรก็ตาม และเราต้องยับยั้งความกลัวของการเขย่าเรือ
โจเซฟ ชุมปีเตอร์ นักเศรษศาสตร์ ได้สร้างถ้อยคำที่ดูเหมือนข้ดแย้งกันคือ การทำลายอย่างสร้างสรรค์ ภายในหนังสือของเขาชื่อ Capitalism, Socialism, and Democracy 1942 เขาได้มองการเป็นผู้ประกอบการเป็น
กระบวนการอย่างหนึ่งของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ได้ถูกทำลายไป และทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนั้นการเป็นผู้ประกอบการจะมุ่งการค้นพบและการแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่มีกำไร การเป็นผู้ประกอบการเป็นกลไกที่สำคัญ เพื่อที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง บริษัทที่กระตุ้นการเป็นผู้ประกอบการต้องยอมรับความเสี่ยงภัย ผูกพันกับนวัตกรรม และใช้การกระทำเชิงรุก ไม่ใช่การรอคอยโอกาสที่สร้างโดยบริษัทอื่น
เรามักจะรับรู้ความสำเร็จของการเป็นผู้ประกอบการ แต่ความล้มเหลวจะเป็นส่วนสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการด้วย ภายใต้ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
ผู้ประกอบการได้เรียนรู้บทเรียนบางอย่างที่อาจจะนำไปสู่การสร้างธุรกิจที่บรรลุความสำเร็จในที่สุด โนแลนด์ บุชเนลล์ ผู้ก่อตั้งอตาริ วีดีโอเกม ได้ล้มเหลวภายในธุรกิจหลายอย่าง แต่เขาได้มุ่งมั่นและเรียนรู้ความผิดพลาดของเขาเอง การเริ่มต้นธุรกิจของริชาร์ด แบรนด์สัน ผู้ก่อตั้งเวอร์จิน กรุ็ป มีทั้งธุรกิจที่ล้มเหลวด้วย เช่น ธุรกิจนิตยสาร เวอร์จิ้น กรุ็ป เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่มากของอังกฤษ ไม่แพ้กลุ่มธุรกิจใหญ่มากของญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ กร็ุป หรือกลุ่มธุรกิจใหญ่มากของเกาหลี เช่น ซัมซุง กรุ็ป ธุรกิจของเวอร์จิ้น กรุ็ป มีตั้งแต่ดนตรี วิทยุ โรงแรม สายการบิน การค้าปลีก อินเตอร์เน็ต หนังสือ ธนาคาร ไปจนถึง การดูแลสุขภาพ ธุรกิจทุกอย่างของบริษัท ได้ใชัชื่อตราสินค้าอย่างเดียวกันคือ “เวอร์จิ้น”

นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างกำเนิดด้วยความคิด แต่เราอาจจะไม่ต้องการไปกับความคิดแรก พยามกับความคิดที่ 25 แทน นี่คือการค้นพบอย่างหนึ่งภายใน Original : How Non-Conformist Move the World หนังสือเล่มใหม่โดยอดัม แกรนต์
บุคคลต้นกำเนิด เป็นผู้ไม่ทำตามฝูงชนที่ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงภายในโลก และพวกเขามักจะผัดวันประกันพรุ่ง และนั่นแสดงว่าพวกเขาบ่มเพาะความคิดอย่างไร พวกเขารู้สึกและสงสัยอย่างเดียวกับที่เรามี
พวกเขาเพียงแค่จัดการมันแตกต่างกัน พวกเขาไม่ชอบความเสี่ยงภัย และพวกเขามีความคิดไม่ดีมากมาย และนั่นคือพวกเขาได้ความคิดที่ดีอย่างหนึ่งอย่างไร นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างกำเนิดด้วยความคิด แต่เราไม่น่าจะต้องการไปกับความคิดแรกของเรา พยายามความคิดที่ยี่สิบห้าของเราแทน
ระหว่างการสัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี อดัม แกรนต์ ได้กล่าวว่า การวิจัยของเขาแสดงว่าตรงกันข้ามความเชื่อที่นิยมแพร่หลาย “ออริจินอลส์” ไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลที่บ้า – เหมือนเช่นบิลล์ เกตส์ ด้วยชื่อเสียงจากการออกจากมหาวิทยาลัยที่จะเริ่มต้นไมโครซอฟท์ พร้อมที่จะเลิกทุกสิ่งทุกอย่างพยายามกับความคิด เราไม่ต้องเป็นหมุดสี่เหลี่ยมภายในรูกลม ที่จริงแล้วออรินอลส์หลายคนเกลียดการเสี่ยงภัย ถ้าเราดูที่ข้อมูล ผู้ประกอบการที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงภัยพูดว่า คุณรู้หรือไม่ที่ผมรักษางานประจำวันของผมไว้ก่อนที่จะเข้าไปทั้งหมด คือ 33% น่าจะล้มเหลวน้อย อดัม แกนต์ ได้ชี้ไปที่ฟิล ไนท์ ซีอีโอของไนกี้ เขาได้ใช้หลายปีเป็นนักบัญชี และขายรองเท้าจากกระโปงรถยนต์ของเขา ถ้าเขาเข้าไปทั้งหมดทันที เขาควรจะรู้สึกกดกันอย่างมากที่จะพูดว่า ผมต้องนำผลิตภัณฑ์นี้ออกสู่ตลาด เขาสามารถทดสอบรองเท้ากีฬานี้ และสร้างบริษัทที่ผิดธรรมดาแทน
มันเป็นวิถีทางระมัดระวังอย่างเดียวกันที่ผู้ก่อตั้งวอร์บี พาร์คเกอร์ ใช้เมื่อเริ่มต้นธุรกิจของพวกเขา ภารกิจของพวกเขาคือ การลบล้างอุตสาหกรรมแว่นตาโดยการนำแว่นตาแฟชั่นราคาไม่แพงขายออนไลน์ นืล บลูเมนธอล ผู้ก่อตั้งคนหนึ่งของสี่คน เป็นนักศึกษาคนหนึ่งของแกรนต์ ณ วอร์ตันด้วย เขาได้เสนอความคิดทางธุรกิจต่ออาจารย์ของเขา และให้โอกาสเขาที่จะลงทุน แกนต์ได้กล่าวว่า เขากังวลใจการหลีกเลี่ยงที่จะเสี่ยงภัยของบลูเมนธอลจะทำให้ธุรกิจเสียหาย ที่จริงแล้วแกรนต์คิดว่าบลูเมนธอลควรจะลาออกจากคณะบริหารธุรกิจ และเข้าไปสู่ธุรกิจเต็มตัว แต่นีล บลูเมนธอลต้องการจบการศึกษาและมีแผนสำรอง
อดัม แกรนต์ ได้กล่าวว่า ถ้าเราถูกกดดันที่จะทำให้ธุรกิจนี้บรรลุความสำเร็จ เพราะว่าเราไม่มีอะไรอีกแล้ว เราน่าจะเข้ามาสู่ตลาดเร็วกว่ามาก และภายหลังจากการใช้หลายสัปดาห์พยายามค้นหา พวกเขาสามารถทำให้บุคคลซื้อแว่นตาออนไลน์อย่างไร ผู้ก่อตั้งได้ค้นพบ “โครงการทดลองที่บ้าน” อย่างฉลาด โครงการยอมให้ผู้ใช้เพียงแค่ทดสอบกรอบที่จะดูว่าพอดีและดูดีหรือไม่
อดัม แกรนต์ ได้กล่าวว่า การคิดคล้อยตามกลุ่มเกิดขึ้นจากสิ่งสองสิ่งที่สำคัญ ข้อแรกคือ ความเชื่อมั่นสูงเกินไป เมื่อบุคคลถูกชักจูงด้วยความคิดของพวกเขาเองสูงเกินไป เรามองเห็นสิ่งนี้ภายในการบุกอ่าวหมู คิวบา เรามองเห็นสิ่งนี้ภายในการตัดสินใจความท้าทายของนาซา เมื่อเรามั่นใจเราจะบรรลุความสำเร็จ เราไม่สงสัยตัวเราอีกแล้ว ข้อสองคือ ความห่วงใยชื่อเสียง มันปลอดภัยที่จะพูดถึงหรือไม่ กลุ่มจบลงด้วยการไม่ได้ยินมุมมองที่ไม่เห็นด้วย
ผู้นำสามารถกระตุ้นความเป็นต้นกำเนิดภายในองค์การของพวกเขาอย่างไร
เราต้องหยุดการว่าจ้างบนความสอดคล้องทางวัฒนธรรม มันเป็นวิถีทางที่ยิ่งใหญ่ที่จะแพร่พันธ์การคิดคล้อยตามกลุ่ม การมุ่งความสอดคล้องของวัฒนธรรมนำเราไปสู่ที่จะเอาบุคคลที่คิดภายในวิถีทางอย่างเดียวกับบุคคลที่มีอยู่ของเรา เรามีหลักฐานว่าเมื่อบริษัทขายหุ้นแก่ประชาชน บริษัทเหล่านี้ที่ว่าจ้างบุคคลบนความสอดคล้องของวัฒนธรรมเจริญเติบโตช้ามากขึ้น เพราะว่าพวกเขาได้ต่อสู้ที่จะสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลง เราควรจะใช้การว่าจ้างบนการมีส่วนช่วยทางวัฒนธรรม แทนการมองหาบุคคลที่สอดคล้องกับวัฒนธรรม
ถามว่าอะไรขาดไปจากวัฒนธรรมของเรา และคัดเลือกบุคคลที่สามารถมีส่วนช่วยเข้ามา
ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่ผมมองเห็นผู้นำหลายคนกล่าวว่า เราไม่เพียงแค่ว่าจ้างดาวรุ่ง เพราะว่าเรารู้ว่าค่านิยมสำคัญ ดังนั้นเมื่อเราว่าจ้าง เราให้ความสำคัญต่อความสอดคล้องของวัฒนธรรม เรากำลังนำบุคคลที่มีชีวิตและหายใจหลักการแกนของเรา และผูกพันกับภารกิจของเรา ถ้าเราเป็นสตาร์ทอัพเริ่มแรก นั่นเป็นประสิทธิภาพอย่างแท้จริง สตร์าทอัพที่ให้ความสำคัญความสอดคล้องของวัฒนธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ว่าจ้างดาวรุ่ง หรือบุคคลด้วยทักษะที่พวกเขาต้องการ น่าจะล้มเหลวน้อยลง และน่าจะออกสู่สาธารณะมากขึ้น ยกเว้นภายหลัง บริษัทที่ให้ความสำคัญต่อความสอดคล้องของวัฒนธรรมมีการเจริญเติบโตช้าที่สุดภายในมูลค่าตลาดประจำปี
ความสอดคล้องของวัฒนธรรมมีประโยชน์ เพราะว่าเราจบลงด้วยกลุ่ม
ของบุคคลที่มีแรงจูงใจเฉพาะก้าวเดินไปตามทิศทางเดียวกัน เรามีความชัดเจน และความลุ่มหลงต่ออะไรที่สำคัญ แต่เมื่อเราเจริญเติบโตความสอดคล้องของวัฒนธรรมกลายเป็นตัวแทนเพื่อการคิดคล้อยตามกลุ่ม และเราจบลงด้วยการเอาบุคคลที่มองโลกภายในวิถาทางเดียวกันเข้ามา และเราได้กำจัดความหลากหลายของความคิดไป
อย่ายอมให้สถานที่ทำงานของเรากลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ความสอดคล้องของวัฒนธรรมเป็นต้นตำรับของการคิดคล้อยตามกลุ่ม มันจะกำจัดความหลากหลายของความคิด เราต้องว่าจ้าง ให้รางวัล และเลื่อนตำแหน่งผู้มีส่วนช่วยทางวัฒนธรรม
เมเรดิธ เพอร์รี นักคิดค้นข้อแก้ปัญหาพลังงานไร้สาย เพื่อการชาร์จ
อุปกรณ์อิเลคโทรนิค ได้รับการสนับสนุนน้อยเมื่อเธอได้นำเสนอความคิดของเธอครั้งแรกต่ออาจารย์ฟิสิกซ์และวิศวกร พวกเขาเห็นพ้องกันว่ามันเป็นไปไม่ได้ ณ เวลานั้นที่จะชาร์จเครื่องมืออิเล็คโทรนิคผ่านคลื่นทางอากาศ
ดังนั้นเมเรดิธ เพอร์รี่ ได้เปลี่ยนแปลงยุทธวิธีของเธอ และใช้ม้าโทรจัน
อดัม แกรนต์ ได้กล่าวว่า เมเรดิธ ต้องการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยทำมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคคิดว่าความคิดของเธอโง่ และปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอ
ดังนั้นเมเรดิธได้เริ่มต้นที่จะไม่เปิดความคิดของเธอแก่บุคคล และได้เสาะหา
ผู้ร่วมมือที่ดีออกแบบชิ้นส่วนบนพื้นฐานข้อกำหนดของเธอ รวมเข้าด้วยกันด้วยตัวเธอเอง จากนั้นเมเรดิธ ได้บรรลุข้อพิสูจน์แนวคิดอย่างเพียงพอที่จะลงสู่
เงินทุนเพื่ออุปทานพลังงานไร้สายของเธอ
ถ้าความคิดของเราสุดขั้ว แสดงมันออกด้วยเป้าหมายที่ธรรมดามกขึ้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงความคิดของบุคคล เราสามารถดึงดูดต่อคุณค่าและความเชื่อที่พวกเขายึดอยู่แล้ว เราสามารถใช้ม้าโทรจันเหมือนเช่นเมเรดิธ เพอร์รี่ ทำ เมื่อเธอสวมหน้ากากวิสัยทัศน์ของเธอต่อพลังงานไร้สาย เบื้องหลังการร้องขอ
ที่จะออกแบบทรานสดิวเซอร์
จุดสำคัญของอดัม แกรนต์คือ วิสัยทัศน์ที่กล้าหาญบันดาลใจบุคคล แต่เมื่อวิสัยทัศน์ของเรากล้าหาญเกินไป มันจะกระตุ้นความสงสัย เราสามารถหลบซ่อนมันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ธรรมดามากขึ้น
การพูดเปรียบเทียบเทียบของม้าโทรจันได้กลายเป็นหมายถึงกลยุทธ์ที่ทำให้เป้าหมายเชิญศัตรูเข้ามาภายในสถานที่ป้องกันอย่างมั่นคง ดังที่เราน่าจะเคยเรียนภายในโรงเรีบน ม้าโทรจันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างกรีซและทรอย การเข้าไปสู่กรุงทอยอย่างแยบยลของข้าศึกกรีซโบราณและชนะสงคราม สงครามโทรจันดำเนินมายาวนานเป็นทศวรรษ ด้วยการมองไม่เห็นจะสิ้นสุดเมื่อไร และวีรบุรุษกรีซหลายคนได้เสียชีวิต จนโอดิสเซียส ได้ค้นพบความคิดเพื่อการได้ชัยชนะของกรีซ เนื่องจากชาวทรอยมองว่าม้าหายาก
ดังนันภายหลังจากล้อมกรุงทอยมานาน กองทัพกรีซได้สร้างม้าไม้ใหญ่โต และซ่อนทหารไว้ข้างใน เพื่อที่จะทำมันให้ต่อต้านไม่ได้มากขึ้น พวกเขาได้ใช้ไม้จากต้นคอร์เนลหายากที่จะสร้างมัน โอดีสเซียสและกลุ่มทหารได้ซ่อนตัว
ข้างในม้าไม้ กองทัพกรีกแสร้งทำแล่นเรือถอยกลับไป
ภายหลังจากการโต้เถียงว่ากรีซควรจะไว้วางใจได้หรืือไม่ ในที่สุดม้าโทรจันได้ถูกลากเป็นม้าของขวัญเข้าไปภายในกำแพงเมืองเป็นรางวัลเเห่งขัยชนะ คืนนั้นทหารกรีซที่ซ่อนอยู่ได้แอบออกมาจากม้าไม้ และเปิดประตูแก่กองทัพกรีซที่แล่นเรือกลับมาภายใต้ความมืดของตอนกลางคืน
สิ้นสุดของการล้อมสิบปีเป็นการผ่อนคลายอย่างมากต่อชาวทรอย พวกเขาได้มีการฉลองตอนกลางคืน ตอนเที่ยงคืน บุคคลทุกคนมีอาการเมาไม่รู้สึกตัว
โอดีสเซียสได้ส่งสัญญานไปที่กองเรือกรีซที่จะกลับมา และนำทหารของเขาออกจากม้าโทรจัน ฆ่าทหารยามที่ไม่สงสัยและเปิดประตู ทหารกรีซได้เข้าไปภายในเมืองและทำลายกรุงทอย พวกเขาได้สังหารหมู่ชาวโทรจัน ไว้ชีวิตไม่กี่คนเป็นทาส การสิ้นสุดของสงครามสิบปี นักกวีโรมัน เวอร์กิล ได้กล่าวว่า ระวังของขวัญที่กรีซให้

ตำนานของม้าโทรจัน เรื่องราวสงครามกรุงทรอยได้สร้างต้นกำเนิดของสุภาษิตว่า ” Beware a Greek Bearing Gifts” ระวังเมื่อชาวกรีกให้ของขวัญ หรืออย่าไว้วางใจศัตรูของเรา ถ้าบุคคลบางคนบอกเราระวังเมื่อชาวกรีซให้ของขวัญ เขากำลังเตือนเราว่าเราจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเหตุผลทำไมบุคคลบางคนปฏิบัติต่อเราเอาใจทัันที
คำเตือนแสดงว่าบุคคลที่เอาใจอาจจะมีความต้องการซ่อนเร้าจากการเอาใจ
ดังนั้นชาวโทจันควรจะกลัวชาวกรีกให้ของขวัญแก่พวกเขา เพราะว่ามันดูเหมือนกับของขวัญที่เอาใจ แท้จริงแล้วมุ่งหวังที่จะเป็นเครื่องมือของสงครามและทำลาย
ถ้าบุคคลบางคนที่ก่อนหน้านี้เป็นคู่แข่งขันหรือศัตรูทันทีได้เริ่มต้นที่จะกระทำอย่างเอาใจ เขาอาจจะมีความต้องการที่ลึกลับคล้ายกับชาวกรีซเมื่อพวกเขาให้ม้าไม้โทรจัน ดังนั้นเราควรจะสังสัยหรือระมัดระวัง

เออร์วิง จานิส นักจิตวิทยาสังคม มหาวิทยาลัยเยล ได้สร้างถ้อยคำการคิดคล้อยตามกลุ่ม ที่จะอ้างถึงวิถึทางของการคิดที่บุคคลมีส่วนร่วม เมื่อพวกเขา
ได้เกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งภายในกลุ่มที่ยึดเหนี่ยว เมื่อความมุ่งมั่นของสมาชิกเพื่อ
การเห็นพ้องครอบงำแรงจูงใจของพวกเขาที่จะประเมินทางเลือกของการกระทำอย่างแท้จริง
เออร์วิง จานิส ได้เขียนหนังสือชื่อ Victims of Groupthink เมื่อ ค.ศ 1972 การคิดคล้อยตามกลุ่มได้ถูกมองเป็นโรคอย่างหนึ่งของกลุ่มที่มีสุขภาพ การทำให้กลุ่มขาดประสิทธิภาพและขาดเหตุผล เออรวิง จานิส ได้ระบุสาเหตุหลายอย่างคือ ความยึดเหนี่ยว การทำงานแยกออกมา ความเป็นผู้นำที่ลำเอียง และความเครียดทางการตัดสินใจ
สภาวะที่มาก่อนพื้นฐานสามอย่างของการพัฒนาการคิดคล้อยตามกลุ่มคือ
1 กลุ่มที่มีความยึดเหนี่ยวสูงมาก
2 ผู้นาพอใจต่อการตัดสินใจบางอย่าง
3 การแยกต่างหากของกลุ่มจากความคิดเห็นภายนอกที่เหมาะสม
เรามีสองตัวอย่างที่มีชื่อเสียงของการคิดคล้อยตามกลุ่มภายในการกระทำคือ ภัยพิบัติของกระสวยอวกาศชาลเลนเจอร์ และการบุกอ่าวหมู คิวบา ของประธานาธิบดีอเมริกัน จอห์น เคนเนดี้
เมื่อ 28 มกราคม 1986 การตัดสินใจที่ถึงแก่ชีวิตได้เกิดขึ้นจากการปล่อยกระสวยอวกาศชาลเลนเจอร์ จากศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ภายในฟลอลิดา
วันนั้นนักบินอวกาศเจ็ดคนได้สูญเสียชีวิตของพวกเขาเมื่อกระสวยอวกาศได้ระเบิด และกระจายลงสู่มหาสมุทรแอตแลตแลนติดด้วยส่วนที่เหลือของมัน การเสียชีวิตทุของสมาชิกเจ็ดคนของลูกเรือทุกคน และโดยเฉพาะครู คริสต้า แมคอูลิฟฟี่ ทำให้ประเทศตกตะลึง โชคไม่ดีประเทศได้เรียนรู้ภายในเดือนต่อมาว่าโศกนาฏกรรมสามารถหลีกเลี่ยงได้
อุณหภูมิของอากาศวันนั้นเป็น 15 องศาฟาเรนไฮต์ ว ต่ำกว่าการปล่อยก่อนหน้านี้ วิศวกรได้ยกคำถามความห่วงใยต่อสมรรถนะของโอริงภายใต้อุณหภูมิที่เย็น แต่ในที่สุดการตัดสินใจให้เดินหน้าต่อไป ภายหลังการปล่อย
ในไม่ช้าโอริงได้ล้มเหลว ทำให้กระสวยอวกาศระเบิด หลายกรณีศึกษาต่อ
อุบัติเหตุครั้งนี้สรุปว่า การคิดคล้อยตามกลุ่มปรากฎภายในการตัดสินใจที่นำไปสู่การระเบิดของชาลเลนเจอร์
ทีมการตัดสินใจสูงสุดรับผิดชอบต่อการปล่อยชาลเลนเจอร์คุ้นเคยกันและกันมาก พวกเขาทำงานด้วยกันมานานหลายปีก่อนภารกิจนี้ ความยึดเหนี่ยวของกลุ่มภายในการตัดสินใจสามารถหลอกลวงได้ การตัดสินใจมักจะทำอย่างรวดเร็ว และด้วยระดับของการเห็นพ้องกันที่สูง แต่มันอาจจะไม่เป็นการเลือก
ที่ดีที่สุด การคิดคล้อยตามกลุ่ม หรือภาพลวงตาของการเห็นพ้องกันมองเห็นได้จากแม้ว่าผู้ผลิตโอริงได้รับรู้ความเสี่ยงภัยของการทำงานไม่ปรกติของโอริง ภายใต้สภาวะเย็นจัดอย่างรุนแรง ผู้ผลิตได้เห็นด้วยกับการปล่อยกระสวยอวกาศชาลเลนเจอร์ แสดงให้เห็นภาพลวงตาของการเห็นพ้องกัน
วิศวกรของกระสวยอวกาศรู้เกี่ยวกับชิ้นส่วนที่ผิดพลาดบางชิ้นก่อนการปล่อย
แต่พวกเขาไม่ต้องการเป็นข่าวลบ ดังนั้นพวกเขาได้ผลักดันไปข้างหน้าด้วยการปล่อยกระสวยอวกาศ เมื่อ ค.ศ 1968 ยานอวกาศชาลเลนเจอร์ ได้ระเบิด 73 วินาทีภายหลังการปล่อย ความฝันได้กลายเป็นฝันร้ายอย่างรวดเร็ว ชาลเลนเจอร์ ได้หายไป เมื่อไอสีขาวระเบิดจากถังภายนอก ผู้ชมจำนวนมากต่างตกตะลึง เป็นครั้งแรกภายในประวัติของพวกเขา นาซาได้สูญเสียลูกเรือบนภารกิจด้วยการเฝ้ามองของประเทศ
เนื่องจากการตัดสินใจของทีมที่บกพร่อง ผู้ตัดสินใจของนาซาห่วงใยเกี่ยวกับความพอใจและความบันเทิงของชาวอเมริกันมากกว่าความปลอดภัยของการปล่อยและลูกเรืิอ ภายหลังการระเบิด การตรวจสอบสาเหตุของการระเบิดเกิดจากชิ้นส่วนยางเรียกว่า โอริง
ประธานาธิบดีจอห์น เคนเนดี ได้ทำการตัดสินใจบุกอ่าวหมู คิวบา ล้มล้างรัฐบาลฟิเดล คาสโต ด้วบบุคคลรายรอบเขาสนับสนุน แม้ว่าพวกเขาจะห่วงใย
ต่อการบุกอ่าวหมูครั้งนี้ การบุกอ่าวหมู 1961 ความพยายามที่จะบุกคิวบาและล้มล้างผู้เผด็จการ ฟิเดล คาสโตร์ ที่ได้กลายเป็นความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวง
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเออร์วิง แจนิส คือ การตัดสินใจโดยที่ปรึกษาของประธานาธิบดี จอห์น เคนเนดี้ ภายในการบุกคิวบา เพื่อที่จะล้มรัฐบาลของฟิเดล คาสโตร์
เออร์วิง จานิสได้สร้างแนวคิดกลุ่มของบุคคลที่ฉลาดบางครั้งจะทำการตัดสินใจที่เลวที่สุด บนพื้นฐานของปัจจัยหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น สมาชิกของกลุ่มอาจจะมีภูมิหลังคล้ายกันที่สามารถกีดกั้นพวกเขาจากความคิดเห็นของกลุ่มภายนอก
เมื่อ ค.ศ 1960 ภายหลังจากการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ชื่อฟิเดล คาสโตร์
โค่นล้มอำนาจของรัฐบาลของเขา การแต่งตั้งตัวเขาเองเป็นผู้เผด็จการและเปลี่ยนแปลงคิวบาให้รัฐพรรคเดียว ความกลัวต่อกระแสที่เพิ่มสูงขึ้นของลัทธิคอมมิวนิสต์ไปทั่วโลก ประธานาธิบดีไอเซนฮาวด์ ได้ขอให้ซีไอเอ จัดตั้งชาวคิวบาพลัดถิ่นเป็นกองกำลังการบุกที่จะยึดคิวบาคืนจากการปกครองของฟิเดล คาสโตร์ ที่ทำการปฏิวัติได้บรรลุความสำเร็จ ประธานาธิบดี ไอเซนฮาวด์ กำลังพยายามที่จะแก้ปัญาหาสองข้อ เราจะอย่างไรกับประเทศคอมมิวนิสต์ใหม่ที่อยู่ห่างจากฟลอริดา 90 ไมล์เท่านั้น เราจะทำอย่างไรกับชาวคิวบาพลัดถิ่นจำนวนมาก ความคิดที่จะให้ชาวคิวบาเพลัดถิ่นยึดคืนคิวบาจากฟิเดล คาสโตร์ เมื่อจอห์น เคนเนดี้ ได้กลายเป็นประธานาธิบดีเมื่อต้น ค.ศ 1961
คำถามคือจอห์นเคนเนดี้ จะเลือกการดำเนินตามแผนต่อไปหรือไม่ การตัดสินใจของเขาในที่สุดได้กลายเป็นที่รู้จ้กกันว่าเป็นความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศที่น่าอับอายที่สุดตลอดกาล และได้กลายเป็นตัวอย่างต้นแบบของ “การคิดคล้อยตามกลุ่ม” แนวโน้มของกลุ่มที่จะกลายเป็นจิตใจของความสนิทสนม และการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีท่ามกลางทีมที่ปรึกษาของจอห์น เคนเนดี้ ได้ทำให้พวกเขาได้ยับยั้งข้อสงสัย ผู้คัดค้านที่สงบนิ่ง และรีบเร่งที่จะเห็นพ้องต้องกันโดยไม่มีการวิเคราะห์ความคิดอย่างเต็มที่
ถ้าเป็นจอห์น เคนเนดี้ แล้ว ผลตามมาจะเป็นความหายนะที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่ประหลาดใจว่าการตัดสินที่ไมดีอย่างมากเกิดขึ้นได้อย่างไร โดย
เฉพาะ จอห์น เคนเนดี้ได้ใช้เวลาหลายวันอภิปรายกับทีมที่ปรึกษาที่ฉลาดและมีชื่อเสียงที่มีทั้งโรเบิร์ต แมคนามารา โรเบิร์ต เคนเนดี์ อาเธอร์ ชาเลสซิง เจอร ์ และอัลเลน ดูลเลส
ภายใต้แผนการบุกคิวบาที่พวกเขาได้ยอมรับ ชาวคิวบาพลัดถิ่น 1,400 คน ตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่กัวเตมาลา และได้รับการฝึกอบรมจากซีไอเอแล้ว จะจู่โจมหัวหาด ณ อ่าวหมู ติดอาวุธด้วยทหารปืนใหญ่อเมริกัน และเดินแถวเข้าสู่ฮาวานา บันดาลใจโดยความกล้าหาญอเมริกัน ชาวคิวบาจะลุกขึ้นต่อต้านฟิเดล คาสโตร์ การรุกคืบของกระแสลัทธิคอมจะเปลี่ยนแปลงไป และจอห์น เคเนดี้ จะมีชื่อเสียงจากชัยชนะที่ชอบธรรมต่อศัตรูที่ชั่วร้าย
อะไรได้เกิดขึ้น ทรัพยากรได้ถูกดึงเข้ามา ณ ช่วงเวลาสุดท้าย ชาวคิวบาพลัดถิ่น 1,400 คนที่บินลงบนชายหาดได้เผชิญกับกองกำลังคิวบาของทหาร 20,000 คน เมื่อพวกเขาใกล้จะถึงบริเวนที่บินลง พวกเขาได้มองหาเครื่องบินอเมริกันและเรือพิฆาตตามที่สัญญาไว้ แต่การสนับสนุนทางอากาศและทางเรือไม่มีเลย ชาวคิวบาพลัดถิ่นมากว่า 1,200 ถูกจับเป็นนักโทษ ส่วนที่เหลืออยู่ได้ถูกฆ่า หัวหน้าซีไอเอและหัวหน้าเสนาธิการทหาร ได้บอกจอห์น เคนเนดี้ ถึงแผนที่จะบุกคิวบา
ระหว่างสามเดือนต่อมา กลุ่มที่ปรึกษาของเขาได้พบกันที่จะอภิปรายการบุกคิวบา และในที่สุดพวกเขาได้ยอมรับแผนของซีไอเอ ภายหลังจากการอภิปราย
อย่างยาวนานท่ามกลางที่ปรึกษาสูงสุดของเขา จอห์น เคนเนดี้ได้ยอมรับแผนการบุก
การบุกคิวบาได้เกิดขึ้น ณ สถานที่ที่เรียกว่า อ่าวหมู และพังพินาศลง กองกำลังชาวคิวบาพลัดถิ่นจำนวนมากได้ถูกฆ่าหรือจับกุม เนื่องจากการขาดการสนับสนุนทางอากาศ
อาวุธยุทธพันธ์ที่จำเป็น และเส้นทางหลบหนี ชาวคิวบาพลัดถิ่นเกือบ 1,200
คนได้ยอมแพ้
ผมโง่ได้อย่างไร จอห์น เคนเนดี้ ได้ถามภายหลังจากความล้มเหลวของอ่าวหมู เขาได้เรียกมันว่า ความผิดพลาดที่ใหญ่โต มันทำให้เขารู้สึกขมขื่น เศร้าใจทำผิด และน้ำตาไหล
เออร์วิง จานิส เชื่อว่าที่ปรึกษาสูงสุดของจอห์น เคนเนดี้ ไม่เต็มใจจะท้าทายความคิดที่ไม่ดี เพราะว่ามันอาจจะทำให้การเห็นพ้องต้องกันของกลุ่มวุ่นวาย
อาเธอร์ ขาเลสซินเจอร์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีได้คัดค้านอย่างรุนแรงต่อการบุกภายในบันทึกที่ส่งไปยังประธานาธิบดี แต่ได้ยับยั้งข้อสงสัยของเขาภายในการประชุมทีม ณ การประชุมที่สำคัญครั้งหนึ่ง จอห์น เคนเนดี้ ได้ขอให้สมาชิกแต่ละคนออกเสียงเห็นด้วยหรือไม่กับการบุกคิวบา ยกเว้นอาเธอร์ ชาเลสซิงเจอร์ สมาชิกหลายคนเชื่อว่าสมากชิกคนอื่นจะเห็นด้วยกับแผนการบุก

มันเป็นช่วงเวลาเย็นเมื่อ ค.ศ 2008 เพื่อนสี่คนกำลังนั่งภายในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย เริ่มต้นที่จะปฏิรูปอุตสาหกรรม พวกเขาได้ทำแว่นตาสูญหายและแตก และเจ็บแค้นต่อราคาที่แพงที่จะทดแทนมัน เพื่อนคนหนึ่งของพวกเขาได้ใส่แว่นตาที่ชำรุดนานห้าปี พวกเขากำลังใช้คลิปกระดาษที่จะยึดกรอบเข้าด้วยกัน แม้ว่าภายหลังการแนะนำให้เปลี่ยนถึงสองครั้งของเขา เขาปฏิเสฐที่จะจ่ายราคาเลนซ์ใหม่ที่แพง
ลูซอตติก้า กอริลล่า 880 ปอนด์ ของอุตสาหกรรมควบคุมมากกว่า 80% ของตลาดแว่นตา เพื่อที่จะทำให้แว่นตาราคาถูกลง นักศึกษาต้องโค่นล้มยักษ์ใหญ่
การเฝ้ามองไม่นานมานี้แซปโป้ส์ได้ปฏิรูปร้องเท้าด้วยการขายรองเท้าออนไลน์
พวกเขาสงสัยถ้าพวกเขาควรจะทำอย่างเดียวกับแว่นตาได้หรือไม่ เมื่อพวกเขา
บางครั้งได้กล่าวถึงความคิดของพวกเขาต่อเพื่อน ครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาจะถูกคัดค้าน ไม่มีใครเคยซื้อแว่นตาผ่านอินเตอร์เนต พวกเขาได้อภิปรายกันอย่างไรและทำไมแว่นตาราคาแพงมาก และจบลงด้วยความคิดของการเปิดตัวเว็บไซต์ที่จะขายแว่นตาออนไลน์ พวกเขาสี่คนทุกคนเชื่อว่านี่จะเป็นความสะดวกอย่างแท้จริงต่อบุคคลที่จะซื้อแว่นตาออนไลน์ พวกเขาได้อภิปรายความคิดกับอาจารย์ของพวกเขาด้วย
มันเป็นความชัดเจนมากขึ้นที่วอร์บี พาร์คเกอร์รากฐานนิวยอร์ค เป็นบริษัทที่บริษัทแว่นตาอื่นพิจารณาเป็นหน่วยวัดมาตรฐาน ใครก็ตามแสวงหาที่จะลบล้างการเกือบผูกขาดของลูซอตติคา ยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมเบื้องหลัง เลนส์คราฟเตอร์ อายเมด และนักออกแบบกรอบเกือบทุกคน วอร์บี พาร์คเกอร์ ก่อตั้งโดยนักศึกษาวอร์ตัน สคูล สี่คน เมื่อพวกเขารับรู้ว่าเรามีความต้องการบริษัทแว่นตาที่สามารถจัดหาแว่นตาคุณภาพสูงและสไตล์คลาสสิค ณ ราคาไม่แพง พวกเขาเปิดตัววอร์บี พาร์คเกอร์ เมื่อ ค.ศ 2010 เกือบทศวรรษต่อมา บริษัทของพวกเขามีมูลค่ามากกว่าพันล้านเหรียญ
ตลาดแว่นตาออนไลน์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และลูกค้าได้หาวิธีการเหมือนเช่นการวัดดั้งแว่นตาและแขนอย่างรวดเร็ว มันเป็นเพีียงแค่เวลาก่อนการซื้อแว่นตาบนอินเตอร์เนตง่ายและไว้วางใจได้ เหมือนการซื้อรองเท้าบนอเมซอนและแซปโปส์ วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้พยายามบรรเทาความเสี่ยงภัยของการซื้อออนไลน์โดยการส่งกรอบที่แตกต่างกันห้าอันแก่ลูกค้า การปฏิบัติที่สิ้นเปลือง แต่ซีอีโอของวอร์บี พาร์คเกอร์ได้กล่าวถึงโอกาสของกรอบที่ทดสอบชำรุดจะถูกลบล้างโดยการเพิ่มความพอใจของลูกค้า
องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่เพิ่มโสหุ้ยของวอร์บี พาร์คเกอร์์ คือโมเดลผสมของทั้งการขายออนไลน์และร้านค้าชีวิตจริงของบริษัท ต้นทุนเหล่านี้ทำให้พวกเขาแข่งขันกับคู่แข่งขันออนไลน์คุณภาพสูงที่ไม่มีร้านค้ากายภาพ
พวกเขาได้ตอบสนองว่า การบริการเป็นเรื่องใหญ่ ลูกค้าหลายคนสบายใจกับ การซื้อแว่นตาออนไลน์ แต่ลูกค้าจำนวนมากยังคงต้องการที่จะทดลองกรอบ ถามคำถาม และความช่วยเหลือของพนักขายที่มีประสบการณ์
จุดสำคัญอย่างหนึ่งที่อย่าลืม แว่นตาทุกอันที่ขาย วอร์บี พาร์คเกอร์เเจกแว่นตาหนึ่งอันไม่เสียเงินแก่บุคคลบางคนที่ต้องการ ไม่นานมานี้บริษัทได้ประกาศว่าพวกเขาได้แจกแว่นตาห้าล้านอันไปแล้ว
ทำนองเดียวกับทอม ชูส์ วอร์บี พาร์คเกอร์ ก่อตั้งบนหลักการของการซื้อหนึ่งอัน ให้หนึ่งอัน : ต่อทุกอันของแว่นตาที่ซื้อ แว่นตาหนึ่งอันจะถูกแจกจ่ายแก่บุคคลบางคนที่ต้องการ ทอม ชูส์ ได้ทำให้ การให้ หนึ่งเพื่อหนึ่ง นิยมแพร่หลาย แต่วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้เพิ่มการฝึกอบรมผู้ประกอบการท้องที่รายได้ต่ำ
ที่จะเริ่มต้นธุกิจของพวกเขาเอง การขายแว่นตา ณ ราคาไม่แพง เนื่องจากทอม ชูส์ ได้รับคำวิจารณ์ต่อโมเดล หนึ่งเพื่อหนึ่ง ร้องเท้าคู่หนึ่งจะถูกบริจาคแก่เด็กที่ต้องการต่อรองเท้าทุกคู่ที่ซื้อโดยลูกค้า แต่ภายหลังมองเห็นประโยชน์ทางการตลาด ธุรกิจเพื่อกำไรมากขึ้นทุกทีกำลังใช้โมเดลอย่างเดียวกันที่จะบริจาคผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่กำลังพัฒนา
เรามีปัญหาพื้นฐานของโมเดลหนึ่งเพื่อหนึ่งคือ เมื่อบุคคลทุกคนภายในชุมชนสามารถได้รองเท้าหนึ่งคู่ไม่เสียเงิน ผู้ขายรองเท้าท้องที่ต้องเลิกธุรกิจไป ไม่เพียงแต่ทำให้เศรษฐกิจท้องที่เสียหายเท่านั้น แต่มันเป็นข้อแก้ปัญหาระยะสั้นที่สร้างปัญหาระยะยาวด้วย
เว็บไซต์ของวอร์บี พาร์คเกอร์ ได้อธิบายว่าบุคคลเกือบพันล้านคนทั่วโลกเข้าหาแว่นตาไม่ได้ นี่หมายความว่า 15% ของพลเมืองโลกไม่สามารถเรียน
หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่การบริจาคแว่นตาโดยใช้หนึ่งเพื่อหนึ่งสมัยเดิม
วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้สนับสนุนเงินการผลิตแว่นต่าแก่องค์การไม่ทำกำไร วิชั่น สปริง จากนั้นวิชัน สปริง จัดหาแว่นตาและการฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการรายได้ต่ำภายในการพัฒนาประเทศ เริ่มต้นธุรกิจการขายแว่นตาของพวกเขาเอง
ผู้ประกอบการท้องที่สามารถขายแว่นตาไม่แพง มีรายได้การดำรงชีวิต และบริการบุคคลภายในชุมชนของพวกเขา ที่มิฉะนั้นแล้วไม่สามารถเข้าหาแว่นตาได้ และสมาชิกของชุมชนที่ก่อนหน้านี้รับภาระแว่นตาไม่ได้ สามารถซื้อและใส่แว่นตาที่พวกเขาต้องการที่จะอ่านและทำงานได้
วอร์บี พาร์คเกอร์ มุ่งการดำเนินงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย บริษัทคาร์บอนเป็นศูนย์ 100 % และเป็นตราสินค้าแว่นตาคาร์บอนเป็นศูนย์เดียวเท่านั้นภายในโลก วอร์บี พาร์คเกอร์ ทำงานอย่างเข้มแข็งที่จะลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ด้วยการวางแผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเรา ตั้งแต่การผลิตกรอบ ไปถึงการขนส่งไปคลังสินค้า ไปสำนักงาน
การปฏิบัติของวอร์บี พาร์คเกอร์ เป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ของความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัทอย่างแน่นอน เนื่องจากวอร์บี พาร์คเกอร์ ค่อนข้างใหม่ต่ออุตสาหกรรมแว่นตาที่ส่วนใหญ่ของตราสินค้าแว่นตาอยู่ภายใต้ลูซอตติคา
บุคคลสามารถมองเห็นว่าข้อพิสูจน์นี้เป็นคุณลักษณะที่แท้จริงของวอร์บี
พาร์คเกอร์ ไม่ใช่การเดินตามตราสินค้าแนวหน้าภายในแว่นตา
วอร์บี พาร์คเกอร์ สร้างตราสินค้าและการนำเสนอของพวกเขาเอง – การนำเสนอของการคืนกลับแก่สังคม ยิ่งกว่านั้นสมบัติของวอร์บี พาร์คเกอร์คือ ลูกค้าของพวกเขา ที่จริงแล้ววอร์บี พาร์คเกอร์ เป็นบี คอรปอเรชั่น คะแนนสูงกว่าและเลยพ้นคะแนนที่จำเป็นต่อการรับรอง บี คอร์ป เป็นบริษัทที่ทำกำไรทุ่มเทต่อปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการประเมินความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัืทอย่างถูกต้อง มันสำคัญที่จะต้องพิจารณาบรืษัทรับผิดชอบต่อใคร ลูกค้า นักลงทุน และบุคคลของบริษัท และคำพูดโดยทั่วไปคือ สังคม วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้พิสูจน์ที่จะรับผิดชอบภายในทุกด้านเหล่านี้
ความรับผิดชอบทางสังคมของบริษัท – ซีเอสอาร์ เป็นถ้อยคำที่ถูกใช้อธิบายความพยายามของบริษัทที่จะมีส่วนช่วยทางบวกต่อสังคมภายในวิถีทางหนึ่งหรืออย่างอื่น ซีเอสอาร์ได้ปรากฏโฉมหน้านานมาแล้วเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการดำเนินงานต่อบริษัทหลายบริษัทภายในหลายอุตสาหกรรม ซีเอสอาร์ ไม่ได้เป็นโมเดลที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ เนื่องจากมันมักจะอยู่ที่รากเหง้าภายในภารกิจเฉพาะของบริษัท แต่กระนั้นซีเอสอาร์โดยทั่วไปมุ่งที่เศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม บริษัทวัด ตรวจสอบ และปรับปรุงผลกระทบของมันต่อสังคมโดยส่วนรวม
บุคคล 2.5 พันล้านคนทั่วโลกต้องการแว่นตา แต่เข้าหามันไม่ได้ 624 ล้านคนจากจำนวนนี้ไม่สามารถเรียนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากความบกพร่องทางการมองเห็นอย่างรุนแรง เพื่อที่จะช่วยจัดการปัญหานี้ วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้ทำงานกับหุ้นส่วนทั่วโลกที่จะรับรองว่าทุกอ้นของแว่นตาวอร์บี พาร์คเกอร์ที่ซื้อ แว่นตาหนึ่งอันจะถูกแจกจ่ายแก่บุคคลบางคนที่ต้องการ
ตั้งแต่เริ่มต้นวิชั่น สปริง เป็นหุ้นส่วนรากฐานของเราภายในโครงการซื้อแว่นตาอันหนึ่ง ให้แว่นตาอันหนึ่ง เราสนับสนุนโมเดลการเป็นผู้ประกอบการเพื่อสังสมระหว่างประเทศของเรา มันทำให้เป็นไปได้ต่อผู้ชายและผู้หญิงรายได้ต่ำที่จะซื้อและขายแว่นตาราคาไม่แพง มีรายได้ดำรงชีวิต และดูแลครอบครัวของพวกเขา นอกจากให้การฝึกอบรมทางอาชีพแล้ว เรายังทำให้การดูแลสายตาเข้าสู่มากขึ้นภายในชุมชนที่ทางเลือกน้อยหรือไม่มีเลย มากกว่า 50% ของลูกค้าของวิชั่น สปริงได้แว่นตาเป็นครั้งแรก
เมื่อ ค.ศ 2015 เราได้สร้างโครงการเด็กนักเรียนที่ให้การตรวจสายตาและแว่นตา ไม่เสียเงินแก่เด็กโรงเรียน ความไม่สามารถมองเห็นเป็นสภาวะไร้ความสามารถที่แพร่หลายมากที่สุดอย่างหนึ่งท่ามกลางเด็กภายในอเมริกา โครงการเด็กนักเรียนของเราได้กำจัดอุปสรรคด้วยการให้แว่นตาตามคำสั่งแพทย์ไม่เสียเงิน และพบเด็กภายในห้องเรียนของพวกเขา ปัญหาการมองเห็นได้นำมาสู่แสงสว่างครั้งแรก
สมมุติว่าหลายปีที่ผ่านมาบุคคลบางคนได้ถามเราว่าเป็นไปได้หรือไม่ต่อนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจได้ลบล้างบริษัทค่อนข้างผูกขาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 60 – 80% ภายในอเมริกา เราอาจจะตอบว่าพวกเขาบ้า เราไม่ได้เป็นคนเดียวเท่านั้น อดัม แกรนท์ นักวิชาการ ณ วอร์ตัน เขียนภายในหนังสือเล่มล่าสุดของเขา Originals ย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ 2009 ผู้ก่อตั้งคนหนึ่งได้โยนบริษัทใส่ผม นำเสนอผมโอกาสที่จะลงทุนภายในวอร์บี พาร์คเกอร์ ผมได้ปฏิเสธ มันเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่เลว อดัม แกรนท์ ได้อธิบายภายในหนังสือของเขาต่อข้อสงสัยหลายอย่าง อี คอมเมิรช ต่อแว่นตาดูแล้วเป็นข้อเสนอที่ล้มเหลว ใครจะซี้อแว่นตาออนไลน์ ไม่มีผู้ก่อตั้งใครเลยจะดำเนินตามโอกาสได้เต็มเวลา
การตัดสินใจดูเหมือนจะช้า การใช้เวลาหกเดือนที่จะยอมรับชื่อบริษัท การก้าวไปของการตัดสินใจที่ช้านี้จะทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้หรือ ด้วยการมองย้อนหลัง เมื่อผมได้เปรียบเทียบทางเลือกของทีมวอร์บี พาร์คเกอร์ ต่อโมเดลความคิดของทางเลือกของผู้ประกอบที่บรรลุความสำเร็จของผม ไม่ได้มีความสอดคล้องกัน ตามความคิดของผม มันจะเป็นโชคชะตาที่ล้มเหลว ปัจจุบันนี้
วอร์บี พาร์คเกอร์ ได้ถูกประเมินมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญ
การสร้างความคิดของวอร์บี พาร์คเกอร์ ได้เกิดขึ้นภายในห้องทดลองคอมพิวเตอร์ เมื่อเพื่อนสี่คนได้คร่ำครวญกับสภาวะของอุตสาหกรรมแว่นตา ทำไมราคาแว่นตาแพงเหลือเกิน การค้นพบได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อได้ตรวจสอบคำถาม ผู้ก่อตั้งได้เข้าใจว่าราคาที่สูงเนื่องจากการรวมศูนย์อำนาจภายในบริษัทเดียว ลูซอตติคา ควบคุม 80% ของตลาดแว่นตาระดับบน ลูซอตติคา
ได้ออกแบบและผลิตกรอบแก่ตราสินค้าที่สำคัญ เช่น ชาเนล ราล์ฟ ลอเร็น
พราดา และอมานี ผ่านข้อตกลงการให้สัมปทาน และเป็นเจ้าของตราสินค้าเหมือนเช่น โอคลี่ย์ เรย์ แบน และเพอร์ซอล ลูซอตติคา เป็นเจ้าของเบนส์
คราฟเตอร์ เพริลวิชัน และซันแกลส ฮัท ด้วย นี่คือเหตุผลทำไมแว่นตาราคาแพงมาก

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *